“โฆษกส่วนตัวนายกฯ ” ยันไทยพยายามรักษาบรรยากาศการประชุมอาเซียแต่ จำเป็นต้องชี้แง หลัง “ฮุนเซน” ออกหน้าช่วย “นช.ทักษิณ” เชื่อเข้าใจคลาดเคลื่อนหลัง “บิ๊กจิ๋ว”บินคุย เตือนตั้งเป็นที่ปรึกษาศก. ระวังทุนสามานย์ครองเมือง ทำคนขับไล่
วันนี้(24 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรนีประเทศกัมพูชาระบุในการให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของไทยว่าจะให้มาเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจกับตนเองว่า เรื่องนี้รัฐบาลไทยพยายามหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นมาโดยตลอด แต่เมื่อสมเด็จฮุนเซนแสดงท่าทีเรื่องนี้ในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของนายกฯอภิสิทธิ์ที่แสดงภาวะผู้นำในฐานะประเทศเจ้าภาพได้ดีเยี่ยม ที่ใช้ความระมัดระวังทางการทูตเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศของการประชุม แม้ว่านายกฯอภิสิทธิ์เองจะเป็นผู้นำชาติที่มีอาวุโสน้อยกว่าก็ตาม แต่ก็ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเป็นผู้นำชาติที่มีอาวุโสสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างสุภาพนอบน้อม และเชื่อว่าสมเด็จฮุนเซนคงจะนำคำชี้แจงกล่าวเตือนนี้ไปไตร่ตรองให้รอบคอบ มิฉะนั้นความเสียหายด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองของทั้งสองชาติได้
นายเทพไท กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า ตัว พ.ต.ท.ทักษิณคือ ภัยอันตรายที่ร้ายแรงจริงๆ ที่สร้างความแตกแยกในชาติจนป่นปี้แล้ว ยังสร้างความแตกแยกในระดับนานาชาติ จึงก่อเกิดความขัดแย้ง หวาดระแวงระหว่างไทยและกัมพูชาอีกด้วย และตนก็ไม่เข้าใจว่าที่สมเด็จฮุนเซนยกตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาเปรียบเทียบกับนางออง ซาน ซูจี ได้อย่างไร เพราะในข้อเท็จจริงนางออง ซาน คือนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ถูกกลุ่มทหารยึดอำนาจจริง แต่กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักธนาธิปไตย เป็นนายทุนสามานย์ ทุจริต โกงกินคอรัปชั่นของชาติจนถูกทหารไล่ลงจากตำแหน่ง ถ้าเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 ที่สมเด็จฮุนเซนมองว่า ไม่ถูกต้องและไม่ยอมรับรัฐบาลหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อยากถามว่าทำไมสมเด็จฮุนเซนจึงยอมรับรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องชอบธรรมตามธรรมนูญ กฏหมาย เหตุใดจึงไม่ออกมาโวยวายและปฏิเสธในช่วงเวลานั้น แต่พอการเมืองภายในประเทศไทยเปลี่ยนขั้ว มีรัฐบาลใหม่ที่อยู่ตรงข้ามกับระบบทักษิณกลับออกมาโวยวาย กล่าวหาว่าไม่ชอบธรรมทันที
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า และไม่เข้าใจว่าสมเด็จฮุนเซนได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างหรือข้อมูลที่ผิดพลาดอะไรกันแน่ โดยเฉพาะท่าทีภายหลังจากที่ได้พูดคุยกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ทำให้สมเด็จฮุนเซนมีท่าทีเปลี่ยนไป ซึ่งอาจสันนิฐานได้ว่าการพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนกับพล.อ.ชวลิต สื่อความหมายรู้เรื่องกันหรือไม่ เพราะตัวพล.อ.ชวลิตเองพูดภาษาไทยยังต้องแปลเป็นภาษาไทย เพราะคนไทยทั้งประเทศฟังพล.อ.ชวลิตพูดภาษาไทยยังไม่เข้าใจมาโดยตลอด ส่วนที่สมเด็จฮุนเซนประกาศจะแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจนั้น ก็ถือเป็นสิทธิที่เพื่อนจะปฏิบัติต่อเพื่อน แต่อยากเตือนด้วยความหวังดีว่า สักวันหนึ่งจะเห็นคนเขมรออกมาต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนกับคนไทย ถ้าต้องการที่จะให้ทุนสามานย์ครองเมือง ผู้นำประเทศร่ำรวยเพียงตระกูลเดียวในขณะที่คนทั้งชาติยากจนแสนเข็น กัมพูชาก็จะกลับย้อนยุคเหมือนเหตุการณ์สงครามเขมร 3 ฝ่ายก็เป็นได้อีกครั้งหนึ่ง
