ส.ส.กลุ่มทศวรรษใหม่ ถามหาจุดยืนคณะทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญ ปชป.เหตุ กลับลำแก้ รธน.6 ประเด็น เพื่อตอบแทนบุญคุณพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันคัดค้านแก้ รธน.ถึงที่สุด งัดธรรมนูญพรรคขู่ “สุเทพ” ชี้หากทำผิดข้อบังคับอาจถูกถอดถอน ลั่นบ้านเมืองไม่ใช่ของใครคนเดียว
วันนี้ (20 ต.ค.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก กลุ่มทศวรรษใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเอกสารเรื่อง “ข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่าง” และธรรมนูญพรรคประชาธิปัตย์ มาแจกจ่ายกับสื่อมวลชนพร้อมแถลงคัดค้านกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เอกสารข้อเสนอของพรรคต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จัดทำโดยคณะทำงานของพรรคเมื่อเดือน ก.พ.2550 โดยคณะทำงานชุดกล่าวมีคณะทำงาน 14 คน มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นที่ปรึกษา คณะทำงานคนอื่น เช่น นายสุทัศน์ เงินหมื่น, นายชำนิ ศักดิเศษฐ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นกรรมการ โดยได้รับความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรค เอกสารนี้ได้มอบต่อกรรมาธิการยกร่างฯ และประชาชน มีประเด็น เช่น ส.ส.มีจำนวน 400 คน ไม่มี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เพราะเห็นว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมาพร้อมเงิน ส่วนเรื่องอื่นๆ พรรคมีจุดยืนชัดเจนโดยได้ไปชี้แจงต่อประชาชนมาแล้ว แต่วันนี้เวลาผ่านไป 2 ปี พรรคจะมาเปลี่ยนจุดยืน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาอีกอย่างตนจึงรับไม่ได้เพราะแนวทางที่พรรคจะทำไม่ทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้จริง ไม่ทำให้เกิดความสงบสุข แต่กลับจะยิ่งทำให้เกิดกลียุคทะเลาะกันไม่สิ้นสุด
นายชาญชัยกล่าวอีกว่า ตนขอยืนยันว่าหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองตนคงไม่เห็นด้วย เมื่อพิจารณาข้อเสนอแก้ไขทั้ง 6 ประเด็น มีแต่เรื่องการเข้าสู่อำนาจของนักการเมือง ตัวอย่าง มาตรา 190 ที่บอกว่ายุ่งยากต้องแก้ไข ก็ถือเป็นเรื่องผิดหลักการ เพราะประชาชนควรทราบว่าฝ่ายบริหารจะไปดำเนินการอะไร หากเกิดความเสียหายจะได้ยับยั้งได้ ดังนั้นพรรคจะไปตกลงกับใครในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคต้องยืนบนจุดยืนเดิม การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ต้องพิจารณาจากเหตุผลอย่างรอบคอบ ไม่ใช่นึกอยากจะแก้ก็แก้ ตนขอถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อกับเรื่องนี้ว่า อำนาจการตัดสินใจ ถ้าคิดว่าเป็นของนักการเมืองก็ทำกันไป ถ้าคิดว่าเป็นของคนใดคนหนึ่งก็ให้คนนั้นสั่งมา ถ้าคิดว่าเป็นของประชาชนก็ต้องถามประชาชน โดยอาจจะทำประชามติก่อน
นายชาญชัยกล่าวต่อว่า ตนพร้อมชี้แจงเรื่องนี้ในที่ประชุมพรรคในช่วงบ่ายวันนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกับใคร เพียงแต่ต้องการให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีประโยชน์ต่อใคร ตนศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญมาอย่างต่อเนื่อง และเคยเขียนสาระนิพนธ์ให้มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็น เป็นการสนองตัณหากลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง จึงขอร้องให้ถอย อย่าใช้วิกฤตความแตกแยก วิกฤตบ้านเมืองมาอ้างประโยชน์พวกพ้อง มิเช่นนั้นจะสร้างความแตกแยกไม่สิ้นสุด
ส่วนกรณีที่เคยพูดถึงธรรมนูญพรรคและการปลดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จากตำแหน่งเลขาธิการพรรค นายชาญชัยกล่าวว่า เรื่องนายสุเทพไปตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่หากเลขาธิการพรรคไปทำผิด ธรรมนูญของพรรคหมวด 3 ข้อ 6 (7) เปิดโอกาสให้สมาชิกเข้าชื่อถอดถอนกรรมการบริหารพรรคออกจากตำแหน่งได้ โดยสามารถขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ตามธรรมนูญหมวด 6 ข้อ 62 ได้ ตนไม่ได้เพ้อเจ้อ และไม่ได้หลับฝันไป เพราะธรรมนูญพรรคมีบทบัญญัติชัดเจน ดังนั้นหากใครทำผิดธรรมนูญก็ลองมาดูกัน บ้านเมืองไม่ใช่ของคนคนเดียว อย่างไรก็ดีตนยังไม่มีการรณรงค์ที่จะดำเนินการปลดนายสุเทพ เพียงแต่แจ้งให้ทราบว่ามีธรรมนูญของพรรคกำหนดไว้
“ขอให้สื่อช่วยไปทำคณะทำงานจัดทำข้อเสนอทั้ง 14 คน ว่าจุดยืนอยู่ตรงไหน จะแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่ว่าเพราะกาลเวลาเปลี่ยน แต่ต้องอธิบายเหตุผลว่า แก้แล้วดีกว่าเก่าอย่างไร หรือ ไปบอกประชาชนว่าพรรคจะเปลี่ยนจุดยืน เช่น ไปบอกว่าเห็นด้วยกับพรรคร่วมที่จะแก้เพราะเขามีบุญคุณมาช่วยตั้งรัฐบาล แต่พวกตนในฐานะ ส.ส.ก็จะใช้สิทธิโหวตโดยอิสระในที่ประชุมสภา” นายชาญชัยกล่าว
เมื่อถามว่าที่ออกมาเคลื่อนไหวตอนนี้เพราะเป็นความขัดแย้งในพรรคเรื่องตำแหน่งหรือไม่ นายชาญชัยกล่าวว่า ไม่เกี่ยว ใครอยากเป็นอะไรก็เป็นไป ตนเป็น ส.ส.ก็เหนื่อยอยู่แล้ว ให้เป็นรัฐมนตรีก็ไม่เอา แต่เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องหลักคิด จะแก้กันแบบนี้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายบัญญัติ และคณะทำงาน ที่ทำข้อเสนอถึงผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 50 ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะยืนอยู่ที่ไหนในสังคม
เมื่อถามว่า นายกฯ บอกว่าต้องรับฟังเพื่อนร่วมรัฐบาลด้วยมิเช่นนั้น จะไม่เกิดความสมานฉันท์ นายชาญชัยกล่าวว่า ก็ต้องฟัง แต่ตนเชื่อว่าพรรคร่วมไม่รู้เรื่องข้อเสนอที่พรรคจัดทำ จึงต้องไปบอกพรรคร่วมว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยมีจุดยืนอย่างนี้ประกาศออกไป จะให้แก้ในทางที่ไม่ใช่จุดยืนของพรรค แล้วพรรคประชาธิปัตย์และผู้ใหญ่ในพรรค จะยืนตรงไหนในสังคม ฉะนั้น ไม่ใช่พรรคร่วมจะให้พรรคประชาธิปัตย์ทำอะไรพรรคก็ต้องทำให้หมด แบบนี้จะเอาพรรคไปด้วยเลยไหม ขอบอกถึงพรรคร่วมเลยว่า ขอให้คิดถึงประเทศ อย่าคิดถึงตัวเองมากไป อย่าคิดเอาอะไรเกินขอบเขต โดยใช้ความรู้สึกและไม่ใช้ความรู้
เมื่อถามว่า ถ้าให้ทำประชามติก่อนแก้จะเห็นด้วยหรือไม่ นายชาญชัยกล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายมาพูดให้ชัดว่าอำนาจตัดสินใจเป็นของประชาชน ถ้าประชาชนอยากแก้ในเรื่องที่จะทำให้ประชาชนจัดการทรัพยากรชุมชนได้ดีขึ้น การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้ดีขึ้น หรือสิทธิเสรีภาพที่ใช้ได้จริงมากขึ้น ก็ต้องให้ประชาชนเสนอมาได้หมด ไม่ใช่จะทำกันแค่นี้ ถามว่าทีกฎหมายลูกอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนต้องได้ 2 ปีมาแล้วทำไมไม่ทำกัน
