“โฆษกประจำสำนักนายกฯ” เล็งจับตาเฝ้าระวังคืนอันตราย เผยการข่าว “คนเสื้อแดง” จะชุมนุมยืดเยื้อ ถึง 19 ต.ค.หวังสร้างสถานการณ์ชุมนุมใหญ่ 25-27 ต.ค. วัดภาวะผู้นำบริหารประเทศของรัฐบาล ตั้งเป้าเคลื่อนไหวถึงที่ประชุมอาเซียน วิเคราะห์แกนนำคือ “อีแอบหนีคดี” อดคิดไม่ได้เป็นฝีมือ “แม้ว” ป่วน
วันนี้ (17 ต.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 17 ตุลาคม ว่าการข่าวของหน่วยงานด้านความมั่นคงนั้นไม่ได้แสดงความเป็นห่วงกลุ่มที่ ชุมนุมอยู่ในขณะนี้ เพราะกลุ่มนี้มีแนวทางที่สันติคือรวมตัวชุมนุมแล้วก็จะสลายตัวไปในที่สุด แต่กลับมีบางกลุ่มที่ประกาศเจตนารมณ์ผ่านสื่อหลายช่องทาง โดยเฉพาะทางวิทยุว่าต้องการที่จะสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้เกิดความรุนแรง ในช่วงนี้เพื่อสร้างเงื่อนไขการชุมนุมต่อเนื่องเพื่อเป็นการวัดกระแสเพื่อหวังผลไปถึงการประชุดสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 23-25 ตุลาคม เพื่อจะทำให้มองว่า รัฐบาลไม่สามารถควบคุมดูแลความเรียบร้อยและให้การรักษาความปลอดภัยผู้นำประเทศต่างๆที่เข้าร่วมประชุมได้ ก่อให้เกิดสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้นมา โดยรัฐบาลได้สั่งให้ยกระดับการเฝ้าระวัง ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ประกอบคอยดูความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้รวมทั้งจัดการ รักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญๆ ย่านชุมชน สถานที่สาธารณะที่มีคนอยู่เยอะๆ รวมทั้งสถานีขนส่งคมนาคมใหญ่ๆ ทั้งหมดแล้ว
“คนกลุ่มนี้มีไม่มาก แต่ก็ต้องจับตา คงต้องเฝ้าระวังคืนนี้ กับคืนวันพรุ่งนี้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร ซึ่งคนกลุ่มนี้จะยุให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะต่อตัวแกนนำที่มีหัวรุนแรง เพื่อรวมตัวผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่มนี้ต้องการยกระดับการต่อสู้ด้วยการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้สามารถ ชุมนุมต่อเนื่องไปถึงช่วงที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาจจะต้องการเคลื่อนพลไปยังสถานที่จัดการประชุม เพราะหากสถานการณ์ปกติก็จะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะเคลื่อนพลไปยังสถานที่จัด ประชุม แต่หากมีเหตุวุ่นวายหรือความรุนแรงเกิดขึ้นใน กทม.ก่อน ก็จะสามารถยกมาเป็นข้ออ้างในการไปหัวหิน หรือชะอำได้ ผมเชื่อว่า แกนนำเขาคงไม่อยากประกาศตัวชัดเจนเท่าไหร่ เนื่องจากกลัวว่าจะโดนประกบ แต่ยังไม่ได้มองว่า การปล่อยข่าวต่างๆจนทำให้หุ้นดิ่งตัวนั้น เชื่อมโยงกับข่าวลือการลอบวางระเบิด การคุกคามต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องจับตามอง ตอนนี้เราต้องเฝ้าระวังสถานที่สำคัญ ชุมชน ที่สาธารณะ สถานีขนส่ง การคมนาคมต่างๆ เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น” นายปณิธานกล่าว
นายปณิธานกล่าวว่า จากการติดตามเบื้องต้นขณะนี้ยังไม่พบการซ่องสุมหรือการเตรียมการที่จะก่อ ความวุ่นวายอย่างจริงจัง แต่เราก็พบความเคลื่อนไหวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่ามีแกนนำบางคนประกาศผ่านวิทยุบางคลื่นว่า ต้องการจะก่อความวุ่นวายขึ้นอีก ดังนั้นเราจึงต้องเฝ้าระวังต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ เชื่อว่าในปลายปีนี้จะมีความชัดเจนว่ากลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะมีวิธีดำเนินการอย่างไร ทั้งกลุ่มที่เปิดเผยรูปแบบการเคลื่อนไหว และบางกลุ่มที่แยกกันไปปล่อยข่าวลือ ทำให้ประชาชนสับสนไม่รู้ข้อเชื่อมโยงกัน
นายปณิธานกล่าวด้วยว่า แม้ว่าทางแกนนำคนเสื้อแดงบางคนและกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจะสลายการชุมนุมไปในเที่ยงคืนวันที่ 17 ตุลาคมก็ตาม แต่ในทางการข่าวมีการประเมินว่า วันที่ 19 ต.ค.นี้จะมีการชุมนุมต่อเนื่อง และยังคงต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์ในวันที่ 25-27 ต.ค. รวมทั้งการสร้างปัจจัยเพื่อการเคลื่อนไหวไปยังสถานที่จัดประชุมนานาชาติ แต่เราก็หวังว่าการเฝ้าระวังของเราจะได้ผลและไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น เชื่อว่าถ้าไม่มีเงื่อนไขให้เกิดการชุมนุม เช่น การเรียกร้องผลการถวายฎีกา ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวจะนำไปสู่การชุมนุมของคนเสื้อแดงได้
เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า นายกฯได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริง ระมัดระวัง และให้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอนของกฎหมาย โดยในวันที่ 16 ตุลาคม นายกฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ส่งจดหมายเวียนไปยังทุกสำนักพิมพ์เพื่อเชิญสื่อมวลชน มาร่วมสังเกตการณ์การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในศูนย์กิจการพลเรือน ของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ(ศอรส.) ตามประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง
นายปณิธานกล่าวว่า จากการจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆในขณะนี้พบว่าแต่ละกลุ่มดูแลจัดระบบ การทำมวลชนของตัวเอง โดยแยกออกจากกัน ซึ่งเราก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเป็นการแยกกันเดินแล้วร่วมกันตีหรือไม่ เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของแกนนำแต่ละกลุ่มนั้นไม่ได้สนิทแนบแน่นกัน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีใครคนหนึ่งคอยบงการอยู่เบื้องหลัง เพราะมีการวิเคราะห์ออกมาว่าทุกกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ต้องการที่จะ เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงปลายปี 2552 และ เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีให้ได้
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่าแกนนำกลุ่มที่ต้องการจะเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดความรุนแรง นั้นเกี่ยวข้อกับใคร นายปณิธานกล่าวว่า เรากำลังตรวจสอบ ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดเท่าไรนัก แต่น่าจะเชื่อมโยงกับคนที่กำลังหนีคดีอยู่
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คนที่บงการอยู่เบื้องหลังทุกกลุ่มจะอยู่ดูไบ นายปณิธานกล่าวว่า “อาจจะไม่เป็นธรรม หากทุกเรื่องเราไปกล่าวหาท่านทั้งหมด ซึ่งอาจจะไม่ใช่ท่านก็ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นอย่างนั้น แต่เราก็กำลังจับตาอยู่”