xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊หน่อย” ยี้แก้ รธน.แค่ 6 ประเด็น ยุแก้ทั้งฉบับ 40 หรือ 50 คุ้มกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุดารัตน์ เกยุราพันธ์
“สุดารัตน์” ปัดตอบรัฐควรเดินหน้าแก้ รธน.หรือไม่ แต่อ้างไม่คุ้มแก้แค่ 6 ประเด็น ยุควรยกแก้ไขทั้งฉบับจะใช้ 40 หรือ 50 ขณะที่ลิ่วล้อแม้ว ปฏิเสธท่าทีพรรคเปลี่ยนเหตุคำสั่ง “พ่อแม้ว” ด้าน “สดศรี” แนะควรทำประชามติ หลังยกร่างเสร็จ ชี้หากทำประชามติแล้วไม่หยุดขัดแย้งก็ไม่เกิดประโยชน์

วันนี้ (15 ต.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ส่อเค้าหยุดชะงักเนื่องจากฝ่ายค้านและ ส.ว.บางส่วนไม่เห็นด้วยว่า ไม่ขอวิจารณ์ว่าวิป 3 ฝ่ายควรเดินหน้าต่อหรือยุติ ขณะที่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเสียเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อทำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่คุ้มค่า และทั้ง 6 ประเด็นเป็นการแก้ปัญหาของนักการเมืองทั้งหมด ไม่ได้แก้ปัญหาประเทศชาติ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรื่องความสมานฉันท์ให้ดีขึ้น ดังนั้น เห็นว่าควรพิจารณาภาพรวมทั้งหมด เช่น เอารัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 เป็นตัวตั้งในการแก้ไขฉบับใดฉบับหนึ่ง โดยพิจารณาจากปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง เนื่องจากการดำเนินการขณะนี้เปรียบเหมือนการให้ยาแก้ปวด ที่ระงับความเจ็บปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้วควรต้องวินิจฉัยถึงสาเหตุของโรคที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอนตัวของพรรคเพื่อไทยจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่ได้สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ผู้ที่เป็นเจ้าภาพควรเป็นรัฐบาล และถ้าต้องการหรือมีความจริงใจ คำตอบไม่ใช่เพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่อยู่ที่การร่วมคิดร่วมทำแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ เมื่อถามถึงการทำประชามติคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ย้ำว่าควรนำรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 มาเป็นตัวตั้งในการแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า การกลับลำของพรรคเพื่อไทยที่ไม่ร่วมเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญกับวิป 3 ฝ่าย เป็นเพราะคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม และโยนให้นายพีรพันธ์ พาลุสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตอบแทน ก่อนเดินทางกลับทันที

ขณะที่ นายพีรพันธ์กล่าวปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการกลับลำของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ยังคงมั่นใจว่ามีเสียงสนับสนุนเพียงพอต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเห็นว่า หากเสียงรัฐบาลเพียงพอ ฝ่ายค้านก็ไม่ขัดข้องหากรัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ย้ำว่าจนถึงขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังยืนยันไม่เปลี่ยนท่าที แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะคาดหวังว่าพรรคอาจเปลี่ยนท่าทีก็ตาม

ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีการทำประชามติว่า จุดมุ่งหมายของการทำประชามติคือการยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้น หรือการทำให้ประชาชนมีส่วนรวมในการเมือง ซึ่งถ้ามีการทำประชามติแล้วยังมีการขัดแย้งกันอยู่ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรในการทำประชามติ

เมื่อถามว่าการทำประชามติควรจะทำขั้นตอนไหน นางสดศรีกล่าวว่า ควรทำหลังจากที่แก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นแล้ว และควรที่จะผ่านการพิจารณาของสภาก่อน ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการพิจารณาของสภาแล้วจึงทำประชามติน่าจะดีกว่า แต่ถ้ามีการทำประชามติก่อนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น หรือทำประชามติหลังจากวาระแรกไปแล้วปรากฏว่าสภาไม่เห็นด้วย ประชามติที่ทำมาก็จะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ตนเห็นว่าควรทำเหมือนรัฐธรรมนูญปี 50 ที่สภายกร่างเสร็จแล้วจึงมีการทำประชามติ และกฎหมายเขียนไว้ว่า ถ้าเห็นว่าการทำประชามติไม่ถูกต้องจึงจะมีการยื่นฟ้องศาลได้

เมื่อถามว่า ถ้ามี ส.ส.ไม่ทำตามโดยอ้างเอกสิทธิความเป็น ส.ส.ได้หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า เอกสิทธิ์ของ ส.ส. เป็นเอกสิทธิ์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญว่า ส.ส.3 ใน 4 สามารถยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
กำลังโหลดความคิดเห็น