ต่อยอดจากพฤติกรรมส่อทุจริตในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศสถานีตำรวจ มูลค่า 294,350,000 บาท ซึ่งได้เปิดประเด็นเผาหัวเชื้อไว้ตั้งแต่วานนี้
มีหลักฐานมัดตัว อีจ๋อย ประธานคณะกรรมการบริหารคอมพิวเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้นตอแห่งความไม่โปร่งใสทั้งมวล โดยนายพลไม้บรรทัด พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ในขณะรักษาการแทน ผบ.ตร. ได้สั่งการลงวันที่ 18 กันยายน 2552
ให้คณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตของงาน TOR ซึ่งมี พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณี ผู้เข้าประกวดราคา 2 ราย มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดการจัดทำร่าง TOR แต่กลับผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น และมีคำสั่งให้ยุติการประกวดราคาโครงการด้วย
เหตุผลที่ทำให้ “พล.ต.อ.ธานี” สั่งการดังกล่าวเป็นเพราะมีความชัดเจนว่า การกระทำเปลี่ยนแปลง แก้ไข เอกสารร่าง TOR จากเดิม น่าจะมีเจตนาแสวงหาประโยชน์ด้วยการกำหนดเงื่อนไขเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคาของตนเองโดยเฉพาะ และทำการกีดกั้นผู้เสนอราคารายอื่นไม่ให้สามารถเข้าเสนอราคาได้
ที่ส่งกลิ่นคาวสุด ๆ คือ พฤติกรรมที่มีการเผยแพร่ร่าง TOR เพียง 3 วัน ขณะที่มีผู้เสนอราคา 8 ราย ร้องคัดค้านขอให้มีการทบทวนแก้ไขรายละเอียด TOR แต่ พล.ต.ท.บุญเรือง ก็เพิกเฉย ยืนยันร่าง TOR ที่ตัวเองกำหนดขึ้นมาโดยน่าสงสัย
น่าเสียดายที่ พล.ต.อ.ธานี เกษียณอายุราชการไป ก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ขั้นตอนการตรวจสอบก็ถือว่าเข้มข้นอย่างยิ่ง เพราะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อหาผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
ที่น่าสนใจคือลายมือของ พล.ต.อ.ธานี แนบท้ายหนังสือให้ พล.ต.ท.บุญเรือง ชี้แจงกรณีผู้เข้าประกวดราคาสองราย มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดการจัดทำร่าง TOR แต่กลับผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น
สะท้อนให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะทำลายหลักฐานการทุจริต
ข้อความที่เขียนโดย พล.ต.อ.ธานี ระบุว่า “เอกสารและรายละเอียดประกอบเรื่องหายไปหลายชุด ให้สั่ง สกบ.รวบรวมและจัดเอกสารประกอบเรื่องให้ครบถ้วน อนึ่งให้กำชับ สกบ.(สำนักงานส่งกำลังบำรุง) หากเสนองานทำนองนี้อีกจะพิจารณาข้อบกพร่อง”
ชัดเจน ตรงประเด็น และคาดโทษตำรวจที่พยายามช่วยปกปิดการกระทำความผิดดังกล่าว แม้ พล.ต.อ.ธานี จะยังลากคอคนทำผิดมาลงโทษไม่ได้ เนื่องจากเกษียณอายุราชการไปก่อน แต่อย่างน้อยก็ขวางการงาบผลประโยชน์ก้อนโตครั้งนี้ได้ด้วยการเลื่อนการประมูลโครงการออกไปอย่างไม่มีกำหนด
สิ่งที่ค้างอยู่เป็นเรื่องใหญ่ที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ไม่ควรมองข้าม แต่ต้องสานต่อเพื่อสร้างความโปร่งใสในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเร่งรัดโครงการให้ดำเนินการโดยเร็วเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสถานีตำรวจทั้ง 1500 แห่งตามเจตนารมณ์ที่อนุมัติโครงการกันไปตั้งแต่ต้น
เป็นการบ้านที่ “พล.ต.อ.ปทีป” ต้องรีบดำเนินการ ก่อนที่หลักฐานจะถูกทำลายทิ้งจนตามรอยคนทุจริตไม่เจอ และควรตามกลิ่นการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์จำนวน 3 ลำ มูลค่า 1,500 ล้านบาท รวมถึงการก่อสร้างสนามกอล์ฟในบริเวณโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มูลค่า 400 ล้านบาทด้วย
ไม่แน่อาจจะพบตัวละครเดิม ๆ วิธีการเดิม ๆ และการทุจริตรูปแบบเดิม ๆ มัดใครบางคนจนดิ้นไม่หลุดก็ได้
คราวนี้พอจะถึงบางอ้อกันแล้วหรือยังว่า ทำไมถึงหวงกันนักกับตำแหน่ง ผบ.ตร. ถึงขนาดวางทายาทอสูรไว้คราวเดียวสามรุ่น คือ พล.ต.อ.(จ.) , พล.ต.อ.(ว.) และ พล.ต.ท.(ส.) ที่กำลังวิ่งเต้นขอเข้าสู่ระนาบ รอง ผบ.ตร.
เป็นเพราะต้องการให้เข้ามาเป่าเรื่องฉาว เพื่อตีค่าเป็นศูนย์ และสานงานงาบที่ยังทำไม่สำเร็จใช่ไหม?