xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ตรวจสถานที่จัดประชุมอาเซียน เจอหญิงใจเด็ดขับรถฝ่าขบวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯอภิสิทธิ์ ฟิตจัด นั่งรถกันกระสุนมุ่งหน้าหัวหิน ตรวจสถานที่จัดประชุมอาเซียน แต่เช้า ระหว่างทางเจอหญิงใจเด็ดขับกระบะฝ่าขบวนรถ หวังแทรกไปถึงรถประจำตำแหน่ง ตร.ติดตามสกัดวุ่น ก่อนหลุดขบวน ขณะที่พื้นที่ หัวหิน-ชะอำ อารักขาเข้ม ตามประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง มั่นใจรักษาความปลอดภัยได้ วอนเสื้อแดงอย่าป่วน

วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.50 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากบ้านพักในซอยสวัสดี (สุขุมวิท 31) ด้วยรถยนต์ RANGE ROVER รุ่น VOGUE ขับเคลื่อนสี่ล้อกันกระสุน ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ศ 8148 ซึ่งใช้เป็นรถสำหรับผู้นำ 16 ประเทศในการประชุมอาเซียนซัมมิต ครั้งที่ 15 ในระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.ที่ อ.ชะอำ-หัวหิน เพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเพชรบุรี แต่ปรากฏว่า ในเวลา 07.45 น.ระหว่างที่ขบวนรถของนายกฯ วิ่งถึง จ.สมุทรสงคราม โดยใช้ความเร็วประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปรากฏว่า มีผู้หญิงอายุประมาณ 50 ปี ผมหยิก ขับรถยนต์เชฟโรเลต โคโลราโด สีบรอนซ์เงิน ติดหลังคาไฟเบอร์ ทะเบียน ถถ 8755 กรุงเทพมหานคร วิ่งแซงซ้ายรถของผู้สื่อข่าวที่อยู่ท้ายขบวนขึ้นมาแทรกขบวนรถขอนายกรัฐมนตรี ทำให้รถของผู้สื่อข่าวชะลอความเร็วลง จนออกจากขบวนไป และอีกไม่เกินสองนาทีรถคันดันกล่าวได้ก็แซงซ้าย

โดยได้วิ่งแทรกรถผู้สื่อข่าวคันแรก และพยายามเร่งความเร็วจะฝ่ารถของตำรวจทางหลวงที่ปิดขบวนนายกฯ เข้าไปในขบวนของรถนายกฯ แต่รถตำรวจไม่ยอมเปิดทางให้รถคันดังกล่าว คนคันดังกล่าวจึงพยายามหักพวงมาลัยซ้ายทีขวาที แต่รถตำรวจทางหลวงก็โยกพวงมาลัยตามและปิดไม่ให้รถคันนั้นเข้าไปในขบวนรถของนายกฯได้สำเร็จ และสุดท้ายรถคันดังกล่าวก็ต้องออกจากขบวนไปในที่สุด และสร้างความงุนงง ว่า รถคันดังกล่าวฝ่าขบวนมาทำไม

จากนั้นเวลา 08.30 น.นายกฯ เดินทางถึงที่ รร.ฮอลิเดย์อิน รีสอร์ท รีเจนท์ บีช ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อเป็นประธานเปิดการประชุมปาฐกถาและมอบรางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่และรุ่นกลางดีเด่นประจำปี 2552 ในงาน “นักวิจัยรุ่นใหม่พบเมธีวิจัยอาวุโส สกว.”

โดยภายหลังเปิดงานนายกฯ พร้อมด้วย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯทำหน้าที่เลขาธิการนายกฯ ได้ตรวจสถานที่เลี้ยงอาหารค่ำ (กาลาดินเนอร์) ในคืนวันที่ 23 ต.ค.ซึ่งใช้สถานที่บริเวณโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เป็นที่จัดเลี้ยง ในระหว่างที่นายกฯและคณะตรวจความพร้อม ก็ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ในเรื่องสถานที่จะใช้งาน ว่า มีขนาดกว้างพอเพียงหรือไม่ และในเรื่องการยืนบนเวทีของบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะใช้ถ่ายภาพร่วมกันภาย หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยง ว่า ประเทศไหนยืนคู่กับใครบ้าง จากนั้นเวลา 10.30 น.นายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่จัดการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการตรวจสถานที่ของนายกฯในครั้งนี้ ท่ามกลางการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 12-27 ตุลาคม ในพื้นที่ 9 ตำบล ของ อ.ชะอำ และ 4 ตำบล ของ อ.หัวหิน จึงทำให้ในแต่ละจุดที่นายกฯเดินทางไป จึงมีกำลังทั้งตำรวจ ทหาร ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา โดยเฉพาะที่โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมมีการตั้งเต็นท์อำนวยการ ซึ่งมีทหารนั่งประจำการประมาณ 10 นาย และรอบๆโรงแรมยังมีทหารยืนถือปืน M16 ไม่บรรจุกระสุน ประจำในแต่ละจุดทั้งนี้บริเวณถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ด้านหน้าค่ายนเรศวร จนถึงโรงแรมดุสิตธานี และตั้งแต่ อ.หัวหิน ถึงโรงแรมดุสิตธานี เจ้าหน้าที่ได้ทำช่องถนนพิเศษ หรือ “อาเซียนเลน” โดยมีการนำกรวยจราจรมากั้นฝั่งละ 1 ช่องจราจรที่ติดกับเกาะกลาง เพื่อใช้เป็นช่องทางสำหรับผู้นำชาติต่างๆวิ่งเป็นกรณีพิเศษ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการปิดถนน นอกจากนี้ จากการสังเกตด้วยสายตาตั้งแต่เดินทางเข้าไปในตัวเมืองชะอำ พบว่า มีการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้ชาวชะอำเป็นเจ้าภาพที่ดีต้อนรับผู้นำชาติต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการตรวจเยี่ยมสถานที่ทั้ง 2 แห่ง นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การตรวจความพร้อมสถานที่จัดประชุมอาเซียน ซัมมิต ครั้งที่ 15 ว่า วันนี้จากการตรวจดูความพร้อมของสถานที่เรียบร้อยดี มีการซักซ้อมขั้นตอนต่างๆ แม้ว่าที่นี่จะเคยจัดการประชุมอาเซียนมาแล้ว แต่ยังไม่เคยจัดในลักษณะบวกสาม บวกหก ซึ่งมีกิจกรรมที่เพิ่มเข้ามา ส่วนการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามแผนได้ติดตามอยู่ และแจ้งว่ายังไม่มีอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการประสานผู้นำประเทศต่างๆ เขามั่นใจการรักษาความปลอดภัยของเราหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีประเทศไหนยกขึ้นมาเป็นประเด็น ทุกอย่างเรียบร้อย ตอนนี้เรื่องการรักษาความปลอดภัยทุกคนพร้อม ทั้งนี้ ตนจะดูว่าในสัปดาห์หน้าอาจจะต้องมาดูความพร้อมอีกครั้ง เพราะที่ดูวันนี้เรื่องของสถานที่ยังไม่ได้จัด เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะดูแลให้เกิดความเรียบร้อยได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจ

เมื่อถามว่า นายกฯได้กำชับต่อที่ประชุม กอ.รมน.ให้เฝ้าระวังการชุมนุมที่ กทม.เป็นพิเศษตรงนี้จะมีความผูกพันอะไรกับการประชุมอาเซียนด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเหตุผลที่เราประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงและเมื่อวาน (14 ต.ค.) ได้ดูเรื่อง การจัดวางกำลังและแผนคิดว่าเรียบร้อยดี เมื่อถามว่า หากเกิดความวุ่นวายจะกระทบการประชุมอาเซียนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราไม่อยากให้มีอะไรวุ่นวายทั้งนั้น เพราะวันนี้ภาพวุ่นวายกระทบต่อประโยชน์ส่วนรวมและภาพลักษณ์ของประเทศอยากจะ เชิญชวนทุกฝ่ายช่วยกันทำให้เราสามารถใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับ ชาวโลกได้ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในประเทศแต่เพื่อประโยชน์ของคนทั้ง หมดในภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและต่างประเทศมองลู่ทางอยู่ว่าจะคบค้า สมาคมลงทุนกับใครที่ไหนจังหวะนี้เป็นจังหวะที่เราต้องพยายามแสดงศักยภาพของ ประเทศให้ได้มากที่สุด

“เป็นห่วงว่า การชุมนุมมันเกิดปัญหาขึ้น อยากให้เขาชุมนุมได้โดยไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา ไม่อยากให้มีการเหตุการณ์กระทบกระทั่งกัน ไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรง ถ้าทุกคนอยู่ในกรอบไม่มีใครเข้ามาแทรกซ้อนหากผู้ชุมนุมโดยเฉพาะแกนนำจะทำงาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแทรกซ้อนจะเป็นเรื่องที่ดี” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า เสื้อแดงประกาศว่าจะชุมนุมเพื่อถวายฎีกาที่ถวายไปและติดอยู่ที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่มีอะไรที่ติดขัดเลยทุกอย่างไปตามกระบวนการของการถวายฎีกาเหมือนกับ กรณีอื่นๆ จะให้กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดต่อไป

เมื่อถามว่า เหตุแทรกซ้อนที่ห่วงจะเกิดมีอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เราเห็นว่าอาจจะมีบางฝ่ายอยากให้เกิดภาพความสับสนวุ่นวายขึ้นเราก็ต้องช่วย กันระมัดระวัง เมื่อถามว่ายังกังวลเรื่องมือที่สามหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามือที่เท่าไร จะมือไหนก็ตามไม่อยากให้เกิดทั้งนั้น เมื่อถามว่าสถานการณ์ในบ้านเมืองจะกระทบภาพของผู้นำไทยที่ทำหน้าที่ประธานอา เซียนด้านความเชื่อมั่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วงนี้หากเราสามารถช่วยกันทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบและจัดการประชุม อย่างราบรื่นมันจะกลายเป็นช่วยคนไทยทุกคน ในทางตรงกันข้ามหากมีเหตุอะไรขึ้นมาสักนิดแล้วกระทบตรงนี้คนที่จะเดือดร้อน ที่สุดคือคนไทยทั่วไปคนยากคนจน เศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวเกิดการชะงักงันและมีปัญหา

เมื่อถามว่า วันนี้กลไกของรัฐมีความเป็นเอกภาพพอที่จะดูแลความเรียบร้อยได้ใช่หรือ ไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเพราะการใช้กฎหมายความมั่นคงนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจเรื่องการ บูรณาการและเรื่องเอกภาพ และสิ่งที่ประชาชนจะได้จากการประชุมว่า มี 2 ส่วน ส่วนแรกคือส่วนของอาเซียนด้วยกันเอง ตนถือว่า ในช่วงปีครึ่งที่เราเป็นประธาน ครั้งนี้จะเป็นประธานครั้งสุดท้ายเราได้วางรากฐานสำหรับความร่วมมืออาเซียน ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับประชาชนในอนาคตทั้งเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องสิทธิ มนุษยชน ตรงนี้จะเป็นหัวข้อสำคัญที่จะมีการเปิดตัวคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนระดับอาเซียนด้วย ส่วนเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องของการเร่งรัดการรวมตัวเป็นประชาคม ซึ่งจะเป็นการเปิดตลาดและสร้างโอกาส ส่วนการประชุมบวกสามบวกหกล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจระดับโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฉะนั้น ตรงนี้จะเป็นการกระชับความร่วมมือและปีนี้เราเดินหน้าจนสามารถทำข้อตกลงเรื่องการลงทุน เรื่องการค้าได้ครบกับกลุ่มประเทศเหล่านี้และคงจะเริ่มต้นคุยกันเรื่องเขตการค้าเสรีในเอเชียตะวันออก จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนไทย

เมื่อถามว่า ในฐานะประธานอาเซียนที่จะต้องส่งผ่านให้เวียดนามเราจะใช้เวทีนี้สื่อสารอะไรบ้าง ประธานอาเซียน กล่าวว่า คิดว่า 5-6 ปีข้างหน้าอาเซียนต้องทำงานหนักมากในการที่จะทำให้เป็นประชาคมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการสร้างความตื่นตัว ความเข้าใจในหมู่ประชาชน หลักที่เราเริ่มวาง เช่น การเปิดโอกาสให้ตัวแทนสภา ภาคประชาสังคม ตัวแทนเยาวชนมาพบผู้นำได้ ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราอยากเห็นเขาสานต่ออย่างชัดเจนให้เป็นทิศทางของอาเซียน เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบก่อนให้เข้าพบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เที่ยวที่แล้วก็มีนิดหน่อยเพราะบางประเทศถือว่าเขามีเรื่องภายในของเขาที่มี ความละเอียดอ่อน

เมื่อถามถึงส่วนของพม่าที่อาจจะมีปัญหาประท้วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาคราวที่แล้วจะมีกลุ่มที่มายื่นหนังสือ และนายกฯพม่าในเวทีอาเซียนค่อนข้างจะเปิดกว้างในการรับฟัง เที่ยวที่แล้วตัวแทนภาคประชาสังคมได้เข้าไปสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนายกฯพม่าก็นั่งอยู่

เมื่อถามว่า คิดว่า มิติใหม่ของประชาคมอาเซียนจะดึงดูดให้กับนักลงทุนทั่วโลกมาสนใจ ได้มากน้อยแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้คิดว่าคนที่อยู่ข้างนอกเขามองภาพเข้ามานั้นได้เห็นศักยภาพแต่จะได้ โอกาสนั้นมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ความสามารถในการเร่งรัดให้ภายใน 6 ปีเป็นไป อย่างที่เราวางวิสัยทัศน์ไว้ได้

เมื่อถามว่า ความเป็นปึกแผ่นจะเกิดขึ้นได้หรือไม่เพราะแต่ละประเทศยึดประโยชน์ตัว เองเป็นที่ตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในภูมิภาคอื่นๆ เขาก็มีปัญหานี้ตลอด







กำลังโหลดความคิดเห็น