งามหน้า “ปู่จิ้น” หัก “วรรณรัตน์” ยืมมือคนกันเองในสหภาพฯ กฟน. ขู่ประท้วง ขอถือหุ้น 51% ในบริษัทผลิตไฟฟ้าในสนามบินสุวรรณภูมิ หลัง ครม.รับหลักการให้ถือหุ้นเพียง 30% อ้าง ปตท.เชี่ยวชาญขายก๊าซ กฟน.ก็เชี่ยวชาญขายไฟฟ้า ด้าน “มาร์ค” มึนตึ้บ ได้ “กรณ์” ช่วยเจรจาสหภาพฯแทน
วันนี้ (12 ต.ค.) แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายวรรณรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.พลังงาน ได้ชี้แจงเรื่องโครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและเครื่องเย็น จำกัด วงเงิน 1,816 ล้านบาท ที่จัดตั้งมาเพื่อรองรับการขยายตัวของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครม.ได้ขอให้กระทรวงพลังงาน ไปพิจารณากลับมาใหม่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ นายวรรณรัตน์ ขอให้ ครม.คงสัดส่วนการถือหุ้นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการผลิตและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญในการขายก๊าซธรรมชาติในราคาเดียวที่จำหน่ายให้ กฟผ. ในอัตราเดิม คือ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 35 และ ปตท.ถือหุ้น 35% ขณะที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่เข้ามาร่วมหุ้น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการจำหน่ายไฟฟ้าในเขตนครหลวง จะถือหุ้นร้อยละ 30 ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายชวรัตน์ ได้เป็นผู้ชี้แจงแทน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแล กฟน. แต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น เพื่อขอให้ถอนเรื่องนี้ออกไปก่อน เพราะขณะนี้สหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สร.กฟน.) กำลังคัดค้านเรื่องนี้และกำลังจะประท้วงหากมติ ครม.ให้ กฟน.ถือหุ้นเพียง 30% เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ในเขตปริมณฑล ซึ่งอยู่ในเขตที่ กฟน.เป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้า ดังนั้น กฟน. จึงมีความเชี่ยวชาญในการจำหน่ายไฟฟ้าในเขตนครหลวง และสหภาพฯก็เห็นว่า กฟน.ควรจะได้สัดส่วนในการถือหุ้น ร้อยละ 51 และเกรงว่าหากมติออกไป สหภาพฯจะประท้วงทำให้เกิดปัญหาตามมา ก็ควรจะถอนวาระนี้ออกไปก่อน เนื่องจากสัดส่วนโครงสร้างการถือหุ้นผิดรูป
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยอีกว่า นายชวรัตน์ยังได้ชี้แจงว่าหากจะถอนวาระนี้ออก บริษัทฯดังกล่าวก็จะขาดทุน เพราะได้พิจารณาใหม่มาแล้วกว่า 4 เดือน และที่ประชุมผู้ถือหุ้นก็เห็นพ้องตามสัดส่วนนี้ และมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องกังหันก๊าซที่ถอดมาจากโรงไฟฟ้าลานกระบือ ของกฟผ.ที่หมดอายุ
แหล่งข่าวที่ประชุม ครม.กล่าวต่อว่า ประเด็นนี้มีความเคร่งเครียดเมื่อต่างคนต่างก็ไม่ยอม ทาง รมว.มหาดไทย ก็เห็นว่า ควรจะเจรจากับ สหภาพฯ กฟน.ก่อน 1-2 อาทิตย์ แต่รมว.พลังงาน เห็นว่า โครงการควรจะเดินหน้าเพราะหากจะเจรจา 30 วันหรือ 60 วันก็จะเป็นปัญหา โดยประเด็นนี้ นายชวรัตน์ระบุว่า กฟน.ควรจะได้สัดส่วนมากกว่า เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการขายไฟฟ้าให้เอกชน แต่นายอภิสิทธิ์ และทางสภาพัฒน์ เห็นว่า ความเหมาะสมของกรณีนี้หากจะให้ กฟน.เพิ่มสัดส่วนหุ้น บริษัท ปตท.ซึ่งมีหน้าที่ผลิตก๊าซมาขาย ก็ไม่ต้องถือหุ้นและไม่ควรเข้ามาลงทุนเนื่องจากก็เป็นผู้จำหน่ายก๊าซ
แหล่งข่าวที่ประชุม ครม.เปิดเผยต่อว่า ทางด้านนายอภิสิทธิ์ถึงกับเงียบไปชั่วขณะนี้หลังจากมีการตอบโต้อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.การคลัง เห็นว่า ควรจะคงสัดส่วนนี้ไปก่อน และรับที่จะไปเจรจากับ สหภาพฯ กฟน.ด้วยตัวเอง ขณะที่นายอภสิทธิ์ เห็นว่า จะรับหลักการในเรื่องนี้ไปก่อน แต่หากไปเจรจากับสหภาพฯ กฟน.ก็ต้องไปดูว่า หาก กฟน.ไม่ได้สัดส่วนร้อยละ 51 ตามที่ร้องขอจะมีความเสียหายจริงหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น สหภาพฯ กฟน.ซึ่งมีนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพฯ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายบุญจง เคยร้องขอให้ นายบุญจงเสนอ ครม.เพื่อให้ พนักงาน กฟน.ได้ค่าครองชีพเพิ่ม 2,000 บาท และ ครม.ก็เห็นชอบให้ได้ค่าครองชีพเพิ่มแล้ว