โฆษกส่วนตัวมาร์ค เยาะ “เฉลิม” อ้างผลโพลกลับมานั่งเก้าอี้ประธาน ส.ส.เพื่อไทย เย้ย “บิ๊กจิ๊ว” โซ่เสื่อมยืมมือ “นช.แม้ว” สมานฉันท์ลูกหาบ เปลี่ยนฉายา “จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” เป็น “จิ๋ว จอดไม่ต้องแจว”
วันนี้ (13 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุ กล่าวหาว่า นายกฯเป็นตัวเตะถ่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ก็พูดสำทับว่า ถ้าพรรคฝ่ายค้านไม่ร่วมแก้รัฐธรรมนูญนี้ เสียงของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล กับ ส.ว.ก็สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ว่า ขอชี้แจงว่านายกฯไม่ได้เตะถ่วงการแก้รัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยต่างหากที่โลเล ไม่สามารถหาความเป็นเอกภาพภายในพรรคได้ จึงโยนความผิดให้กับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เข้าทำนอง รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ถ้าหากว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคารพการตัดสินใจของวิปฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นตัวแทนของพวกตัวเองแล้ว ก็จะทำให้การทำงานในสภามีปัญหาในอนาคตได้ การที่นายกฯต้องการที่จะให้วิป 3 ฝ่าย หาข้อสรุปให้ได้ ก็เป็นเพราะต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของทุกฝ่าย หากจะเอาเฉพาะเสียง ส.ส.ของรัฐบาลกับ ส.ว.ตามที่ประธานวิปฝ่ายค้านบอก ก็จะถูกตั้งข้อครหาและหยิยกเป็นประเด็นโจมตีกล่าวหาว่า รัฐบาลใช้เสียงข้างมากลากไปอีก ส่วนที่ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เสนอได้แนวปฏิบัติให้วิปฝ่ายค้าน ไปทำตามมติวิป 3 ฝ่ายนั้น ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดที่พรรคเพื่อไทยเอง ควรสนับสนุนควรเห็นของทีมกฎหมายมากกกว่าทีมกวนเมืองภายในพรรค
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แล้วกลับคำเข้ารับตำแหน่งนี้ต่อนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่มีความโลเลทางการเมืองมาโดยตลอดอยู่แล้ว การลาออกจากประธาน ส.ส.ก็เป็นเรื่องของคนแก่ที่ติดนิสัยชอบเรียกร้องความสนใจ อยากให้คนในพรรคให้ความสำคัญ ซึ่งทำตัวเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น ต้องการให้คนรอบข้างเอาอกเอาใจ การที่บอกกับสังคมก่อนหน้านี้ ว่า สาเหตุที่ลาออก เพราะต้องการไปทำงานอื่นนั้น ก็แสดงชัดเจนแล้วว่าเป็นการโกหกต่อสังคม ทั้งที่ข้อเท็จจริงเกิดจากความขัดแย้งภายในพรรคจนปกปิดไม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเพียงแค่นี้จะต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯวิดีโอลิงก์มาหย่าศึกด้วยตัวเอง เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้บทบาทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ตั้งใจจะให้เข้าไปรับตำแหน่งสำคัญในพรรคเพื่อไทย และในฐานะโซ่ข้อกลางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่ให้คนไกลจากดูไบออกหน้ามาแสดงอำนาจของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง โดยไม่ให้เกียรติการทำหน้าที่ของ พล.อ.ชวลิต ที่ตั้งใจจะให้เป็นนอมินีต้องเสียรังวัด ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนฉายาใหม่จาก “จิ๋วหวานเจี๊ยบ” มาเป็น “ จิ๋วจอดไม่ต้องแจว”
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเดือน ต.ค.โดยเฉพาะในวันที่ 17 ต.ค.นี้ เพื่อขับไล่รัฐบาล และทวงถามการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ตระบัดสัตย์ต่อสัญญาประชาคมที่เคยประกาศ ว่า หลังการยื่นถวายฎีกาเสร็จแล้ว จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ เพื่อกดดันการใช้พระราชอำนาจอีก จึงอยากถามว่าเหตุใดจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมืองอีก จึงขอให้สังคมและคนไทยทั้งประเทศพิจารณาว่าสัจจะมีจริงหรือไม่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนที่ประกาศเอาวันที่ 24 ต.ค.ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นั้น ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้แต่คิดว่าเป็นแค่การเปลี่ยนรูปแบบการนัดชุมนุมปลุกระดมกลางแจ้งเข้าไปในที่ร่มเพื่อหนีฝน แต่การอภิปรายนอกสภาไม่รู้ว่าจะมีผู้อภิปรายเป็นมใครบ้าง แต่ถ้าเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็อยากเตือนว่า การอภิปรายนอกสภาไม่มีเอกสิทธิคุ้มครอง ถ้าพาดพิงถึงรัฐบาลและคนอื่นๆได้รับความเสียหาย ถูกฟ้องร้องแน่นอน ความเป็นจริงอยากเรียกร้อง ส.ส.พรรคเพื่อไทยใช้การอภิปรายในสภามากกว่า โดยรอให้เปิดสมัยประชุมทั่วไปในครั้งหน้า ส่วนการอภิปรายนอกสภาครั้งนี้ควรให้ ส.ส.จากสภาโจ๊ก ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงจะเหมาะสมกว่า