xs
xsm
sm
md
lg

“เด็กปลาไหล” โต้ “สนธิ” อ้างการเมืองต้องใช้เงินทุกพรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
การเมืองเก่าพล่าน “วัชระ” ร้อนแทน “บรรหาร” ยอมรับทำงานการเมืองต้องใช้เงินบริหารจัดการ เชื่อ ต่อไปพรรคการเมืองใหม่ก็ต้องใช้เงิน ทำเซ่อขุดเรื่องเก่า 70-30 มาถามว่าจะสานต่อหรือไม่ แถมบ้าจี้เรียกร้องนายกฯ ต้องแจงสังคม คุย “สนธิ” ในฐานะอะไร ทั้งที่ หัวหน้า ก.ม.ม.ได้ปฏิเสธไปแล้ว

วันนี้ (9 ต.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวตอบโต้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ที่กล่าวพาดพิง นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า เป็นพรรคเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงในการทำงานการเมือง ว่า อย่างที่สื่อมวลชนทราบนายบรรหารได้พูดถึง และแสดงความปรารถนาดีถึงนายสนธิในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ว่า การทำพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ยาก การที่นายสนธิได้ตอบสนองความปรารถนาดีกล่าวหาว่าใช้เงิน ตนอยากเรียนกับนายสนธิว่า การทำการชุมนุมเป็นเรื่องยาก ตนเชื่อว่า การเริ่มต้นหัวหน้าพรรคการเมืองก็จะทราบว่าการทำงานของพรรคการเมืองความยากง่ายไม่ด้อยไปกว่าการเป็นหัวหน้ากลุ่มม็อบ พรรคการเมืองต้องทำงานภายใต้กฎระเบียบและกฎหมาย แต่กลุ่มมวลชนไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ เพราะฉะนั้นการทำการเมืองของนายบรรหารกว่า 30 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะเดียวกัน ก็ไม่ปฏิเสธการใช้เงินในการทำงานการเมือง ซึ่งทุกพรรคต้องใช้เงินในการบริหารจัดการพรรคการเมืองภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ทั้งนั้น

“ผมขอทำนายว่า พรรคการเมืองใหม่ที่สุดแล้วก็ต้องใช้เงินในการทำงานการเมืองเช่นกัน และนอกจากเงินแล้ว ใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำการเมืองในประเทศไทย อาจจะมองว่าเป็นมิติการเมืองแบบเก่า แต่นี่คือข้อเท็จจริงของการเมืองไทย หากท่านเริ่มต้นการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และรูปแบบการทำงานการเมืองแบบใหม่ด้วยการด่า และกล่าวหาผู้อื่น มันแตกต่างจากนักการเมืองเก่าๆ ที่เคยตำหนิและด่าว่าอย่างไร ผมอยากเสนอว่าน่าจะเสนอแนวคิดพรรคการเมืองใหม่ออกมาดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดแนวคิดของท่านเคยเสนอชิมลางมาแล้วว่าช่วยตอบสังคมว่าพรรคการเมืองใหม่ยังยึดแนวคิดที่มาของ ส.ส.สัดส่วนแต่งตั้ง 70 เลือกตั้ง 30 จะสานต่อหรือไม่ แทนที่จะเสนอแนวคิดดีกว่าสร้างศัตรูตั้งแต่วันแรก” นายวัชระ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายบรรหาร ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่่ของนายสนธิ ว่า การเป็นหัวหน้าพรรคไม่ง่ายเหมือนการเป็นหัวหน้าม็อบ ทำให้นายสนธิต้องตอบโต้ผ่านทางรายการ “คนในข่าว” ทางเอเอสทีวี เมื่อคืนวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า การนำชุมนุมยากกว่า โดยเฉพาะการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรฯ ส่วนการทำพรรคที่นายบรรหาร ว่ายากนั้น คงยากเพราะต้องหาเงินมาใช้ และต้องหาทางตอบแทนนายทุนพรรค

ส่วนแนวคิดเรื่องการให้มี ส.ส.แต่งตั้งกับเลือกตั้งในสัดส่วน 70-30 นั้น เป็นเรื่องเก่าที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เคยเขียนไว้ในบทความเมื่อครั้งยังชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นเพียงตุ๊กตาที่เสนอขึ้นมาเพื่อให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากเห็นว่า ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งนั้นสร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองมาก ตรงกันข้ามกับ ส.ว.สรรหาที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่สื่อมวลชนบางกลุ่มในช่วงนั้นได้นำไปบิดเบือนว่า 70-30 เป็นแนวทางของพันธมิตรฯ

อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางนโยบายของพรรคการเมืองใหม่นั้น นายสนธิได้ แสดงวิสัยทัศน์ไว้แล้วในที่ประชุมพรรคที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 6 ต.ค.และ ชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้งผ่านรายการ"คนในข่าว"ทางเอเอสทีวี วันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่า่นมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าว นายสนธิ ได้เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีที่บ้านพรรคนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายวัชระ กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้ตอบคำถาม จึงตอบแทนไม่ได้ว่ามีการพบกันจริงหรือไม่ รวมทั้งคำตอบของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯก็เดาไม่ถูกว่าพบกันจริงหรือไม่ ซึ่งตรงนี้เป็นสิทธิของนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะพบกัน ขณะเดียวกัน ก็เป็นความรับผิดชอบที่จะต้องตอบประชาชนทั้งประเทศ อย่าลืมว่าประเทศมีหลายสีเหมือนกัน ว่า พบนายสนธิในฐานะอะไรและคุยเรื่องอะไร ถ้ามีการพบกัน แต่ความจริงไม่มีข้อกฎหมายไหนห้ามนายกฯพบกับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นหรือผู้ใด แต่ประเด็นก็คือไปพบทำไม และความเหมาะสมมีหรือไม่อย่างไร

เมื่อถามว่ามีการโยงไปถึงว่ามีการหารือถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.นายวัชระ กล่าวว่า ไม่อยากคิดไกลขนาดนั้น แต่ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงว่านายสุเทพพูดเสมอว่าพันธมิตรไม่มีบุญคุณกับพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่แน่ใจว่าพันธมิตรกับนายสนธิคนๆ เดียวกันหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร.เป็นอำนาจของนายกฯ

อย่างไรก็ตาม สำหรับข่าวนายกฯ ไปหารือกับนายสนธิที่บ้านนายกอร์ปศักดิ์นั้น นายสนธิได้ยืนยันผ่านรายการ “คนในข่าว” ทางเอเอสทีวีเมื่อคืนวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ไม่เป็นความจริงแจ่อย่างใด เพราะตนไม่ได้ไปที่บ้านนายกอร์ปศักดิ์ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านนายกอร์ปศักดิ์อยู่ที่ไหน ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนบางฉบับเขียนขึ้นแบบเลอะเทอะไปเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น