xs
xsm
sm
md
lg

“ปชป.” ไม่เชื่อน้ำคำ “เป็ดเหลิม” ถอนตัวแก้ รธน.ตะเพิดไปคุยกันให้ชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์
“เทพไท” ไม่เชื่อน้ำคำ “เป็ดเหลิม” บอกถอนตัวไม่ร่วมแก้รัฐธรรมนูญปี 50 ในฐานะอะไร เย้ยให้กลับไปพูดกันในพรรคให้ชัดจะเอายังไง ชี้ต่างคนต่างพูด แนะ “แม้ว” โฟนอินจัดระเบียบปราบลูกพรรคบ้าง

วันนี้ (8 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศว่า พรรคมีมติจะถอนตัวไม่เข้าร่วมแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า ไม่ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม พูดในฐานะอะไร และที่อ้างว่าเป็นมติของพรรคนั้น จริงหรือไม่ และมีการประชุมพรรคเมื่อใด เพราะตนได้สอบถามกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนต่างบอกตรงกันว่า ไม่เคยมีมติของพรรคเพื่อไทย ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมแถลง ดังนั้น เพื่อความชัดเจนจึงให้ประธานฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทย ไปร่วมหาข้อสรุปกันภายในพรรคตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อนว่าจุดยืนที่แท้จริงในกรณีนี้เป็นอย่างไร

นายเทพไท กล่าวว่า ประธาน ส.ส.อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ควรไปพูดคุยกับว่าที่ประธานพรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน รวมถึงประธานที่ปรึกษาพรรค เพราะไม่อยากเห็นภาพที่ต่างคนต่างพูดสร้างความสับสนให้สังคมเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ถ้าทุกคนจะยึดหลักโดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อ้างว่า เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงสั่งการมาจากดูไบ ก็ควรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินสั่งการมาให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ลูกพรรคเคลื่อนไหวไปคนละทิศคนละทาง ไร้เอกภาพเช่นนี้

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ว่า ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้นั้น ไม่ทราบว่าเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงเปลี่ยนจุดยืนกะทันหัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศเคลื่อนไหวจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยอ้างว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ ทั้งที่ริเริ่มเรื่องนี้มาตั้งแต่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ในประเด็นเขตเลือกตั้งแบบเขตเล็ก หรือวันแมนวันโหวต แต่วันนี้กลับเห็นด้วยกับเขตเลือกตั้งใหญ่ แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ หรือเพราะกระแสทางการเมืองเปลี่ยนไป และคิดว่า จะทำให้พรรคของตัวเองได้เปรียบในการเลือกตั้งจึงล้มเลิกที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยยึดเอาหลักกูมากกว่าหลักการ เห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ของตัวเองก็ไข่วคว้ามา โดยไม่คำนึงถึงจุดยืนหรืออุดมการณ์ที่มี การออกมาเคลื่อนไหวที่ระบุว่าไม่เอาเรื่องการทำประชามติในการแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่า สิ้นเปลืองงบประมาณ 2 พันล้านบาท ทั้งที่เป็นต้นทุนของระบอบประชาธิปไตย เพราะถ้าทำประชามติแล้วสามารถยุติความขัดแย้งในสังคมได้ดังที่หลายฝ่ายคาดหวัง ก็น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ดีกว่าปล่อยให้ความขัดแย้งลุกลามไปจนไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งนำมาทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ซึ่งมากกว่า 2 พันล้านบาทเสียอีก แม้ว่าเงินก้อนดังกล่าวจะมากก็ตาม แต่ยังน้อยกว่าเงินดอกเบี้ยที่ถูกคอร์รัปชันไปในสมัยระบบทักษิณครองเมืองและยังน้อยกว่าเศษเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกอายัดไว้หลายเท่า” นายเทพไท กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น