กลุ่ม 40 ส.ว.กระทุ้ง รบ.เร่งออกกฎหมายลูกเพื่อให้ ปชช.มีส่วนร่วมและคัดค้านการตั้งโรงงานในพื้นที่มาบตาพุดเพื่อป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่เห็นด้วยข้อเสนอตั้งกองทุนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากการจัดตั้งโรงงาน 1 แสนล้านบาท
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา นายสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งออกกฎหมายลูกมาตรา 67 วรรค 2 เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมต่อการตัดสินใจ และคัดค้านการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายสุรชัยกล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลยื่นอุทธรณ์กรณที่ศาลปกครองระงับใบอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรม 76 แห่ง โดยอ้างว่ายังไม่มีกฎหมายลูกบังคับใช้ แต่กรรมาธิการมีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญในมาตรา 67 วรรค 2 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2550 ดังนั้น การที่รัฐบาลจะไปยื่นอุทธรณ์จึงไม่สมควร เพราะประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ รัฐบาลควรใส่ใจการออกกฎหมายลูกเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งทางกรรมาธิการไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้นในสังคม ระหว่างนักลงทุนกับประชาชน ซึ่งทางที่ดีรัฐบาลควรนำผู้ที่ร้องทุกข์กับหน่วยงานต่างๆ มาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน นอกจากนี้ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องตั้งกองทุนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งโรงงาน 1 แสนล้านบาท เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา นายสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งออกกฎหมายลูกมาตรา 67 วรรค 2 เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมต่อการตัดสินใจ และคัดค้านการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายสุรชัยกล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลยื่นอุทธรณ์กรณที่ศาลปกครองระงับใบอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรม 76 แห่ง โดยอ้างว่ายังไม่มีกฎหมายลูกบังคับใช้ แต่กรรมาธิการมีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญในมาตรา 67 วรรค 2 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2550 ดังนั้น การที่รัฐบาลจะไปยื่นอุทธรณ์จึงไม่สมควร เพราะประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ รัฐบาลควรใส่ใจการออกกฎหมายลูกเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งทางกรรมาธิการไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้นในสังคม ระหว่างนักลงทุนกับประชาชน ซึ่งทางที่ดีรัฐบาลควรนำผู้ที่ร้องทุกข์กับหน่วยงานต่างๆ มาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน นอกจากนี้ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องตั้งกองทุนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งโรงงาน 1 แสนล้านบาท เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
