รองโฆษกฯ เตรียมรายงานนายกฯ ถึงผลการลงพื้นที่ตรวจโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” หลังพบได้รับการตอบรับจาก ปชช.ในพื้นที่เป็นอย่างดี มั่นใจชาว “หัวหิน” พร้อมเป็นเจ้าภาพหนุนรัฐจัดประชุมอาเซียน เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนไทย
วันนี้ (4 ต.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการติดตามโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลในการลงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าในการจัดโครงการโฆษกสัญจรครั้งที่ 3 ที่ จ.ประจวบฯ มี 2 เรื่องที่รัฐบาลต้องติดตาม คือ ติดตามดูโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งได้ไปดูที่ อ.ปราณบุรี คือเรื่องการสร้างซ่อมแซมสร้างฝายกั้นน้ำบ้านวังยาว ต.วังพง ซึ่งชำรุดจากการเกิดอุทกภัยมาตั้งแต่ปี 2546 ทั้งนี้ที่ผ่านมาประชาชนของบประมาณไม่เคยได้ แต่รัฐบาลชุดนี้ได้ให้งบประมาณมาซ่อมแซมฝาย 35 ล้านบาท ซึ่งคิดว่าเป็นประโยชน์ อีกทั้งเห็นว่าสภาพปัญหาที่ประชาชนประสบเกิดขึ้นหลายที่
นายศุภชัยกล่าวว่า การที่มีงบประมาณในเรื่องการทำแหล่งน้ำเชื่อว่าสามารถเป็นประโยชน์ถึงประชาชนโดยตรง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ จ.ประจวบฯ มีงบประมาณเกี่ยวกับเรื่องแหล่งน้ำจำนวน 125 ล้านบาท การที่โฆษกรัฐบาลได้ลงพื้นที่บ้านสายเพชร อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะเห็นว่าในขณะที่ประชาชนประสบปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่หมู่บ้านสายเพชรอยู่รอดจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วยหลักคิดทฤษฎีเกษตรแนวใหม่ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ฉะนั้น ทางสำนักโฆษกจะนำเรื่องลักษณะอย่างนี้ไปถ่ายทอดให้กับประชาชนทุกพื้นที่ได้รับทราบถึงแนวทางการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดูแลและเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะมีขึ้นในวันที่ 23-25 ต.ค.ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้พบกับผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธร และเทศบาลเมืองหัวหิน จะพบว่าทางส่วนราชการ จ.ประจวบฯ มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ที่เคยประสบปัญหาเมื่อครั้งการจัดประชุมครั้งที่ผ่านมาทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบกับผู้ที่สัญจรไปมา ครั้งนี้จึงได้นำบทเรียนจากตรงนั้นเข้ามาปรับปรุงแก้ไขที่เรียกว่า อาเซียนเลน ไว้สำหรับรองรับผู้นำประเทศแต่ละประเทศที่จะเดินทางเข้าร่วมประชุมอาเซียน และผู้ติดตาม จะใช้ช่องทางที่ติดกับเกาะกลางทั้ง 2 ด้าน ในขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถใช้ช่องทางที่เหลือในแต่ละด้านเพื่อใช้เดินทางได้ตามปกติ คิดว่าจะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในการเดินทางคาดว่าจะน้อยลง
นายศุภชัยกล่าวว่า ในส่วนของประชาชนจะพบว่าประชาชนได้ให้ความกระตือรือร้นที่จะเป็นเจ้าภาพที่ดีในการจัดประชุมอาเซียน ทั้งประชาชนชาวอำเภอหัวหิน และประจวบฯ คิดว่าครั้งนี้เป็นภาระหน้าที่ที่จะเรียกภาพลักษณ์ของประเทศกลับคืนมา จึงคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการร่วมกันในการที่จะให้การประชุมเกิดความเรียบร้อย จะมีผลโดยตรงต่อตัวเขาในพื้นที่ซึ่งเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศที่เคยมาเที่ยวต้องหยุดชะงักเพราะตั้งแต่เหตุการณ์ที่พัทยาจะหวนกลับมาที่ประเทศไทยเหมือนเดิม