“วัชระ” อ้างประชุมวิป 3 ฝ่ายไม่คืบ จี้ นายกฯ-ปชป.กำหนดเวลาแก้ไข รธน.ชัดเจนกันข้อครหายื้อเวลา ระบุ เห็นไม่จำเป็นต้องทำประชามติ แต่พร้อมยอมรับเสียงส่วนใหญ่ หวั่นกลายถูกมองเป็นผู้ร้ายของสังคม เสนอประชามติหลังผ่านวาระ 1 เชื่อแค่ 6 เดือนทำเสร็จ
วันนี้ (2 ต.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการประชุมผลระหว่างวิป 3 ฝ่าย และนายกรัฐมนตรี ว่า ถือว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในลักษณะเชิงบวก เพราะได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาไปยกร่างในสองรูปแบบ ซึ่งท่าทีของพรรคต้องรอการยกร่างดังกล่าวก่อน แต่จุดยืนของพรรค คือ เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยที่จะทำประชามติเราก็ไม่ขัดข้อง แม้ที่ผ่านมา หัวหน้า และ ส.ส.ของพรรคมองว่า 6 ประเด็นดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการภาคประชาชนในรูปแบบต่างๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำประชามติ หรือประชาพิจารณ์ แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ต้องการ เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ร้ายทันที สำหรับขั้นตอนการทำประชามติทางพรรคอยากเสนอว่า ให้ผ่านวาระ 1 และชั้นกรรมาธิการไปก่อนแล้วค่อยทำประชามติ เพราะท่าทีของนายกฯอยากทำประชามติก่อน ซึ่งก็ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาว่าจะมีความยาวนานเท่าไหร่ หากทำก่อนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในชั้นกรรมาธิการได้ แต่ถ้าทำในชั้นกรรมาธิการแล้วเมื่อประชาชนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงได้อีก เราต้องการให้ตกผลึก ไม่มีการแก้ไขใดๆ ได้อีก
“ฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์และนายกฯขอให้กำหนดตารางเวลาที่ชัดเจนแน่นอน อย่าปฏิเสธว่าทำไม่ได้ เพื่อให้ประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลทราบถึงกระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเมื่อไหร่ ทั้งกรอบเวลาการยกร่าง, การเสนอร่างต่อสภา, การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการและการทำประชามติ เพื่อช่วยไม่ให้ถูกสังคมครหาในเรื่องยื้อเวลา เพราะขณะนี้เสียงนี้ก็ยังมีอยู่ในความคิดของหลายฝ่าย ส่วนที่นายกฯบอกว่า จะใช้เวลา 9 เดือน ผมคิดว่าน่าจะเสร็จได้เร็วกว่านั้นภายใน 6 เดือนก็ทำได้ แต่ระยะเวลา 9 เดือนก็เผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ก็ไม่เกี่ยงถ้าจะเป็นอย่างนั้น” นายวัชระ กล่าว
เมื่อถามว่า ในฐานะพรรคการเมืองซึ่งถือว่ามีส่วนได้เสียการกำหนดเวลาให้เร็วขึ้นเป็นการเร่งรัดหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองในแง่ร้าย แต่สถานการณ์การเมืองอาจเปลี่ยนแปลงได้ อาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมือง เช่นการยุบสภา หรือมีเงื่อนให้รัฐบาลต้องสิ้นสุดสภาพได้ตลอดเวลา เวลา 9 เดือน อาจเป็นเวลาที่การันตีว่ารัฐบาลอยู่ได้แต่หากสถานการณ์ไปต่อไปไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องไปยืดเยื้อ พรรคเชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ หากเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาเดิมก็จะสร้างปัญหาอีก ดังนั้นเราเตรียมการไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ
วันนี้ (2 ต.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการประชุมผลระหว่างวิป 3 ฝ่าย และนายกรัฐมนตรี ว่า ถือว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในลักษณะเชิงบวก เพราะได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาไปยกร่างในสองรูปแบบ ซึ่งท่าทีของพรรคต้องรอการยกร่างดังกล่าวก่อน แต่จุดยืนของพรรค คือ เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยที่จะทำประชามติเราก็ไม่ขัดข้อง แม้ที่ผ่านมา หัวหน้า และ ส.ส.ของพรรคมองว่า 6 ประเด็นดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการภาคประชาชนในรูปแบบต่างๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำประชามติ หรือประชาพิจารณ์ แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ต้องการ เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ร้ายทันที สำหรับขั้นตอนการทำประชามติทางพรรคอยากเสนอว่า ให้ผ่านวาระ 1 และชั้นกรรมาธิการไปก่อนแล้วค่อยทำประชามติ เพราะท่าทีของนายกฯอยากทำประชามติก่อน ซึ่งก็ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาว่าจะมีความยาวนานเท่าไหร่ หากทำก่อนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในชั้นกรรมาธิการได้ แต่ถ้าทำในชั้นกรรมาธิการแล้วเมื่อประชาชนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงได้อีก เราต้องการให้ตกผลึก ไม่มีการแก้ไขใดๆ ได้อีก
“ฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์และนายกฯขอให้กำหนดตารางเวลาที่ชัดเจนแน่นอน อย่าปฏิเสธว่าทำไม่ได้ เพื่อให้ประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลทราบถึงกระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเมื่อไหร่ ทั้งกรอบเวลาการยกร่าง, การเสนอร่างต่อสภา, การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการและการทำประชามติ เพื่อช่วยไม่ให้ถูกสังคมครหาในเรื่องยื้อเวลา เพราะขณะนี้เสียงนี้ก็ยังมีอยู่ในความคิดของหลายฝ่าย ส่วนที่นายกฯบอกว่า จะใช้เวลา 9 เดือน ผมคิดว่าน่าจะเสร็จได้เร็วกว่านั้นภายใน 6 เดือนก็ทำได้ แต่ระยะเวลา 9 เดือนก็เผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ก็ไม่เกี่ยงถ้าจะเป็นอย่างนั้น” นายวัชระ กล่าว
เมื่อถามว่า ในฐานะพรรคการเมืองซึ่งถือว่ามีส่วนได้เสียการกำหนดเวลาให้เร็วขึ้นเป็นการเร่งรัดหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองในแง่ร้าย แต่สถานการณ์การเมืองอาจเปลี่ยนแปลงได้ อาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมือง เช่นการยุบสภา หรือมีเงื่อนให้รัฐบาลต้องสิ้นสุดสภาพได้ตลอดเวลา เวลา 9 เดือน อาจเป็นเวลาที่การันตีว่ารัฐบาลอยู่ได้แต่หากสถานการณ์ไปต่อไปไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องไปยืดเยื้อ พรรคเชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ หากเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาเดิมก็จะสร้างปัญหาอีก ดังนั้นเราเตรียมการไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ
