มือดีลอบวางระเบิดป่วน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเก่า ละแวก ถ.จักรเพชร อีกรอบ พบระเบิดแสวงเครื่องสภาพพร้อมใช้งาน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาเก็บกู้ได้ทัน ขณะที่ตุลาการฯ มึนพ้นช่วงคดีสำคัญยังมีเหตุ แต่ไม่ประมาทระวังตัวมากขึ้น
วันนี้ (30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.15 น.ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดริมรั้วสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเก่า บริเวณ ถ.จักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.โดย จ.ส.อ.ปรีชา สุจริต หัวหน้าชุดสารวัตรทหาร ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับแจ้งจาก นายวัชรพงษ์ คล้องทอง ชุดรักษาความปลอดภัยประจำศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเป็นถุงพลาสติกชนิดหูหิ้วภายในบรรจุท่อพีวีซี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 30 ซม.ภายในพบสายไฟและถ่านไฟฉาย คล้ายระเบิดแสวงเครื่อง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและเจ้าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง ทราบและจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมพื้นที่
ต่อมาเวลาประมาณ 12.40 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด นำโดย ร.ต.อ.ภาณุภร ชาติไทย ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องสภาพพร้อมใช้งาน จึงได้ใช้เครื่องยิงน้ำแรงดันสูงทำลายขั้นตอนการระเบิด ก่อนทำการเก็บกู้และพบว่า วัตถุระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซึ่งบรรจุในท่อพีวีซีนั้น ได้มีการต่อแผงวงจรกับนาฬิกาปลุก ภายในประกอบด้วยปุ๋ยยูเรีย น้ำมัน นอต และตะปู เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นวัตถุระเบิดจึงได้นำเศษวัสดุที่หลงเหลือจากการทำลาย นำไปพิสูจน์ทราบโดยละเอียดต่อไป
ด้าน นายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ทราบข่าวจากสื่อ เนื่องจากในช่วงเช้าคณะตุลาการมีประชุม อย่างไรก็ตามศาลเคยถูกข่มขู่ด้วยการลอบยิงวัตถุระเบิดชนิดเอ็ม 79 มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่ครั้งนั้นไม่เกิดระเบิด และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และจากกรณีดังกล่าวทำให้คณะตุลาการฯ มีแนวคิดที่จะโยกย้ายสำนักงานจากเดิมที่อยู่ย่านพาหุรัด ซึ่งเป็นมุมอับและติดถนนใหญ่ยากต่อการป้องกัน ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างรุนแรง โดยได้ตัดสินใจย้ายที่ทำการมาอยู่แถวย่านแจ้งวัฒนะแทน ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่า อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกใจกับเหตุลอบวางระเบิดในช่วงนี้ เพราะไม่น่าจะมีประเด็นอะไรที่ต้องมากดดันศาล ทั้งการพิจารณากรณีการถือครองหุ้นของ ส.ส.และ ส.ว.ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีอะไร อีกทั้งกระบวนการก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แค่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของคณะตุลาการแต่ละท่านนั้น ที่ผ่านมาก็ได้มีการออกระเบียบอนุญาตให้ตุลาการสามารถจัดหาหรือจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัว เพื่อเป็นการคุ้มกันได้ และได้มีตุลาการฯบางคนดำเนินการไปแล้ว รวมทั้งมีการติดกล้องวงจรปิดที่บ้านพักของตุลาการ แต่ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาก็ไม่มีตุลาการฯท่านใดแจ้งว่าถูกข่มขู่ แต่เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ก็ต้องมีการกำชับกันในระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าการทำหน้าที่ตรงนี้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอยู่เสมอ ส่วนสาเหตุของการลอบวางระเบิดในครั้งนี้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป
ด้าน นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตนยังอยู่ระหว่างรอรับรายงาน ไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ไม่มีการข่มขู่อะไร เบื้องต้นทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น
วันนี้ (30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.15 น.ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดริมรั้วสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเก่า บริเวณ ถ.จักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.โดย จ.ส.อ.ปรีชา สุจริต หัวหน้าชุดสารวัตรทหาร ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับแจ้งจาก นายวัชรพงษ์ คล้องทอง ชุดรักษาความปลอดภัยประจำศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเป็นถุงพลาสติกชนิดหูหิ้วภายในบรรจุท่อพีวีซี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 30 ซม.ภายในพบสายไฟและถ่านไฟฉาย คล้ายระเบิดแสวงเครื่อง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและเจ้าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง ทราบและจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมพื้นที่
ต่อมาเวลาประมาณ 12.40 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด นำโดย ร.ต.อ.ภาณุภร ชาติไทย ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องสภาพพร้อมใช้งาน จึงได้ใช้เครื่องยิงน้ำแรงดันสูงทำลายขั้นตอนการระเบิด ก่อนทำการเก็บกู้และพบว่า วัตถุระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซึ่งบรรจุในท่อพีวีซีนั้น ได้มีการต่อแผงวงจรกับนาฬิกาปลุก ภายในประกอบด้วยปุ๋ยยูเรีย น้ำมัน นอต และตะปู เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นวัตถุระเบิดจึงได้นำเศษวัสดุที่หลงเหลือจากการทำลาย นำไปพิสูจน์ทราบโดยละเอียดต่อไป
ด้าน นายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ทราบข่าวจากสื่อ เนื่องจากในช่วงเช้าคณะตุลาการมีประชุม อย่างไรก็ตามศาลเคยถูกข่มขู่ด้วยการลอบยิงวัตถุระเบิดชนิดเอ็ม 79 มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่ครั้งนั้นไม่เกิดระเบิด และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และจากกรณีดังกล่าวทำให้คณะตุลาการฯ มีแนวคิดที่จะโยกย้ายสำนักงานจากเดิมที่อยู่ย่านพาหุรัด ซึ่งเป็นมุมอับและติดถนนใหญ่ยากต่อการป้องกัน ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างรุนแรง โดยได้ตัดสินใจย้ายที่ทำการมาอยู่แถวย่านแจ้งวัฒนะแทน ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่า อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกใจกับเหตุลอบวางระเบิดในช่วงนี้ เพราะไม่น่าจะมีประเด็นอะไรที่ต้องมากดดันศาล ทั้งการพิจารณากรณีการถือครองหุ้นของ ส.ส.และ ส.ว.ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีอะไร อีกทั้งกระบวนการก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แค่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของคณะตุลาการแต่ละท่านนั้น ที่ผ่านมาก็ได้มีการออกระเบียบอนุญาตให้ตุลาการสามารถจัดหาหรือจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัว เพื่อเป็นการคุ้มกันได้ และได้มีตุลาการฯบางคนดำเนินการไปแล้ว รวมทั้งมีการติดกล้องวงจรปิดที่บ้านพักของตุลาการ แต่ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาก็ไม่มีตุลาการฯท่านใดแจ้งว่าถูกข่มขู่ แต่เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ก็ต้องมีการกำชับกันในระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าการทำหน้าที่ตรงนี้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอยู่เสมอ ส่วนสาเหตุของการลอบวางระเบิดในครั้งนี้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป
ด้าน นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตนยังอยู่ระหว่างรอรับรายงาน ไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ไม่มีการข่มขู่อะไร เบื้องต้นทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น