“เกาะกระแส” โดย ก้อนกรวด
00 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯได้ตัดสินลงโทษ “ยุทธ ตู้เย็น” หรือ ยงยุทธ ติยะไพรัช เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ฐานปกปิดทรัพย์สินหรือแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท แต่รอลงอาญาโทษจำคุก 1 ปี พร้อมทั้งให้ตัดสิทธิ์ห้ามยุ่งการเมือง 5 ปี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้สะท้อนหลายอย่าง โดยเฉพาะฤทธิ์เดชของรัฐธรรมนูญปี 2550
00 “ยาแรง” กำลังออกฤทธิ์ ทำให้พวกนักการเมือง“ขี้ฉ้อ” ทั้งหลายต้องโอดโอย หาว่าควบคุมจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ แถมบางคนยังอ้างแบบทุเรศอีกว่า ทำให้ประโยชน์ของชาวบ้านต้องเสียหาย ทั้งที่นั่นคือผลประโยชน์ของตัวเองนั่นแหละ
00 อีกทั้งข้อห้ามเหล่านี้ก็กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็ยังฝ่าฝืนทำ เมื่อถูกจับได้ก็โวยวาย แล้วจะแก้ไขกติกาเพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องพ้นผิด ทั้งที่ตามหลักการแล้ว หากเห็นว่า “เข้มงวด” ก็อย่าเข้ามา เพราะไม่มีใครเขาบังคับ หรือใครเอาปืนไปจ่อหัวให้ลงมาเล่นการเมือง มีแต่ลงทุนซื้อทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เป็น ส.ส. ได้เป็นรัฐมนตรี
00 แล้วต้องการถามอีกคำว่า หากบ้านเมืองขาดนักการเมืองขี้โกงแบบนี้ จะทำให้ ฉิบหาย หรือว่าดีขึ้นหรือไม่ ท่านทั้งหลายลองใช้สมองตรองดูก็แล้วกัน ดังนั้นถ้าจะแก้ไข ก่อนอื่นก็ต้องถามประชาชนก่อน เพราะที่มาของ รธน. 50 มาจากประชาชนที่เห็นชอบถึง 14.7 ล้านเสียง พวกเอ็งอย่าคิดอ้างมั่วๆ ว่ามาจากเผด็จการเพียงอย่างเดียวเป็นอันขาด และหากแก้ไขกันจริงแล้ว ก็ต้องให้เข้มกว่านี้อีก เพราะพวกนักการเมืองชั่วมันไม่เคยยอมรับผิด ขนาดเห็นหลักฐานอยู่ตรงหน้า ยังปฏิเสธหน้าตาเฉย ไม่เคยพูดถึงสปิริต หรือไม่มี “ยาง” แม้แต่น้อย
00 เรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกรอบสำหรับ “ฮุนเซน” นายกฯ เขมร ที่มักใช้กรณีขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหารมาใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง ใช้กรณีหวงแหนดินแดนมาสร้างความนิยมให้กับตัวเอง และรัฐบาลได้อยู่เสมอ ครั้งที่แล้วถึงขนาดส่งทหารเข้ามาปะทะกับทหารไทย แม้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง แต่ก็คุ้มสำหรับเขา เพราะกำลังอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งโค้งสุดท้าย และในที่สุดพรรคประชาชนกัมพูชาก็ชนะถล่มทลาย
00 คราวนี้แม้ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแท้จริงชัดเจนนัก แต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกกระทบต่อกัมพูชาแทบกระอัก นักท่องเที่ยวลดฮวบ ส่งออกเสื้อผ้าเจ๊ง มันก็มีอยู่ทางเดียวก็คือ ปลุกกระแสรักชาติเพื่อกลบความล้มเหลวภายในนั่นแหละดีที่สุด ถามว่าโดยศักยภาพในทุกด้านแล้ว กัมพูชาจะกล้าหือกับไทยหรือ แต่ที่ทำแบบนี้เพราะผู้นำเขารู้จักฉกฉวยสถานการณ์ให้เป็นประโยชน์ ขณะที่ไทยมัวแต่อ่อนข้อตลอด เพราะระดับบิ๊ก ดันไปมีผลประโยชน์ทับซ้อน บางคนไป “เซ้งต่อ” มาจาก “นักโทษหน้าเหลี่ยม” ปัญหามันจึงไม่ถึงไหนซักที
00 นี่เห็นข่าวว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ จะบากหน้าไปไปเคลียร์ถึงพนมเปญ ก็อยากถามว่า ไปหารือเรื่องอะไร และคิดจะไปในฐานะอะไร ให้บอกด้วย !!