“อภิสิทธิ์” รู้ทันเขมร ยันไม่ต่อสายเคลียร์ฮุนเซน หลังนายกฯ กัมพูชา ขู่ยิงคนไทยล้ำเขตแดนเขาพระวิหาร ชี้ แค่ลูกไม้หาเสียง เตือนอย่าตกหลุมพราง ยันยึดแนวทางเจรจาปักปันเขตแดน วอนยูเนสโกหาทางลดความขัดแย้ง
วันที่ 29 ก.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุม ครม.กรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวกับประชาชน ว่า หากคนไทยล้ำดินแดนเขาพระวิหารจะโดนยิงทันที ว่า ตนเห็นว่า เวลาที่สมเด็จฮุนเซนให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ก็มักแสดงท่าทีอย่างนี้ มันเป็นวิธีการพูดให้เป็นข่าว
เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซนทำแบบนี้ เป็นการนำอธิปไตยของไทยไปใช้หาเสียง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เราพยายามพูดกันแล้วว่าให้ระมัดระวังว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ และทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นมา แต่สำหรับไทยนั้นไม่มีอะไรเป็นกังวล เพราะเรายืนยันว่า เรารักษาสิทธิของเราเช่นกัน
เมื่อถามว่า กัมพูชาขู่ยิงคนไทยหากล้ำดินแดน นายกฯ กล่าวว่า เราไม่ได้เข้าไปในเขตของกัมพูชา เราอยู่ในเขตของเรา อย่างไรก็ตาม กัมพูชาไม่ได้ถือสิทธิเหนือพื้นที่ของไทย เพราะทหารไทยก็อยู่ที่นั่น
ส่วนกระแสข่าวว่า สมเด็จฮุนเซนจะไม่มาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 23-25 ต.ค.นั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่คิดแบบนั้น ตนคิดว่า สมเด็จฮุนเซน น่าจะมา เมื่อถามว่าโต๊ะเจรจาไทย-กัมพูชา ได้ผลหรือไม่ เพราะผู้นำกัมพูชาเป็นแบบนี้มันจะเอื้อกับการเจรจาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ก็พูดแบบเดียวกันว่า ใครรุกล้ำเข้ามาเราก็ยิง เพราะคนไทยบ่นว่าทำไมมีกองกำลังของกัมพูชามาอยู่ในพื้นที่นั้น ตนไปมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ก็โดนนักศึกษากัมพูชา ถามว่า ทำไมทหารไทยไปอยู่ในเขตกัมพูชา
เมื่อถามว่า จะแสดงท่าทีอย่างไรเพราะสมเด็จฮุนเซนนั้น ต่อหน้าเป็นอย่างหนึ่ง ลับหลังเป็นอย่างหนึ่ง นายกฯกล่าวว่า เรายืนยันอย่างเดียวว่าจุดยืนเดียวของไทย คือ รักษาดินแดน สิทธิ อธิปไตยของเรา และต้องการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและจะไม่ให้เสียเปรียบในด้านการดำเนินการและกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อถามว่า ต้องส่งนายสุเทพไปหารือหรือต้องต่อสายตรงไปคุยกับสมเด็จฮุนเซนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่จำเป็น
เมื่อถามว่า นายกฯ กัมพูชา บอกว่า จะไม่เจรจากับ นายอภิสิทธิ์ จะฉีกแผนที่ จะดำเนินการในหลายเรื่อง โดยมีท่าทีไม่เจรจากับไทย และจะยึดพื้นที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า ที่จริงตนก็ไม่เจรจากับสมเด็นฮุนเซน เพราะฝ่ายที่ทำงานเรื่องนี้ คือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และเราจะทำงานต่อ เจบีซีก็ทำงานต่อ
เมื่อถามว่า คำพูดของผู้นำประเทศ คือ นโยบาย และส่งผลกับระดับปฏิบัติงาน นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่า สมเด็จฮุนเซนจะฉีกแผนที่ฉบับใด เพราะเราถือหลักสันปันน้ำอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า คนไทยรู้สึกว่าการรักษาสิทธิและตอบโต้นั้น คล้ายว่าไทยจะเป็นเบี้ยล่างกัมพูชาเสมอๆ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ใช่หรอก เราไม่ไปตกหลุมเขามากกว่า เพราะว่าผมศึกษาเรื่องนี้มาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ตั้งแต่ก่อนมาเป็นนายกฯ คุยกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และดูเอกสารต่างๆ ฉะนั้น แนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ผมมั่นใจว่า เป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการรักษาสิทธิและอธิปไตย แล้วต้องระมัดระวัง เพราะเรารู้ว่าหากเดินผิดแนวก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและต้องไม่ถูกยั่วยุให้เดินผิดแนว”
เมื่อถามว่า นายกฯกัมพูชาพยายามยกระดับปัญหา เพื่อให้เรื่องนี้ไปสู่องค์การสหประชาชาติ นายกฯ กล่าวว่า “ถูกต้องเลยครับ และแนวทางของไทยยืนยันมาตลอด ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องที่ต้องถูกยกระดับไปที่ไหนมันเป็นเรื่องที่แก้กันตามข้อตกลงที่มีอยู่ คือ เจบีซี”
เมื่อถามว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยเลย หลังจากเห็นข่าวนี้ แต่ตนคุยกับนายสุเทพ และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมแล้ว ก็เห็นตรงกันกับแนวทางที่ตนพูดไป อย่างไรก็ตาม คิดว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคำพูดของนายกษิตที่เคยพูดในทางที่ไม่ดีกับสมเด็จฮุนเซน แต่คิดว่าเป็นเรื่องปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาเท่านั้น
เมื่อถามว่า ในช่วงไปต่างประเทศได้หารือกับนายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ได้เจอและได้คุย โดยได้ขอให้องค์การสหประชาชาติช่วยดูบทบาทของยูเนสโก ซึ่งควรส่งเสริมสันติภาพ แต่มันกลับเป็นเงื่อนไขให้ไทย-กัมพูชา ขัดแย้งกัน ยูเนสโกควรไปทบทวน
เมื่อถามว่า แนวทางแก้ไขต่อไปนั้นจะเป็นเช่นใด นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่า แนวที่จะรักษาประโยชน์ที่ดีที่สุด คือ เดินตามข้อตกลงไทย-กัมพูชา 2543
เมื่อจบการแถลงข่าว นายกฯ เดินออกจากตึกนารีสโมสรขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งๆ ที่รถประจำตำแหน่งจอดอยู่ก็ตาม และนายกฯ พยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้ โดยนายกฯ ตอบสั้นๆว่า “อย่าไปตกหลุมเขา”
