รองประธานวุฒิฯ ปลื้มผลงานวุฒิสภา 1 ปี ยันไม่ใช่แค่สภาตรายาง บอกผ่านกฎหมาย ทั้งคัดค้านหลายเรื่องที่กระทบกับประชาชน ให้คะแนน 8 เต็ม 10 พร้อมหนุนโครงสร้าง ส.ว. มาจากเลือกตั้ง-สรรหา วาระครบ 6 ปี
วันนี้ (26 ก.ย.) นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวถึงผลงานในรอบ 1 ปีของวุฒิสภา ถือว่ามีผลงานที่หลากหลาย เช่น การออกกฎหมาย ที่ผ่านมาที่มองว่าวุฒิสภาเป็นแค่สภาตรายาง แต่หากส่งผลกระทบต่อประชาชน ทางวุฒิสภาก็ไม่ยอมให้ผ่าน เช่น พ.ร.ก.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ของรัฐบาล ส่วนเรื่องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาวุฒิสภาก็ได้ขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 ถึง 2 ครั้ง รวมถึงการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆ ด้วย ซึ่งดูจากภาพรวมแล้วตนให้คะแนน 7-8 เต็ม 10 คะแนน
นายนิคมกล่าวถึงกรณีที่มักมีภาพความขัดแย้งโดยเฉพาะมติวิปวุฒิกับสมาชิก ถือว่าเป็นความเห็นที่หลากหลาย เป็นเอกสิทธิ์ที่ถกเถียงกันข้างนอก แต่เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และยอมรับความเห็นของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่อไปเราคงต้องพิจารณาทบทวนบทบาทของวิปวุฒิที่ไปเจรจาให้เป็นแค่ตัวแทนหรือผู้ประสานงานเท่านั้น ส่วนที่มาของ ส.ว. ที่มีที่มา 2 แบบ คือ จากการเลือกตั้ง และสรรหา ตนเห็นว่าน่าจะเป็นคุณมากกว่า โดยเฉพาะ ส.ว.สรรหา ถือเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์มาก ดังนั้นจึงควรคงโครงสร้างดังกล่าวไว้ให้ครบ 6 ปี จากนั้นจึงค่อยปรับเปลี่ยน ซึ่งหากจะมีการแก้ไขก็จะต้องเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล
วันนี้ (26 ก.ย.) นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวถึงผลงานในรอบ 1 ปีของวุฒิสภา ถือว่ามีผลงานที่หลากหลาย เช่น การออกกฎหมาย ที่ผ่านมาที่มองว่าวุฒิสภาเป็นแค่สภาตรายาง แต่หากส่งผลกระทบต่อประชาชน ทางวุฒิสภาก็ไม่ยอมให้ผ่าน เช่น พ.ร.ก.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ของรัฐบาล ส่วนเรื่องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาวุฒิสภาก็ได้ขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 ถึง 2 ครั้ง รวมถึงการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆ ด้วย ซึ่งดูจากภาพรวมแล้วตนให้คะแนน 7-8 เต็ม 10 คะแนน
นายนิคมกล่าวถึงกรณีที่มักมีภาพความขัดแย้งโดยเฉพาะมติวิปวุฒิกับสมาชิก ถือว่าเป็นความเห็นที่หลากหลาย เป็นเอกสิทธิ์ที่ถกเถียงกันข้างนอก แต่เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และยอมรับความเห็นของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่อไปเราคงต้องพิจารณาทบทวนบทบาทของวิปวุฒิที่ไปเจรจาให้เป็นแค่ตัวแทนหรือผู้ประสานงานเท่านั้น ส่วนที่มาของ ส.ว. ที่มีที่มา 2 แบบ คือ จากการเลือกตั้ง และสรรหา ตนเห็นว่าน่าจะเป็นคุณมากกว่า โดยเฉพาะ ส.ว.สรรหา ถือเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์มาก ดังนั้นจึงควรคงโครงสร้างดังกล่าวไว้ให้ครบ 6 ปี จากนั้นจึงค่อยปรับเปลี่ยน ซึ่งหากจะมีการแก้ไขก็จะต้องเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล
