โฆษก ชทพ.เรียกร้องนายกฯ เร่งทำความเข้าใจข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร หวั่นลัทธิคลั่งชาติลุกลามความสัมพันธ์เขมรแตกแหัก เมินตั้ง ส.ส.ร. ย้ำใช้เวทีรัฐสภาแก้ หนุนทำประชามติรายมาตรา โต้ “รังสิมา” วิพากษ์โยกงบโครงการไทยเข้มแข็งไปลงบึงฉวาก แขวะให้กลับไปตรวจสอบงบชุมชนพอเพียงแทน
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวกรณีขัดแย้งพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหารว่า ขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ หลังจากเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่มีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหานี้แล้ว ดังนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับมา ควรเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งปัญหาชายแดน จนทำให้ประเทศไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตนขอวิงวอนกับทุกฝ่ายอย่านำ กรณีพิพาทที่เกิดขึ้นมาเป็นประเด็นหาเสียงหรือเป็นประเด็นการเมืองเพื่อเรียกความนิยมจากประชาชน ทั้งนี้เพราะเป็นที่รู้กันว่าลัทธิคลั่งชาติไม่เคยทำให้ประเทศชาติใดมีความเจริญขึ้นได้
นายวัชระกล่าวถึงการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญของที่ประชุมร่วมวิปสามฝ่ายว่า ขณะนี้ถือว่าการแก้รัฐธรรมนูญยังไม่มีความคืบหน้า แม้จะมีความชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องรอนายกรัฐมนตรีกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้ความชัดเจนในแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคขอยืนยันจุดยืนเดิมว่า พรรคไม่ขัดข้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคขอเน้นย้ำข้อตกลงเบื้องต้นคือ การแก้ไขเร่งด่วนในสองประเด็น คือ มาตรา 190 และที่มาของ ส.ส. ส่วนการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) พรรคยังมองว่าไม่มีความจำเป็น จึงขอเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า ทุกฝ่ายรู้ดีว่า ส.ส.ร.ยังไม่มีความจำเป็น จึงไม่ควรหยิบยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาทำความตกลงในเรื่องนี้
“การประชุมวิปสามฝ่ายที่ผ่านมา ตนมองว่าเป็นของเล่น ของจริงยังไม่เกิด ของจริงจะเกิดได้เมื่อนายกฯกลับมาแล้ว และตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ในกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน หรือแม้แต่พรรคชาติไทยพัฒนา ต่างก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมี ส.ส.ร.3 ในขณะนี้ และเงื่อนไขตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ทราบดี ซึ่งการแก้ไขตอนนี้เป็นเพียงการแก้ไขในระยะสั้นเท่านั้น และ ส.ส.ร.2 ก็เปิดช่องให้มีการแก้ไขได้” นายวัชระกล่าว
นายวัชระกล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรดำเนินการโดยรัฐสภา และเห็นด้วยกับการยกร่างเป็นรายมาตรา เพื่อให้ประชาชนทำประชามติ โดยควรวางกรอบเวลาที่ชัดเจนว่า รัฐบาลจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใต้กรอบเวลานานเท่าใด
นายวัชระกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์วิจารณ์ถึงการจัดสรรงบประมาณในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ไปลงในบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) โดยระบุว่ามีการจัดสรรงบซ้ำซ้อนและโยกงบโครงการไทยเข้มแข็งมาลงในโครงการว่า จากการร่วมฟังประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณางบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาด้วยความโปร่งใสโดยคำนึงถึงความสามารถในการดำเนินโครงการ จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมไปยัง น.ส.รังสิมา ว่าเป็นความผิดด้วยหรือที่ผู้บริหารโครงการบึงฉวากเป็นคนขยันและมีความพร้อมในการจัดทำโครงการจึงได้งบประมาณ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงบประมาณคนใดที่จะเอาตำแหน่งหน้าที่ไปแลกกับโครงการที่ไม่โปร่งใส และขอเรียกร้องให้ น.ส.รังสิมา พิจารณาโครงการนี้อย่างเป็นธรรมนอกเหนือจากการจัดสรรงบประมาณแต่ควรดูถึงความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ และขอให้ น.ส.รังสิมา ไปดูการใช้งบประมาณของโครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประชาธิปัตย์เองว่ามีความโปร่งใสเพียงใด
“ขอร้องคุณรังสิมา แทนที่จะไปจับตาคนขยัน ไปจับตาคนโกงดีกว่า และหากไม่มั่นใจว่างบของพรรคชาติไทยพัฒนาและงบกระทรวงท่องเที่ยวฯ มีความโปร่งใสหรือไม่ก็สามารถตรวจสอบได้ แต่อย่าเหมาว่าคนที่ขยันจะเป็นคนที่ทำผิด” นายวัชระ กล่าว
