ป.ป.ช.เสียงข้างมากคดี 7 ตุลา ไม่หวั่น “พัชรวาท” ฟ้องละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ชี้ถือเป็นสิทธิที่จะต่อสู้ได้ “วิชา” ยืนยันเข้ามาทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เชื่อการตัดสินคดีเชื่อถือได้ ขณะที่ “กล้านรงค์” ชี้รัฐบาลพิจารณาควรดูแลป.ป.ช. ย้ำไม่หวั่นอันตราย ชี้ชีวิตก็มีแค่นี้ ลั่นจะทำหน้าที่ถึงที่สุด ด้านทนายผู้ฟ้องยันไม่ได้ฟ้องแก้เกี้ยว
วันนี้ (11 ก.ย.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฟ้องร้อง 8 ป.ป.ช. เสียงข้างมาก ที่ชี้มูลความผิดในคดี 7 ตุลาฯ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องความพยายามที่จะต่อสู้ในฐานะคนที่ถูกดำเนินคดี ส่วนตัวแล้วไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหรือโกรธเคือง พล.ต.อ.พัชรวาท แต่อย่างใด เพราะถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่การฟ้องตนเรื่องขาดคุณสมบัติเพราะประกอบอาชีพอิสระเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมนั้น เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ศาลอาญา ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนเองมาอย่างถูกต้อง เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถวินิจฉัยคดีได้และที่ผ่านมาตนก็ได้วินิจฉัยไปหลายคดีแล้ว ซึ่งศาลก็ได้ตัดสินคดีที่ตนวินิจฉัยไปแล้วหลายคดี
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก ป.ป.ช. กล่าวในเดียวกันนี้ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะดูแลกรรมการ ป.ป.ช.อย่างไร เพราะ ป.ป.ช.ทุกคนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและไม่มีเครื่องมือที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับตัวเอง โดยส่วนตังคงไม่ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลเพิ่มเติมให้เป็นดุลพินิจของรัฐบาลว่าจะดูแลคนทำหน้าที่ในองค์กรอิสระแค่ไหน วันนี้มั่นใจว่า ป.ป.ช.ทุกคนไม่เสียกำลังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนรู้ดีว่าการทำงานในหน้าที่นี้ต้องชี้มูลคดีใหญ่ๆ ทุกคดีและประสบปัญหากันมามาก อยู่กันในสภาพนี้มานานแล้ว
“ผมไม่คิดอะไรถือเสมอว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะชีวิตมีเพียงนี้ ถึงคราวต้องไปก็ต้องไป หากยังไม่ถึงเวลาก็ต้องทำงานในหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบหาสาเหตุให้ได้ว่าเกิดจากอะไร” นายกล้านรงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงจะเกิดเหตุปาระเบิดใส่สำนักงาน ป.ป.ช.เหมือนที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยโดนมาแล้ว นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ตรงนี้เลขา ป.ป.ช. มีหน้าที่ต้องดูแลรัฐบาลต้องพิจารณาความจำเป็นว่าจะส่งเจ้าหน้าที่มาอารักขาสำนักงาน ป.ป.ช. หรือไม่ เพราะเป็นดุลยพินิจของรัฐบาล
นายกล้านรงค์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลต้องใช้ดุลพินิจว่าจะดูแลกรรมการ ป.ป.ช.อย่างไร เพราะทุกคนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา รวมถึงไม่มีเครื่องมือที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเอง ทั้งนี้ ส่วนตัวคงไม่ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลเพิ่มเติม ซึ่งวันนี้มั่นใจว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนไม่เสียกำลังใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากรู้ดีว่าการทำงานในหน้าที่ดังกล่าวต้องชี้มูลคดีใหญ่ทุกคดี และประสบปัญหากันมามากแล้ว รวมถึงตนไม่คิดอะไร ถือเสมอว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะชีวิตมีเพียงเท่านี้ ซึ่งถึงคราวต้องไป ก็ต้องไป แต่หากยังไม่ถึงเวลาก็ต้องทำงานในหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบหาสาเหตุให้ได้ว่าเกิดจากอะไร
ด้าน นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ พล.ต.อ.พัชรวาท อ้างว่า การฟ้อง 8 ป.ป.ช.เสียงข้างมาก ไม่ได้ฟ้องแก้เกี้ยว แต่ฟ้องในฐานะผู้เสียหาย ส่วนกรณีการฟ้องนายวิชาเรื่องขาดคุณสมบัติด้วยนั้น เพราะนายวิชาเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ถือว่าเข้าข่ายการทำธุรกิจการค้า ไม่ใช่เพื่อการศึกษาเพียงอย่างเดียว เพราะตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.บังคับว่าไม่สามารถประกอบอาชีพอิสระได้