“กรุง ศรีวิไล” ชี้เพื่อไทยบุกทวงหนี้มีเบื้องหลัง เชื่อ “พร้อมพงศ์” รู้เห็นอมเงินโฆษณาเลือกตั้งซ่อม เหน็บอดีตพระเอกดีแต่ชอบเตะเมีย ย้อนถามใครตั้งให้เข้ามาเป็นโฆษก โวยผู้บริหารพรรคสกรีนสมาชิกพรรค ระบุ “เมธี” มาจากสายจันทร์ส่องหล้า แต่อาจวืดลงสมัคร ส.ส.เพราะภาพหมัดเด็ดบาดตา
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายนที สุทินเผือก หรือ “กรุง ศรีวิไล” ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลนำโดย นายอดิศราช ธรรมพิทักษ์ ซึ่งอ้างว่าเป็น ผอ.ศูนย์เลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทย มาทวงหนี้ที่พรรคยังค้างชำระอยู่จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันจนถึงขั้นชกต่อย ที่หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนมองเรื่องนี้ 2 มุม คือ 1.การมาทวงเงินดังกล่าวมีนัยทางการเมือง มีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะพฤติกรรมผิดปกติ ความจริงควรมาคุยกันในพรรค เอาบิลมาวางให้เห็นกันให้ชัด หากพรรคไม่ยอมจ่าย จึงค่อยมาทวงเงินในลักษณะดังกล่าว ส่วนในมุมมองที่ 2 คือ มีคนของพรรคกั๊กเงินเอาไว้ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครถือเงิน ทราบเพียงว่าคนที่ประสาน คือ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายสมพล วิชัยดิษฐ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทย น้องชายของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ทราบว่ากระบวนการจัดสรรเงินเป็นอย่างไร
“ในช่วงโค้งสุดท้ายที่ได้ไปช่วยหาเสียง แม้เพื่อน ส.ส.ด้วยกันจะบอกว่าบรรยากาศเงียบเหงามาก และมีม็อบมาประท้วงทวงเงิน แต่ผมก็ยังไปตามคำชวนของนายพร้อมพงศ์ แต่เดินทางไปคนละรอบ และได้บอกกับนายพร้อมพงศ์ ในช่วงที่มาชวนด้วยว่า กูไม่ไปกับมึง เพราะเคยโดนมึงหลอกมารอบหนึ่ง สมัยที่ชวนไปงานบวชน้องชายมึงที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งหลังจากมึงขึ้นเวทีแล้วก็หายไปเลย นี่แหละเป็นนิสัยของนายพร้อมพงศ์ ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยตั้งนายพร้อมพงศ์เป็นโฆษกพรรคได้อย่างไร เรื่องทวงเงินที่เกิดขึ้นนั้น ถ้านายพร้อมพงศ์เอาเงินไปแล้วโอนให้เขาก็จบ ซึ่งหากนายพร้อมพงศ์ปกติดีก็ไม่น่าจะเป็นเหมือนอย่างที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ พูดว่า นายพร้อมพงศ์ เคยเตะเมีย คนเป็นพระเอกหนังแล้วเตะเมีย ซ้อมเมียมีหรือ แต่ฝ่ายที่มาทวงเงินแบบนี้ก็ไม่ถูกเหมือนกัน เหมือนจัดตั้งมา” นายนทีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลในภาพลักษณ์ที่ถูกมองว่าใช้ความรุนแรงหรือไม่ นายนทีกล่าวว่า พรรคเสียหาย โดยเฉพาะที่มีการเขียนป้ายข้อความว่า “แพ้แล้วหนี หนี้ไม่จ่าย” ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเงินเพียงแค่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวรู้จักนายเมธี และสอนมากับมือ ถ้าเมื่อวาน (8 ก.ย.) ตนอยู่ด้วย ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ส่วนกรณีที่มีการมองว่าเมื่อคนวงการบันเทิงเข้ามาเล่นการเมืองแล้วอาจทำลายภาพลักษณ์ของพรรคนั้น นายนทีกล่าวว่า พรรคควรต้องสกรีนคนเข้ามา ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนพรรคเละไปหมด ใครอยู่ตำแหน่งไหน ทำอะไรไม่มีใครรู้ เช่น พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และ พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ นั้น เข้ามาทำอะไร ควรเรียกมาสกรีนกันให้หมด ใครเข้าออกพรรคจะต้องออกบัตรอนุญาตเข้าออก โดยเฉพาะระบบการรักษาความปลอดภัยที่ตอนนี้ใช้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเมธี อมรวุฒิกุล ช่วยงานอะไรในพรรค นายนทีกล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายพินิจ ทวีสุข พ่อบ้านจันทร์ส่องหล้า สนับสนุนให้พรรคส่งนายเมธีลงสมัคร ส.ส.กทม. แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คงต้องมีการทบทวนกันใหม่