“สนธิ” ลั่น นโยบายพรรคล้างอยุติธรรมการเมืองเก่า

หน.คณะทำงานยกร่างนโยบายพรรค ก.ม.ม. ประกาศลั่นความอยุติธรรมของระบบการเมืองเก่า จึงเป็นที่มาของนโยบายพรรคการเมืองใหม่ มั่นใจสังคมเป็นธรรม มีแต่ได้กับได้ ล้มระบบสมบัติผลัดกันชม ยกระดับรากหญ้าไม่มอมเมาด้วยวัตถุ


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในการสัมมนา

วันนี้ (8 ก.ย.) พรรคการเมืองใหม่ ได้มีการจัดสัมมนาสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อรับฟังการประเมินสถานการณ์โลก สถานการณ์ประเทศ จากนักวิชาการ และทุกภาคส่วน ก่อนจะนำไปเป็นแนวทางในการยกร่างนโยบายของพรรค ซึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานยกร่างนโยบายพรรคการเมืองใหม่ ได้กล่าวระหว่างบรรยายตอนหนึ่งว่า พรรคการเมืองใหม่ถือเป็นคำตอบของสังคมไทย เพราะมีนโยบายที่เป็นการประสานประโยชน์ทุกส่วนของบ้านเมืองเข้าด้วยกัน โดยที่ทุกคนจะได้กับได้ แต่เป็นการได้มากได้น้อย แล้วแต่สถานะความจำเป็นของแต่ละชนชั้น โดยยืนบนพื้นฐานของความเป็นธรรม ซึ่งจะต่างกับการเมืองเก่า ที่เป็นการรวบผลประโยชน์ไว้ให้กับคนไม่กี่กลุ่ม แม้จะเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย.หรือสิ้นยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว การเมืองหลังจากนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นักการเมืองที่เข้ามาก็ยังแบ่งผลประโยชน์ในลักษณะสมบัติผลัดกันชมเหมือนเดิม ตัวอย่าง พรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงคมนาคม โครงการก่อสร้างต่างๆ แอร์พอร์ตลิงก์ บริษัทที่ได้งานก็เป็นกลุ่มนักธุรกิจเดิมอย่างอิตัลไทย หรือซิโน-ไทย ที่ใครก็รู้ว่าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าของอยู่ ฉะนั้น มันจึงกลับไปสู่จุดเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ประชาชนจนมากขึ้น

“สมัยก่อนการโกงชาติบ้านเมืองยังเป็นลักษณะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง ว่ากินเปอร์เซ็นต์แล้วแต่สเปกโครงการ การก่อสร้างต้องตรง แต่เวลาผ่านไปความต้องการผลประโยชน์มันไม่หยุดนิ่ง เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งลดสเปกอุปกรณ์ ไปจนถึงมีการทำบันทึกท้ายสัญญาว่าหากมีการก่อสร้างเพิ่มเติมก็ให้บริษัทเจ้าเก่าได้งานไปเลย ทำให้เกือบทุกโครงการของรัฐมันหนีไม่พ้นบริษัท อิตัลไทย ซิโน-ไทย ซึ่งก็ว่ากันว่า วันนี้ที่ทั้ง 2 บริษัทนี้ยังได้งานใหญ่จากส่วนราขการ ก็เพราะมีเครือญาติของทักษิณถือหุ้นใหญ่อยู่”

นายสนธิกล่าวต่อว่า ความไม่ยุติธรรมดังกล่าวจึงเป็นที่มาของนโยบายพรรคการเมืองไทย ว่าสังคมต้องยุติธรรม สิทธิทำมาหากินของประชาชนต้องเท่าเทียมกันหมด คนมีเงินมากไม่มีสิทธิที่จะรังแกคนรายได้น้อยที่ทำมาหากิน ยกตัวอย่าง มีการประมูลก่อสร้างถนนสายใหญ่ทีไร ทำไมต้องเป็นบริษัท อิตัลไทย ได้งาน เป็นไปได้หรือไม่ถ้ามีการสร้างถนน กทม.-นครพนม เส้นทางที่ทอดไปผ่านจังหวัดใด ก็ให้บริษัทรับเหมาในจังหวัดนั้นๆ ได้งานไปทำ ถ้าทำอย่างนี้ได้ถึงจะเรียกว่ายุติธรรม และกระจายรายได้ กระจายความร่ำรวยให้ทั่วถึง

ในด้านการศึกษา นโยบายไม่ใช่เพียงให้การความรู้ แต่ต้องให้ความรู้ผิดชอบชั่วดีกับเด็ก ไม่เห็นด้วยที่เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง แต่ควรเอาครูเป็นศูนย์กลาง โดยต้องเป็นครูที่ดี และอยู่ได้โดยไม่ต้องขายแอมเวย์ หรือเป็นเจ้ามือหวย นอกจากนี้ มาตรฐานการศึกษาก็ต้องให้เด็กที่ ร.ร.ต่างจังหวัด เก่งเท่ากับเด็กที่เรียนเทพศรินทร์ กรุงเทพฯ ดังนั้น สิทธิของเด็กจึงไม่ใช่แค่ได้เรียนทุกคน แต่ต้องเรียน ร.ร.ที่ดีด้วย

สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจ เห็นว่าในส่วนของ ปตท. พรรคการเมืองใหม่เราไม่ได้ยึดคืน แต่จะใช้การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่มีเหตุผล ซึ่งในเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ อะไรที่เป็นของแผ่นดิน กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ชัดเจนว่า ต้องยืนบนหลักการว่าไม่มีวันเป็นของคนอื่น ซึ่งถ้ายึดหลักนี้แล้วการบริหารให้เดินไปได้จะเป็นเรื่องเล็กมาก

นายสนธิกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนนโยบายระดับรากหญ้า พรรคไม่ต้องการให้คนรากหญ้าถูกมอมเมาโดยวัตถุ แต่ต้องพยายามให้เขายืนด้วยตนเอง ซึ่งในระดับรากหญ้าจะมีคน 2 กลุ่ม คือ เกษตรกร และรับจ้าง ถ้าเมื่อใดเราดูแลให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น เช่น ในเรื่องของผลผลิต มีราคาดี อย่างเช่น เงินกองทุนหมู่บ้าน ส่วนหนึ่งให้มีการนำไปจัดสร้างสหกรณ์ มีคนในหมู่บ้านเป็นสมาชิก สร้างโรงสี รับซื้อข้าว มีการปันผล ซึ่งถ้าทำได้อย่างนี้ขายข้าวก็ไม่ถูกกดราคา ผลประโยชน์ทุกเม็ดก็จะถูกแบ่งสรรอย่างเป็นธรรม และเมื่อเกษตรกรอยู่ได้ คนที่เข้าไปรับจ้างอยู่ในเมือง ใน กทม.ก็จะหันกลับบ้าน ยุทธศาสตร์ของพรรค จึงเป็นการทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อตนเอง ซึ่งเมื่อทำทุกจุดได้แล้ว ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของความพอเพียง ทำให้คนไทยได้กลับเข้าสู่ธรรมชาติ สู่ความถูกต้อง ตัดการเอารัดเอาเปรียบ