“วรัญชัย” ไม่กลัวกลากกินกบาล ฉกพานดอกไม้ถวายสักการะพระราชินีหน้าพรรคให้กำลังใจ “สมชาย” เพื่อไทยไส้แห้งติดหนี้ค่าป้ายโปสเตอร์เลือกซ่อมสุราษฎร์ฯ เจ้าหน้าที่บุกทวงประจานถึงหน้าพรรค ดาราอันธพาลสมวิญญาณเสื้อแดงถ่อย รัวหมัดใส่ไม่ยั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมเอาปี๊บคลุมหัว
วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ภายหลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเสร็จสิ้นลงนั้น ปรากฏว่านายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นำพานดอกไม้มามอบให้นายสมชายเพื่อให้กำลังใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสังเกตดูพานดอกไม้ดังกล่าวพบว่า เป็นพานดอกไม้ที่พรรคเพื่อไทยนำมาวางเพื่อสักการะพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งประดับไว้อยู่หน้าที่ทำการพรรค
จากนั้นเวลา 10.40 น.กลุ่มผู้ประกอบการจัดทำสื่อหาเสียงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดยนายอดิศราช ธรรมพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งสุราษฎร์ธานี และนายรังสรรค์ มธุระเมธาวี เลขาฯศูนย์ พร้อมคณะประมาณ 10 คน ได้นำรถตู้ติดเครื่องขยายเสียงพร้อมแขวนป้ายข้อความ “แพ้แล้วหนี หนี้ไม่จ่าย” มาปราศรัยอยู่ที่หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยนายอดิศราชปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการทวงเงินที่พรรคเพื่อไทยค้างจ่ายให้กลุ่มผู้ประกอบการผลิตสื่อจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทยส่งนายสมพล วิชัยดิษฐ น้องชายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตดังกล่าวแต่พ่ายแพ้พรรคประชาธิปัตย์
ด้าน นายรังสรรค์เปิดเผยว่า การว่าจ้างจัดทำสื่อหาเสียงนั้น น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เดินทางไปติดต่อด้วยตัวเอง แต่หลังการเลือกตั้งผ่านไปตนพยายามประสานไปยัง น.ส.สุนีย์ และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย รวมถึงนายสมพลเพื่อให้ดำเนินการจ่ายเงินที่พรรคยังค้างชำระผู้ประกอบการอยู่ประมาณ 7 แสนบาท ซึ่งเป็นค่าผลิตป้ายติดรถแห่ โปสเตอร์เล็ก ใบปลิว ค่าเวทีปราศรัยใหญ่ ค่าน้ำ และค่าไฟ ซึ่งพวกตนเคยมาทวงถามถึงที่ทำการพรรคแล้วถึง 2 ครั้งแต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
นางอุไร วิชัยดิษฐ ซึ่งอ้างว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หนึ่งในผู้ที่เดินทางมาทวงเงินที่พรรคยังค้างชำระอยู่ด้วยกล่าวว่า ได้มีการสอบถามกับทางพรรคแล้ว โดยได้รับการชี้แจงว่าพรรคได้โอนเงินจำนวน 4 แสนบาทไปให้นายภิญญา ช่วยปลอด อดีต ส.ว.สุราษฎร์ธานีแล้ว ซึ่งเมื่อสอบถามไปที่นายภิญญาก็ได้รับการชี้แจงว่า ได้รับเงินมาแล้วจริงและได้จ่ายเป็นค่าป้ายต่างๆ ไปแล้ว แต่เมื่อสอบถามทางนายอดิศราชกลับได้รับการยืนยันว่าพรรคยังค้างชำระอยู่ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเงินจำนวน 4 แสนบาทดังกล่าวหายไปไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอดิศราชกำลังปราศรัยอยู่ที่หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทยนั้น ปรากฏว่า นายเมธี อมรวุฒิกุล นักแสดงและนายแบบ ซึ่งเคยขึ้นเวทีของกลุ่มคนเสื้อแดงและเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยหลายครั้งได้เดินตรงเข้าไปเพื่อกระชากไมโครโฟน โดยได้จิ้มนิ้วชี้เข้าที่หน้าอกซ้ายของนายอิศราช พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ทำแบบนี้ทำไม ใครจ้างมา ถ้ามีปัญหากับใครควรทำเป็นรายบุคคล ไม่ควรมาด่าทั้งพรรค นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ มีจุดประสงค์อะไร” นายอดิศราชจึงชี้แจงว่า ตนและพวกไม่ได้มาก่อกวน แต่เป็นเจ้าหนี้เพื่อมาทวงเงินเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นายเมธีได้กระทุ้งหมัดเข้าที่ท้องของนายอดิศราช 1 ครั้งก่อนที่จะต่อยด้วยหมัดซ้ายเข้าที่ใบหน้านายอดิศราช ทำให้นายอดิศราชร่วงลงจากบันไดไปติดกับรถปราศรัยที่นำมา แต่ปรากฏว่านายเมธีได้ตามเข้าไปปล่อยหมัดซ้ายอีก 1 หมัดแต่ไม่โดน ก่อนที่จะรัวหมัดขวาเข้าที่ท้องของนายอดิศราชอีก 3 หมัด จนนายอดิศราชถึงกับตัวงอและถอยห่างออกไป ท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดาสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ของพรรค และประชาชนในละแวกนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากนั้นนายเมธีได้เดินเข้าไปในพรรคเพื่อไทย และเข้าไปสงบสติอารมณ์ที่ศูนย์สำนักงานปราบโกงของพรรค ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของที่ทำการพรรค
จากการตรวจสอบสภาพบาดแผลของนายอดิศราชที่อยู่ในอาการตกใจนั้น พบว่ามีเลือดไหลออกจากศีรษะ ข้อมือแขนด้านซ้ายมีรอยขูดขีดจนเลือดซิบ และนาฬิกาสูญหายไป 1 เรือน โดยนายอดิศราชกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะตนช่วยเหลือพรรคมาโดยตลอด แม้ว่าเพิ่งจะเข้ามาดูแลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานีก็ตาม เพราะตนก็รักพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม จะไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเมธีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก จำนวน 4 นายมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
ขณะที่ นายพิเชษฐ สถิรชวาล รักษาการประธานคณะทำงานภาคใต้ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างเกิดเรื่องนั้นนายสมพลกำลังเดินทางเพื่อมาชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมตามที่พรรคได้นัดหมาย ในช่วงบ่ายของวันที่ 8 ก.ย. หลังจากเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาตนได้ลงไปเคลียร์ปัญหามาครั้งหนึ่งแล้วโดยใช้เงินส่วนตัวสำรองจ่ายไปก่อนจำนวน 195,000 บาท แต่ส่วนที่เหลือนายสมพลขอเวลาในการเตรียมเอกสารก่อนจะเคลียร์ค่าใช้จ่ายอีกครั้งให้เรียบร้อย เพราะหลังจากเลือกตั้งนั้นจะต้องแสดงบัญชีค่าใช้จ่ายให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ทางผู้ที่ช่วยหาเสียงคงจะใจร้อน ขณะเดียวกันก็รู้กันอยู่ว่ามีปัญหาเรื่องการเมืองในพื้นที่บ้างเล็กน้อย เพราะคนที่ลงเลือกตั้งครั้งนี้มีหลายคนที่อยากจะลงในนามพรรคเพื่อไทย
นายพิเชษฐกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ชกต่อยนั้นถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรค อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่นายพิเชษฐได้ดูเทปบันทึกภาพของช่างภาพโทรทัศน์ก็ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “นายอดิศราชเป็นเด็กของนายภิญญา ช่วยปลอด อดีต ส.ว.สุราษฎร์ธานี อย่างนี้มีเรื่องแน่ ที่จริงถ้าผมลงมาเร็วกว่านี้ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เพราะผมรู้จักกับนายอดิศราช น่าจะพูดคุยกันได้อยู่แล้ว”
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายเมธีได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนมองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่คนกลุ่มดังกล่าวนำพานดอกไม้ไปมอบให้กับนายสมชาย ก่อนที่จะเดินออกมาโวยวายอยู่ที่หน้าพรรค ซึ่งการกระทำแบบนี้ตนยอมไม่ได้ และเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ยอมไม่ได้ที่มาทำอะไรกับพานพุ่มหรือพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และยิ่งได้มาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้ยิ่งยอมไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าได้ทำร้ายร่างกายจริง ทั้งนี้ตนพยายามจะโยนไมโครโฟนที่ชายคนดังกล่าวพูดอยู่ทิ้งแต่เขาคงคิดว่าตนจะไปทำร้ายร่างกาย จึงพูดกับตนว่าจะเอาหรือ และทำท่าเหมือนจะชกตน ตนจึงฮุกซ้ายเข้าไปชายคนดังกล่าวจึงเซไปก่อนที่ตนจะเดินตามไปต่อยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนไม่ได้อธิบายใดๆ กับผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค เรื่องหนี้สินต่างๆ ตนก็ไม่รู้เรื่อง เพียงแต่ตนเห็นคนทำแบบนี้กับพานดอกไม้และพระบรมฉายาลักษณ์ต่อหน้าต่อตาไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ดังกล่าวจากสื่อมวลชนจำนวนมาก โดยบางรายถึงกับอุทานว่า “มันทำอย่างนี้มันโง่หรือมันบ้า พรรคเสียหายหมด”
สำหรับนายเมธีนั้นเคยขึ้นเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาลในเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา โดยได้ใช้ถ้อยคำหยาบคายปลุกระดมให้คนเสื้อแดงไล่ฆ่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และเหน็บแนมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นายเมธีได้ถูกหมายจับในคดีก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองร่วมกับแกนนำคนเสื้อแดง และถูกจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี