“สุรพงษ์” ตีโพยตีพาย “ปู่ชัย” มัดมือชก สั่งห้ามไม่ให้แฉข้อมูลโยกงบรายจ่ายในหน่วยงานรัฐสภา อ้างมีเอกสาร กมธ.ยัน ใหญ่คับฟ้าขู่หากไม่ดำเนินแก้ไขจะไม่เปิดประชุมสภาฯ ด้าน “ประสิทธิ์” ทำหนังสือถึง ปธ.สภา ตั้งคณะกรรมการสอบ ส.ส.แจกกล้วยกลางสภา
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่เปิดโอกาสให้ได้ชี้แจงรายละเอียดกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2553 มีการปรับเพิ่มงบประมาณ ในส่วนของหน่วยงานรัฐสภาว่า ยืนยันว่าตนมีพยานหลักฐานและเอกสารที่ชัดเจนว่า เอกสารงบประมาณนั้นมีการปรับเปลี่ยนภายใน 1 วัน และแจกให้กับส.ส.แต่ละคนในสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกรณีที่นายชัยระบุว่าเป็นข้อมูลเท็จนั้นก็ไม่เป็นความจริง ตนมีเอกสารทั้ง 2 เล่ม ซึ่งมีลักษณะรูปเล่มเหมือนกันแต่เนื้อหาเฉพาะบางช่วงบางตอนนั้นแตกต่างกัน และยังมีการนำงบประมาณแผ่นดินมาต่อรองด้วยว่า หากไม่แก้ไขจะไม่มีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการกระทำที่น่าเกลียดที่สุด มีการเปลี่ยนแปลงโยกงบประมาณทั้งๆ ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้มีการแจกแจงรายละเอียดที่ชัดเจนในส่วนที่มีการปรับเพิ่ม เพราะในปี 2552 ก็เกิดปัญหาการโยกงบประมาณตามอำเภอใจ ตนอยากให้สังคมช่วยกันพิพากษาว่า ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ
ด้าน นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ ส.ส.ใช้คำหยาบคายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ว่า ตนได้ประท้วงประธานฯ เรื่องการถ่ายทอดสดการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ซึ่งตนได้กล่าวคำเปรียบเปรยที่ไม่ใช่คำหยาบคาย แต่ได้มีการปะทะคารมกันขึ้น และปรากฏว่ามี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยได้กล่าวคำหยาบคาย 2 ครั้ง ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชอบธรรมและทำให้สภาผู้แทนราษฎรมีเกียรติมากยิ่งขึ้น ตนจึงทำหนังสือเพื่อยื่นต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการสอบสวนและเอาผิดกับผู้ที่พูดคำหยาบคายดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังว่า ส.ส.จะได้รับบทเรียนหรือไม่ นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นไล่ออกจากการเป็น ส.ส. แต่ตนอยากรู้ว่าคนที่ด่าตนนั้นคือใคร เชื่อว่าเจ้าตัวเองก็คงรู้ดี รวมทั้งสื่อมวลชนเองก็น่าจะได้ยินชัดเจนกว่าตน เพราะในวันนั้นตนหันหน้าพูดกับประธานอยู่ แต่คนที่พูดคำหยาบคายพูดมาจากด้านหลังตนจึงทำให้ตนได้ยินเป็นเหมือนเสียงแว่วๆ เท่านั้น