“โฆษกมาร์ค” แจง “นายกฯ-เทพเทือก” จูบปากแล้ว ปัดขัดแย้งตั้ง ผบ.ตร. ชี้ยังหนุน “ปทีป” นั่ง ผบ.ตร.ตามเดิม ออกตัวโต้แทนไม่ใช่รัฐบาลต่างตอบแทนที่ต้องตอบแทนบุญคุณพรรคร่วม ย้อนปัญหาเลือก ผบ.ตร.มีปัญหา เพราะนายกฯ ไม่ทำตัววันแมนโชว์เหมือน “แม้ว” ที่ทุบสั่งการจะเอาให้ได้
วันนี้ (23 ส.ค.) ที่โรงแรมวังใต้ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 10.00 น. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยนายธานี เทือกสุบรรณ ผู้สมัครของพรรค น้องชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าภาพที่ปรากฏออกมาเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ซึ่งจากการลงพื้นที่เห็นว่านายกฯ มีความสบายใจ ไม่มีแรงกดดันใดๆ ที่จะทำให้นายกฯ ต้องพะว้าพะวงหรือกังวลเรื่องอื่น โดยในระหว่างที่ลงพื้นที่ บุคคลทั้งสองได้ร่วมหารือเรื่องการแต่งตั้งว่าที่ ผบ.ตร.อย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดจะยุติในเร็ววันนี้
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่าสาเหตุที่นายกฯ ยังตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของการทวงบุญคุณและแสดงถึงการไร้ภาวะผู้นำนั้น ขอชี้แจงว่า เรื่องการทดแทนบุญคุณจะไม่มีในรัฐบาลชุดนี้เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร นอกจากเป็นหนี้บุญคุณประชาชน สำหรับการเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมต่างๆ ก็เป็นการสมัครใจที่จะเข้ามาร่วมแก้ไขวิกฤตของชาติ จึงไม่จำเป็นต้องมีการทดแทนบุญคุณซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องภาวะผู้นำนั้น นายกฯ เองก็ไม่ต้องการใช้รูปแบบการบริหารงานในลักษณะเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำตัวเป็นซีอีโอ วันแมนโชว์ ต้องการจะได้สิ่งใดก็ทุบโต๊ะให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า แต่นายอภิสิทธิ์เป็นนักประชาธิปไตยที่ต้องการฟังความเห็นของทุกฝ่าย ถ้าจะบริหารงานแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ก็คงยุติไปแล้ว เพราะคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 นายกฯ ต้องการลงคะแนนด้วยก็จะทำให้คะแนนออกมาเป็น 5 ต่อ 5 เท่ากัน และสามารถใช้สิทธิของประธานในที่ประชุมชี้ขาด ก็จะทำให้ได้ตัว ผบ.ตร.ตามที่ต้องการ และปัญหานี้ก็คงยุติไปแล้ว แต่นายกฯ เห็นว่าการทำเช่นนั้นไม่สง่างามจึงเลื่อนการประชุมคัดเลือกออกไปเพื่อให้ ก.ต.ช.กลับไปพิจารณาหาเหตุผลให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง และในนาทีนี้ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะมาเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของนายกฯที่ยืนยันจะเสนอบุคคลเดิมที่ได้เสนอไปแล้วอีกครั้ง จนกว่าจะมีเหตุผลอื่นหรือข้อมูลใหม่มาเปลี่ยนแปลงเหตุผลเดิมของนายกฯ