"นอกแฟ้มข่าว" โดย กริชเพชร
00 การเสนอชื่อ “บิกอ๊อด” พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอาวุโสอันดับ 2 ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ให้พิจารณาเพียงคนเดียว ท่ามกลางกลุ่มอำนาจใหม่ หรือแม้แต่คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีอย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ-นิพันธ์ พร้อมพันธุ์” ที่พยายามผลักดัน “บิ๊กจุ๋ม” พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เพื่อนร่วมรุ่น นรต. 10 ของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นกุมบังเหียนสีกากี ถือได้ว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้แสดงภาวะความเป็นผู้นำอย่างสูงสุดแล้วว่า “พล.ต.อ.ปทีป” คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน
00 และเพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าในฐานะผู้นำประเทศน่าได้รับเกียรติจากผู้ใต้บังคับบัญชาบ้าง แม้วัยวุฒิจะน้อยกว่าก็ตาม ความเป็นสุภาพบุรุษ ความบริสุทธิ์ใจ ยึดถือหลักการและความถูกต้อง ทำให้ “เดอะมาร์ค” ไม่ใช้วิธีเหมือนอดีตนายกฯ คนก่อนๆ ที่นิยมทำกัน คือ ทุบโต๊ะ และล็อบบี้ ก.ต.ช. แต่แล้ว “อภิสิทธิ์” กลับไม่ได้รับเกียรติจากผู้ที่คิดว่ามีเกียรติ ผลเลยออกมาอย่างที่รู้กัน ขนาด “ชวน หลีกภัย”นักการเมืองน้ำดี อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงกับออกปากยอมรับว่า “นายกฯ คงคาดไม่ถึง”
00 หากดูรายชื่อคนที่ขวางลำ “พล.ต.อ.ปทีป” ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ในการโหวตของ ก.ต.ช.จะเห็นว่าเป็นการต่อสู้กันอย่างโจ่งแจ้งของกลุ่มอำนาจใหม่ แบบ “กูไม่กลัวมึง”กับ “อภิสิทธิ์” อย่างชัดเจน หัวหอกสำคัญใน ก.ต.ช. ครั้งนี้มี “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ผบ.ตร. น้องชาย “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”รมว.กลาโหม เป็นแกนนำ ร่วมกับ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” รมว.มหาดไทย พร้อมเด็กในคาถา “วิชีย ศรีขวัญ” ปลัดฯ มหาดไทย โดยมี “เรวัติ ฉ่ำเฉลิม” อดีตอัยการสูงสุด “พล.ต.อ.สุเทพ ธรรมรักษ์” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางแผนฯ เป็นลูกคู่รวม 5 คน
00 ส่วนซีกของนายกฯ ที่หนุน “พล.ต.อ.ปทีป” แน่นอนต้องเป็น “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” รมว.ยุติธรรม “กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์” ปลัดฯ ยุติธรรม “ถวิล เปลี่ยนศรี” เลขาฯ สมช.ที่ “เดอะมาร์ค” ตั้งเองกับมือมาหมาดๆ และ “ปิยะพันธ์ นมมานเหมินท์” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านงบประมาณ เครือญาติ “ธารินทร์ นิมมานเหมินท์” รวมเป็น 4
00 ส่วน “นพดล อินนา” มือขวา “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิอีกคน ที่เป็นคนเปิดเกมคัดค้านการเสนอชื่อ “พล.ต.อ.ปทีป” เพียงคนเดียว จนมีการโหวตว่าจะรับหลักการเสนอชื่อคนเดียวเป็น ผบ.ตร.หรือไม่ เมื่อผลโหวตออกมา 5 ต่อ 4 ซึ่งหาก “นพดล” โหวตให้ฝ่ายกลุ่มอำนาจใหม่ก็จะชนะขาด แต่หากโหวตให้ฝ่ายนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็น 5 ต่อ 5 คนชี้ขาดจะเป็น “อภิสิทธิ์” ทันที นั่นก็หมายความว่า “พล.ต.อ.ปทีป” จะได้ขึ้นแท่น ผบ.ตร.คนต่อไปแน่นอน แต่ “นพดล”แทงกั๊กแบบนกรู้ จึงงดออกเสียง ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมไป แต่ “เดอะมาร์ค” ก็เสียหน้าไม่น้อย
จับตา “อภิสิทธิ์”โชว์ภาวะผู้นำอีกรอบ
00 ว่ากันตามจริง โครงสร้างของ ก.ต.ช.นั้น อำนวยประโยชน์ให้กับฝ่ายการเมืองอย่างมาก เพราะใน 11 คน มีฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำที่อยู่ในคอนโทรนของรัฐบาลรวมกันแล้วมีถึง 7 คน อีก 4 คนเป็นผู้ทรงคุณวุฒ ซึ่งปกติแถมไม่มีบทบาทอะไร แต่เพราะฝ่ายการเมืองแตกแยก กลุ่มอำนาจใหม่ต้องการคุมทั้งสีเขียว สีกากี ซึ่งมีทั้งอำนาจและผลประโยชน์ จนเสียงออกมาก่ำกึ่ง ซึ่งเชื่อว่าที่สุด “อภิสิทธิ์” ต้องแสดงภาวะผู้นำอีกครั้ง
00 โดยเฉพาะกับคนที่ต้องมีหน้าที่เป็นมือเป็นไม้ให้กับรัฐบาลอย่าง “พล.ต.อ.พัชรวาท” ที่ทำตัวกระด่างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งโดยหลักการแล้ว “ไม่น่าจะอยู่ทำงานร่วมกันได้อีก” หากนายกรัฐมนตรียังชื่อ “อภิสิทธิ์” แม้จะเกษียณในอีกเดือนกว่านี้ก็ตาม เพราะทุกเวลา ทุกนาทีย่อมมีค่าต่อประเทศชาติมากกว่าคนเพียงคนเดียว ถ้า “เดอะมาร์ค” คิดจะบริหารประเทศอย่างราบรื่น เป็นที่เคารพ และเกรงขามก็ต้องตัดสินใจเด็ดขาด
00 จับอาการจากคำพูดของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่พูดกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ขณะตบมือให้กำลังใจที่ว่า “ถ้าผมยังอยู่ต้องบริหารราชการได้ ถ้าบริหารราชการไม่ได้ก็ไม่ควรจะอยู่ แต่คิดว่ายังทำได้ โดยได้ปรึกษากับคุณชวน หลีกภัย แล้ว ขอเวลาอีก 2-3 วันน่าจะได้คำตอบ” เป็นท่าทีจัดเช่นแล้วว่าวันนี้ “เดอะมาร์ค” ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ยอมพ่ายต่ออุปสรรค แต่จะขจัด “ตอ”ที่ขัดขวางการทำงาน แม้จะต้องแตกหักกับกลุ่มอำนาจใหม่ที่ท้าทายนายกรัฐมนตรีมาตลอดก็ตาม
เชียร์ “อลงกรณ์”ลุยต่างชาติฮุบนา
00 หลังจากฝากฝีไม้ลายมือไว้กับการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จน
โด่งดัง เจ้าพ่อ เจ้าแม่ มาเฟียของปลอมต่างหวาดผวาไปตามๆ กัน ล่าสุด “เสี่ยจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ซึ่งกำกับดูแลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หันมาจับงานยักษ์ ตรวจสอบต่างชาติตัวแสบใช้นอมินีชาวไทยกว้านซื้อที่นาหวังฮุบการทำนาที่คนไทยยึดเป็นอาชีพหลักมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เพราะเล็งเห็นแล้วว่า โลกในอนาคตจะประสพปัญหาด้านอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ
00 การเข้ามากว้านซื้อที่นาของต่างชาติเป็นอันตรายอย่างยิ่งไม่เฉพาะชาวนาไทยเท่านั้น แต่หมายถึงประเทศไทยในอนาคตด้วย “อลงกรณ์” จึงได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแล จัดการอย่างจริงจัง ด้วยการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบบริษัทที่เข้าจดทะเบียนไว้ 5 แสนว่าบริษัทว่ามีบริษัทใดที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินและมีต่างชาติเข้ามาถือหุ้นมีพฤติกรรมใช้คนไทยเป็นนอมินี กว้านซื้อที่เพื่อเพื่อทำนา โดยร่วมมือกับ ดีเอสไอ , กระทรวงเกษตรฯ , สมาคมชาวนาไทย กรมที่ดิน ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่นากว่า 20 จังหวัดสำคัญๆ อย่าง สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นครสวรรค์
00 ขณะเดียวกัน ยังเตรียมร่างกฎหมายคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ไว้ให้เป็นของคนไทยต่อไป ก็หวังว่า “อลงกรณ์” รัฐมนตรีหนุ่มจากเมืองเพชร จังหวัดที่มีการทำนามากจังหวัดหนึ่งจะโชว์ผลงานเด่นให้เป็นที่เลื่องลืออีกรอบ ด้วยการจับคนไทยขายชาติ และต่างชาติจอมฮุบให้เข้าคุกฐานประกอบธุรกิจต่างด้าว ซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 1แสนถึง 1 ล้านบาท ให้เห็นเป็นตัวอย่างสักที เพื่อให้ท้องทุ่งนาทุกตารางนิ้วยังเป็นของคนไทยตลอดไป