ASTVผู้จัดการรายวัน-มาร์คล่มประชุมก.ต.ช. "พล.ต.อ.สุเทพ" อ้างข้อมูลบุคคลไม่ครบ เลื่อนประชุม ตั้งผบ.ตร ออกไปไม่มีกำหนด ร้องขอ 9 พล.ต.อ. แสดงวิสัยทัศน์ ขณะนายกฯ เครียดหนักหลังประชุม เรียกมือกฎหมายปิดห้องถก ตาม“นิพนธ์-เลขาฯครม.”กลับทำเนียบฯร่วม อาการหนักถึงขั้นยกเลิกร่วมงานวันพาณิชย์ "เทพเทือก"ปัดไม่พูด ผบ.ตร.คนใหม่
วานนี้(20 ส.ค.)การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯเพื่อพิจารณาสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางมาถึงที่ประชุมเป็นคนแรก จากนั้นในเวลา 16.10 น. นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึง ทำเนียบรัฐบาล ก่อนนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ที่มาถึงเป็นคนสุดท้าย
โดย ก.ต.ช.ได้เปิดประชุมเมื่อเวลา 16.20 น.ทั้งคณะประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ต.ช. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายวินัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นายปิยะพันธ์ นิมมานเหมินท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านงบประมาณ นายนพดล อินนา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และพล.ต.อ.สุเทพ ธรรมรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางแผน หรือการบริหารและจัดการ
ทั้งนี้มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมในฐานะเลขานุการ ก.ต.ช. พร้อมกับ พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และพล.ต.ต.จิโรจน์ ไชยชิต ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการฯเช่นเดียวกัน
**ก.ต.ช.หัก"มาร์ค"ไม่เอา"ปทีป"
ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เสร็จสิ้น เมื่อเวลา 17.30 น. โดย พล.ต.อ.สุเทพ ออกมาเปิดเผยว่า การพิจารณาต้องเลื่อนไปก่อน หลังจากมีการเสนอรายชื่อ (แคนดิเดต) ผบ.ตร. คนใหม่จำนวน 9 คน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่เสนอยังไม่เพียงพอ ยังติดในเรื่องของตัวบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า นานเท่าไร จะได้ข้อยุติ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ นายกฯ จะนัดประชุมอีกครั้ง ส่วนวันไหนนั้นตนยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า ทำไมการคัดเลือก ผบ.ตร. คนใหม่คราวนี้ถึงมีความยากลำบาก เพราะที่ผ่านมานายกฯ เสนอรายชื่อก็จะจบ มีปัญหาอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีปัญหามาก ฉะนั้นการพิจารณาแต่งตั้งต้องรอบคอบ ต้องใช้เวลามากกว่านี้ นายกฯได้เสนอชื่อมา แต่ทางคณะกรรมการ ก.ต.ช.ต้องการข้อมูลมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯได้เสนอรายชื่อ พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ. สุเทพ ปฏิเสธ การตอบคำถาม โดยกล่าวว่า นายกฯจะเป็นคนแถลงเอง เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจี้ถามอีกว่า ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรตินายกฯ ใช่หรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการวีโต้ (คัดค้าน) กลายๆ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวยืนยันว่า “ให้เกียรติ” เมื่อถามว่า นายกฯ เสนอชื่อเดียวใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ ยอมรับว่าใช่ เสนอเพียงชื่อเดียว ส่วนที่ ก.ต.ช.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยนั้น เพราะมันไม่ชัดเจน และอยากให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถท่านอื่นๆได้แสดงวิสัยทัศน์ด้วย และมีข้อมูลมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า ก.ต.ช.มีการวีโต้ (คัดค้าน) อำนาจนายกฯในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า "ไม่เชิงครับ เป็นการแสดงความเห็นของคณะกรรมการ ก.ต.ช. แต่ละท่าน ยังไม่มีการโหวต ข้อมูลไม่พอครับ"
เมื่อถามย้ำว่า การเลื่อนการพิจารณาเป็นมติจาก ก.ต.ช.และเห็นตรงกันทุกฝ่ายหรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยโบ้ยว่า ขอให้สอบถามกับนายกฯ“ผมว่ารอถามท่านนายกฯจะให้คำตอบได้ดี”เมื่อถามอีกว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีปัญหาในการแต่งตั้งหรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหา
**เรียกเลขาครม.ทีมกฎหมายหารือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ก.ต.ช.แล้ว นายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี มาพบที่ห้องทำงานนานประมาณ 15 นาที จากนั้นนายสุรชัย ได้กลับลงมา โดยปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่กล่าวเพียงสั้นๆว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ตนมาพบนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เข้าพบ ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้มี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เลิกการประชุม ในเวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีได้หารือต่อกับนายพีระพันธุ์ ต่อทันที โดยนายกฯ มีสีหน้าที่เคร่งเครียด จากนั้นนายกฯได้เรียกนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าหารือ โดยนายนิพนธ์ได้เดินทางมาถึงใน เวลา 18.00 น. โดยมีนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เลขานุการส่วนตัวนายกฯ เข้าร่วมหารือด้วย ซึ่งเป็นการปิดห้องคุยกัน พร้อมกันนี้ได้นายกฯได้เรียกให้เลขาธิการครม. กลับมาที่ตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายกฯได้ยกเลิกกำหนดการงานวันพาณิชย์ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ในเวลา 18.30 น. นอกจากนี้ ระหว่างการหารือนายพีระพันธ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปที่รถ เพื่อนำเอกสารข้อกฎหมายนำเข้าที่ประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากนำเนียบรัฐบาลไปเมื่อเวลา 19.40 น.โดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
**ก.ต.ช.รับทราบ"เพรียวพันธ์"ร้องเรียน**
ต่อมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ก.ต.ช.กล่าวว่าที่ประชุม ก.ต.ช.คณะกรรมการ ก.ต.ช.เข้าครบทั้ง 11 ท่าน โดยการประชุมเริ่มเมื่อเวลา 16.00 น. วาระแรกเป็นวาระเพื่อทราบ เรื่องการพิจารณากองทุนสืบสวนสอบสวน และเรื่องที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รองผบ.ตร. ร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการมอบหมายหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่าง อนุ ก.ตร.พิจารณา และมีเรื่องที่เกี่ยวกับ ก.ต.ช.คือเรื่องคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ซึ่ง ก.ต.ช.ก็รับทราบและยอมรับว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีคุณสมบัติและคุณวุฒิที่เหมาะสมเป็น ผบ.ตร.ได้ แต่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่เพราะเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็ถือว่าเรื่องที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ร้องมาได้ผ่านการพิจารณาของ ก.ต.ช.เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกลับมาพิจารณาอีก
"หลังจากประชุมทั้งสองเรื่องแล้วเสร็จโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที นายกรัฐมนตรีก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออก เหลือเพียงคณะกรรมการ ก.ต.ช.ทั้ง 11 ท่าน ประชุมต่อกันเองในวาระการเลือก ผบ.ตร.ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย ซึ่งผลเป็นอย่างไรตนเองก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้ร่วมอยู่ในที่ประชุมด้วย แต่ทราบภายหลังว่ายังไม่สามารถเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ได้ และนายกฯก็ยังไม่ได้แจ้งว่าจะประชุม ก.ต.ช.ครั้งต่อไปเมื่อไหร่ สำหรับการเลือก ผบ.ตร.ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.เพียงชื่อเดียว แต่ครั้งนี้ตนเองไม่ทราบจริงๆว่ามีการเสนอชื่อเข้าชิงกี่คน"รองผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อว่า สำหรับตนเองในฐานะเลขานุการ ก.ต.ช.ก็ได้เตรียมประวัตินายตำรวจยศ พล.ต.อ.ทุกท่านเป็นข้อมูลใส่แฟ้มให้กับคณะกรรมการ ก.ต.ช. ทุกคนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยส่วนตัวซึ่งมียศ พล.ต.อ. ก็ไม่ได้ไปแสดงวิสัยทัศน์ต่อนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เรียกไปพบและไม่มีหนังสือเวียนให้ส่งประวัติหรือวิสัยทัศน์แต่อย่างใด เป็นเพียงการเสนอผ่านสื่อมวลชนเท่านั้นว่านายกฯให้ไปแสดงวิสัยทัศน์ เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเรียกบุคคลที่มีความอาวุโสจะได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.เข้าพูดคุย
**"เพรียวพันธ์"ผิดหวังไม่ถูกเสนอชื่อ**
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รองผบ.ตร.กล่าวถึงการประชุมก.ต.ช.เพื่อเลือก ผบ.ตร.คนใหม่แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ว่า ตนเองก็ติดตามความเคลื่อนไหวของการประชุมอยู่ แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไม่ได้มีหนังสือหรือเรียกให้ไปแสดงวิสัยทัศน์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่นายกฯไม่ได้เสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ตนเองก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งก็รู้สึกผิดหวัง ที่ผ่านมาก็รับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์ ทำงานมาตลอดและอาวุโสสูงที่สุด ก็เรียนขอความเป็นธรรมให้ตนเองด้วย เพราะที่ผ่านมาตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่าการประชุม ก.ต.ช.ยังไม่สามารถเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ได้ท่านคิดว่าอย่างไร พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่า ก.ต.ช.มีขั้นตอนอย่างไร มีมติออกมาแบบไหน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนเองจะส่งประวัติและวิสัยทัศย์เสนอไปให้ ก.ต.ช.พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากไม่ได้นั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.จะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวต่อว่า ก็ต้องดูว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ ตนเองเป็นข้าราชการก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน
**“สุเทพ”ปัดให้ความเห็นผบ.ตร.คนใหม่**
ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดงานสัมนาการแปลงแผนแม่บทและการบริหารกระบวนการยุติธรรม ของกระทรวงยุติธรรม ถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ที่จะมีการพิจารณาเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ว่าเป็นอำนาจของ ก.ต.ช. ที่จะพิจารณาเลือกใครขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. ตนไม่ได้เป็นผู้คัดเลือกเลือกด้วย เพราะไม่ได้อยู่ใน ก.ต.ช.และไม่ทราบว่าจะมีการนำข้อเรียกร้องของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รอง ผบ.ตร.ที่มีความอาวุโสสูงสุดขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุมหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวมีนักการเมืองสนับสนุนให้คนของตัวเองเป็น ผบ.ตร. นายสุเทพ กล่าวว่า ข่าวลือมีมาก และคิดว่าไม่มีทางที่จะเป็นจริง ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าผู้ที่จะมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ต้องมีคุณสมบัติอดทน มองว่าอย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวต่อว่าตนไม่ได้มองอะไร เพราะผมไม่มีอำนาจหน้าที่ที่ต้องเลือก เพราะต้องรู้จักประมาณตนว่าอยู่แค่ไหนอย่างไร ผมก็ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นประธาน ก.ตร. กำกับดูแลการปฏิบัติงานของตำรวจทั่วไป
ส่วน ก.ต.ช. นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และผมจะไม่ทำในสิ่งที่ผมไม่มีอำนาจหน้าที่ ส่วนจะทำงานร่วมกับ ผบ.ตร.คนใหม่ได้หรือไม่นั้น ตนไม่มีปัญหา จะทำงานร่วมกับใครก็ได้ ผมเป็นคนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เมื่อ ถามว่าการแต่งตั้งข้าราชการในระดับทั่วไปและระดับสูง ควรต้องประสานกับการเมืองได้เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ครับ อย่าเอาเรื่องการเมืองไปยุ่งเกี่ยวกับข้าราชการประจำ ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนผู้บังคับบัญชาโดยเฉพาะกรณีที่ตำรวจชั้นผู้น้อย ร้องเรียนผบ.ตร.นั้น เป็นเรื่องธรรมดา มีทุกยุคทุกสมัย
เมื่อถามว่าหากมีชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว คิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็พยายามจะคลี่คลายปัญหาให้จบให้ได้ แต่ก็ทำในส่วนที่มีอำนาจหน้าที่เท่านั้น
**"วิเชียร"พร้อมทำทุกหน้าที่**
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10)เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารู้สึกเป็นเกียรติที่นายกรัฐมนตรี เคยมอบหมายให้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึง 2 ครั้ง ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้เรียกเข้าไปแสดงวิสัยทัศน์ก็ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะช่วงการรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับท่านหลายครั้ง ซึ่งท่านเองก็คงประเมินจากส่วนนั้นแล้ว คงไม่ต้องมีการประเมินอีก จึงไม่ได้เรียกตนไป อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวไม่ได้คาดหวังถึงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพร้อมทำหน้าที่ใดก็ได้ ส่วนตัวพร้อมทำหน้าที่ หากผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ทำอะไรก็ยินดีปฏิบัติ
**"ปทีป"แจ่มใส ทักทายสื่อ**
ส่วนบรรยากาศภายในสำนักงาน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) อาคาร 1 ชั้น 6 มีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงคนสนิทมาคอยให้กำลังใจ โดย พล.ต.อ.ปทีป เดินทางเข้ามาทำงานตั้งแต่เช้า และได้ออกมาทักทายผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับกล่าวว่าตนอยู่ทำงานตามปกติ คงไม่มีอะไร เพราะตอนนี้ตนเองก็ยังไม่ทราบอะไร ตอนเย็นค่อยว่ากันอีกที จากนั้นก็ขอเข้าไปทำงานต่อภายในห้องทำงาน
**"จุมพล"เดินสายแถลงข่าว**
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เวลา 10.45 น.ได้เดินทางไปทีศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ศสส.บช.ภ.1) เพื่อทำการแถลงข่าวจับกุมกัญชาอัดแท่งจำนวน 990 แท่ง น้ำหนักรวม 1,000 กิโลกรัม โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้กรูเข้าไปเพื่อจะสัมภาษณ์ พล.ต.อ.จุมพล เกี่ยวกับเรื่องการประชุม ก.ต.ช.ในวันนี้ ที่ พล.ต.อ.จุมพล เป็นหนึ่งในผู้ที่อาจจะเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ แต่เมื่อนักข่าวทุกสำนักกำลังวิ่งตาม พล.ต.อ.จุมพล ได้หลบลงไปทางบันไดด้านข้าง ซึ่งเป็นบันไดขนาดเล็กติดกับศูนย์สืบสวนภาค 1 โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวด จากนั้นได้เรียกคนขับรถพร้อมกับบอกว่าให้รีบมาเร็วๆ ก่อนจะขึ้นรถประจำตำแหน่งขับมุ่งหน้าถนนวิภาวดี ขึ้นด่วนโทลล์เวย์ที่ทางแยกเกษตร เพื่อมุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เพื่อทำการแถลงข่าวจับกุมยาบ้า 64,000 เม็ด ในเวลา 11.00 น.
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.จุมพล แถลงข่าวที่ บช.ปส.เสร็จสิ้นก็ได้หนีนักข่าวขึ้นรถประจำตำแหน่งเดินทางกลับไปทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ทำให้บรรยากาศภายในสำนักงานของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. อาคาร 1 ชั้น 5 แคนดิเดตคนสำคัญเป็นไปอย่างเงียบเหงา
มีรายงานว่าบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มข้าราชการตำรวจต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการประชุม ก.ต.ช.โดยแต่ละคนต่างคาดการณ์กันว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนที่ 7
**"ศิริโชค"แฉโจรในเครื่อแบบปลอมลายเซ็น**
นายศิริโชค โสภา สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีลายเซ็นพร้อมนามบัตรการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ว่า เรื่องนี้ตนเคยยืนยันกับสื่อมาแล้วว่าเป็นเรื่องของวิชามารโดยคนที่เรียกว่าโจรในเครื่องแบบ ข้อเท็จจริงก็ไม่มีอะไร เพราะลายเซ็นที่ปรากฏก็เป็นลายเซ็นปลอม เพราะว่าลายเซ็นที่ใช้ก็เป็นภาษาอังกฤษ เอกสารการเบิกเงิน และเอกสารทางราชการตั้งแต่ปี 2551 ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เพราะฉะนั้น ก็ชัดเจนว่าเป็นวิธีการที่จะใช้ทำลายและดิสเครดิตฝ่ายการเมือง ทั้งยังมาปล่อยในช่วงที่มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) ก็ชัดเจนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้หรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า เรื่องนี้ได้เรียนให้นายกฯ ทราบเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเราทราบดีกว่า โจรในเครื่องแบบนั้นมีวัตถุประสงค์อะไร เราก็รู้ตัวแล้ว เพียงแต่รู้ในเชิงการสอบสวน ยืนยันว่าจะเดินหน้าพยายามเปิดโฉมตำรวจคนนี้ให้ได้ เพราะได้ทำความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้เยอะ ได้มีการฉ้อโกงหลายโครงการ ซึ่งยังอยู่ในขั้นรวบรวมหลักฐาน
เมื่อถามว่า เป็นคนที่ถูกพาดพิงว่ามีการเรียกรับเงินหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า เป็นขบวนการเดียวกัน และทำกันเป็นเครือข่าย จนมีตำรวจกว่าร้อยคน เข้าร้องเรียนกับอนุกรรมาธิการตำรวจชุดร้องทุกข์ ซึ่งถือว่า เป็นการร้องเรียนที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตัวการใหญ่ถือว่าเป็นนายตำรวจใหญ่ และเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับ ผบ.ตร อย่างไรก็ตามตนในฐานะนิติบัญญัติจึงมีหน้าที่เดินหน้าตรวจสอบและยังมีหลายคดีที่ยังค้างอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องรื้อมาทำ รวมถึงการฉ้อโกงคดีต่างๆ เราก็มีหลักฐาน เพียงแต่รอวันที่จะนำหลักฐานมาดำเนินคดีกับตำรวจเหล่านี้
"ผมไม่กลัวโจรในเครื่องแบบ บ้านเมืองต้องมีคำว่านิติรัฐ เราไม่กลัวอิทธิพลของโจรในเครื่องแบบ อะไรที่ผิดต้องเดินหน้าตรวจสอบ เราก็ต้องสู้" นายศิริโชคกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายศิริโชค ได้โชว์นามบัตรส่วนตัวที่ใช้เป็นประจำ โดยมีตราสภาผู้แทนราษฎร ด้านหนึ่งเป็นภาษาไทย และอีกด้านหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากที่ทางตำรวจนำมาเปิดเผย พร้อมกันนี้ยังได้นำพาสปอร์ต และเอกสารการเบิกจ่ายเงินกับทางธนาคาร ซึ่งเป็นลายเซ็นภาษาอังกฤษ โดยนายศิริโชค ระบุว่าเป็นลายเซ็นที่ใช้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เพราะภาษาไทยตนเขียนเหมือนไก่เขี่ย ก็ขอฝากไปถึงโจรในเครื่องแบบด้วยว่า วันหลังถ้าจะปลอมเอกสาร หรือลายซ็นตนก็ขอให้ดูเอกสารเหล่านี้ด้วย
วานนี้(20 ส.ค.)การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯเพื่อพิจารณาสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางมาถึงที่ประชุมเป็นคนแรก จากนั้นในเวลา 16.10 น. นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึง ทำเนียบรัฐบาล ก่อนนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ที่มาถึงเป็นคนสุดท้าย
โดย ก.ต.ช.ได้เปิดประชุมเมื่อเวลา 16.20 น.ทั้งคณะประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ต.ช. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายวินัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นายปิยะพันธ์ นิมมานเหมินท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านงบประมาณ นายนพดล อินนา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และพล.ต.อ.สุเทพ ธรรมรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางแผน หรือการบริหารและจัดการ
ทั้งนี้มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมในฐานะเลขานุการ ก.ต.ช. พร้อมกับ พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และพล.ต.ต.จิโรจน์ ไชยชิต ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการฯเช่นเดียวกัน
**ก.ต.ช.หัก"มาร์ค"ไม่เอา"ปทีป"
ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เสร็จสิ้น เมื่อเวลา 17.30 น. โดย พล.ต.อ.สุเทพ ออกมาเปิดเผยว่า การพิจารณาต้องเลื่อนไปก่อน หลังจากมีการเสนอรายชื่อ (แคนดิเดต) ผบ.ตร. คนใหม่จำนวน 9 คน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่เสนอยังไม่เพียงพอ ยังติดในเรื่องของตัวบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า นานเท่าไร จะได้ข้อยุติ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ นายกฯ จะนัดประชุมอีกครั้ง ส่วนวันไหนนั้นตนยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า ทำไมการคัดเลือก ผบ.ตร. คนใหม่คราวนี้ถึงมีความยากลำบาก เพราะที่ผ่านมานายกฯ เสนอรายชื่อก็จะจบ มีปัญหาอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีปัญหามาก ฉะนั้นการพิจารณาแต่งตั้งต้องรอบคอบ ต้องใช้เวลามากกว่านี้ นายกฯได้เสนอชื่อมา แต่ทางคณะกรรมการ ก.ต.ช.ต้องการข้อมูลมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯได้เสนอรายชื่อ พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ. สุเทพ ปฏิเสธ การตอบคำถาม โดยกล่าวว่า นายกฯจะเป็นคนแถลงเอง เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจี้ถามอีกว่า ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรตินายกฯ ใช่หรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการวีโต้ (คัดค้าน) กลายๆ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวยืนยันว่า “ให้เกียรติ” เมื่อถามว่า นายกฯ เสนอชื่อเดียวใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ ยอมรับว่าใช่ เสนอเพียงชื่อเดียว ส่วนที่ ก.ต.ช.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยนั้น เพราะมันไม่ชัดเจน และอยากให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถท่านอื่นๆได้แสดงวิสัยทัศน์ด้วย และมีข้อมูลมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า ก.ต.ช.มีการวีโต้ (คัดค้าน) อำนาจนายกฯในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า "ไม่เชิงครับ เป็นการแสดงความเห็นของคณะกรรมการ ก.ต.ช. แต่ละท่าน ยังไม่มีการโหวต ข้อมูลไม่พอครับ"
เมื่อถามย้ำว่า การเลื่อนการพิจารณาเป็นมติจาก ก.ต.ช.และเห็นตรงกันทุกฝ่ายหรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยโบ้ยว่า ขอให้สอบถามกับนายกฯ“ผมว่ารอถามท่านนายกฯจะให้คำตอบได้ดี”เมื่อถามอีกว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีปัญหาในการแต่งตั้งหรือไม่ พล.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหา
**เรียกเลขาครม.ทีมกฎหมายหารือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ก.ต.ช.แล้ว นายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี มาพบที่ห้องทำงานนานประมาณ 15 นาที จากนั้นนายสุรชัย ได้กลับลงมา โดยปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่กล่าวเพียงสั้นๆว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ตนมาพบนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เข้าพบ ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้มี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เลิกการประชุม ในเวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีได้หารือต่อกับนายพีระพันธุ์ ต่อทันที โดยนายกฯ มีสีหน้าที่เคร่งเครียด จากนั้นนายกฯได้เรียกนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าหารือ โดยนายนิพนธ์ได้เดินทางมาถึงใน เวลา 18.00 น. โดยมีนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เลขานุการส่วนตัวนายกฯ เข้าร่วมหารือด้วย ซึ่งเป็นการปิดห้องคุยกัน พร้อมกันนี้ได้นายกฯได้เรียกให้เลขาธิการครม. กลับมาที่ตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายกฯได้ยกเลิกกำหนดการงานวันพาณิชย์ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ในเวลา 18.30 น. นอกจากนี้ ระหว่างการหารือนายพีระพันธ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปที่รถ เพื่อนำเอกสารข้อกฎหมายนำเข้าที่ประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากนำเนียบรัฐบาลไปเมื่อเวลา 19.40 น.โดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
**ก.ต.ช.รับทราบ"เพรียวพันธ์"ร้องเรียน**
ต่อมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ก.ต.ช.กล่าวว่าที่ประชุม ก.ต.ช.คณะกรรมการ ก.ต.ช.เข้าครบทั้ง 11 ท่าน โดยการประชุมเริ่มเมื่อเวลา 16.00 น. วาระแรกเป็นวาระเพื่อทราบ เรื่องการพิจารณากองทุนสืบสวนสอบสวน และเรื่องที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รองผบ.ตร. ร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการมอบหมายหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่าง อนุ ก.ตร.พิจารณา และมีเรื่องที่เกี่ยวกับ ก.ต.ช.คือเรื่องคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ซึ่ง ก.ต.ช.ก็รับทราบและยอมรับว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีคุณสมบัติและคุณวุฒิที่เหมาะสมเป็น ผบ.ตร.ได้ แต่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่เพราะเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็ถือว่าเรื่องที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ร้องมาได้ผ่านการพิจารณาของ ก.ต.ช.เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกลับมาพิจารณาอีก
"หลังจากประชุมทั้งสองเรื่องแล้วเสร็จโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที นายกรัฐมนตรีก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออก เหลือเพียงคณะกรรมการ ก.ต.ช.ทั้ง 11 ท่าน ประชุมต่อกันเองในวาระการเลือก ผบ.ตร.ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย ซึ่งผลเป็นอย่างไรตนเองก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้ร่วมอยู่ในที่ประชุมด้วย แต่ทราบภายหลังว่ายังไม่สามารถเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ได้ และนายกฯก็ยังไม่ได้แจ้งว่าจะประชุม ก.ต.ช.ครั้งต่อไปเมื่อไหร่ สำหรับการเลือก ผบ.ตร.ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.เพียงชื่อเดียว แต่ครั้งนี้ตนเองไม่ทราบจริงๆว่ามีการเสนอชื่อเข้าชิงกี่คน"รองผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อว่า สำหรับตนเองในฐานะเลขานุการ ก.ต.ช.ก็ได้เตรียมประวัตินายตำรวจยศ พล.ต.อ.ทุกท่านเป็นข้อมูลใส่แฟ้มให้กับคณะกรรมการ ก.ต.ช. ทุกคนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยส่วนตัวซึ่งมียศ พล.ต.อ. ก็ไม่ได้ไปแสดงวิสัยทัศน์ต่อนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เรียกไปพบและไม่มีหนังสือเวียนให้ส่งประวัติหรือวิสัยทัศน์แต่อย่างใด เป็นเพียงการเสนอผ่านสื่อมวลชนเท่านั้นว่านายกฯให้ไปแสดงวิสัยทัศน์ เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเรียกบุคคลที่มีความอาวุโสจะได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.เข้าพูดคุย
**"เพรียวพันธ์"ผิดหวังไม่ถูกเสนอชื่อ**
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รองผบ.ตร.กล่าวถึงการประชุมก.ต.ช.เพื่อเลือก ผบ.ตร.คนใหม่แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ว่า ตนเองก็ติดตามความเคลื่อนไหวของการประชุมอยู่ แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไม่ได้มีหนังสือหรือเรียกให้ไปแสดงวิสัยทัศน์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่นายกฯไม่ได้เสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ตนเองก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งก็รู้สึกผิดหวัง ที่ผ่านมาก็รับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์ ทำงานมาตลอดและอาวุโสสูงที่สุด ก็เรียนขอความเป็นธรรมให้ตนเองด้วย เพราะที่ผ่านมาตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่าการประชุม ก.ต.ช.ยังไม่สามารถเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ได้ท่านคิดว่าอย่างไร พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่า ก.ต.ช.มีขั้นตอนอย่างไร มีมติออกมาแบบไหน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนเองจะส่งประวัติและวิสัยทัศย์เสนอไปให้ ก.ต.ช.พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากไม่ได้นั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.จะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวต่อว่า ก็ต้องดูว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ ตนเองเป็นข้าราชการก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน
**“สุเทพ”ปัดให้ความเห็นผบ.ตร.คนใหม่**
ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดงานสัมนาการแปลงแผนแม่บทและการบริหารกระบวนการยุติธรรม ของกระทรวงยุติธรรม ถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ที่จะมีการพิจารณาเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ว่าเป็นอำนาจของ ก.ต.ช. ที่จะพิจารณาเลือกใครขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. ตนไม่ได้เป็นผู้คัดเลือกเลือกด้วย เพราะไม่ได้อยู่ใน ก.ต.ช.และไม่ทราบว่าจะมีการนำข้อเรียกร้องของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รอง ผบ.ตร.ที่มีความอาวุโสสูงสุดขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุมหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวมีนักการเมืองสนับสนุนให้คนของตัวเองเป็น ผบ.ตร. นายสุเทพ กล่าวว่า ข่าวลือมีมาก และคิดว่าไม่มีทางที่จะเป็นจริง ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าผู้ที่จะมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ต้องมีคุณสมบัติอดทน มองว่าอย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวต่อว่าตนไม่ได้มองอะไร เพราะผมไม่มีอำนาจหน้าที่ที่ต้องเลือก เพราะต้องรู้จักประมาณตนว่าอยู่แค่ไหนอย่างไร ผมก็ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นประธาน ก.ตร. กำกับดูแลการปฏิบัติงานของตำรวจทั่วไป
ส่วน ก.ต.ช. นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และผมจะไม่ทำในสิ่งที่ผมไม่มีอำนาจหน้าที่ ส่วนจะทำงานร่วมกับ ผบ.ตร.คนใหม่ได้หรือไม่นั้น ตนไม่มีปัญหา จะทำงานร่วมกับใครก็ได้ ผมเป็นคนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เมื่อ ถามว่าการแต่งตั้งข้าราชการในระดับทั่วไปและระดับสูง ควรต้องประสานกับการเมืองได้เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ครับ อย่าเอาเรื่องการเมืองไปยุ่งเกี่ยวกับข้าราชการประจำ ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนผู้บังคับบัญชาโดยเฉพาะกรณีที่ตำรวจชั้นผู้น้อย ร้องเรียนผบ.ตร.นั้น เป็นเรื่องธรรมดา มีทุกยุคทุกสมัย
เมื่อถามว่าหากมีชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว คิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็พยายามจะคลี่คลายปัญหาให้จบให้ได้ แต่ก็ทำในส่วนที่มีอำนาจหน้าที่เท่านั้น
**"วิเชียร"พร้อมทำทุกหน้าที่**
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10)เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารู้สึกเป็นเกียรติที่นายกรัฐมนตรี เคยมอบหมายให้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึง 2 ครั้ง ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้เรียกเข้าไปแสดงวิสัยทัศน์ก็ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะช่วงการรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับท่านหลายครั้ง ซึ่งท่านเองก็คงประเมินจากส่วนนั้นแล้ว คงไม่ต้องมีการประเมินอีก จึงไม่ได้เรียกตนไป อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวไม่ได้คาดหวังถึงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพร้อมทำหน้าที่ใดก็ได้ ส่วนตัวพร้อมทำหน้าที่ หากผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ทำอะไรก็ยินดีปฏิบัติ
**"ปทีป"แจ่มใส ทักทายสื่อ**
ส่วนบรรยากาศภายในสำนักงาน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) อาคาร 1 ชั้น 6 มีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงคนสนิทมาคอยให้กำลังใจ โดย พล.ต.อ.ปทีป เดินทางเข้ามาทำงานตั้งแต่เช้า และได้ออกมาทักทายผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับกล่าวว่าตนอยู่ทำงานตามปกติ คงไม่มีอะไร เพราะตอนนี้ตนเองก็ยังไม่ทราบอะไร ตอนเย็นค่อยว่ากันอีกที จากนั้นก็ขอเข้าไปทำงานต่อภายในห้องทำงาน
**"จุมพล"เดินสายแถลงข่าว**
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เวลา 10.45 น.ได้เดินทางไปทีศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ศสส.บช.ภ.1) เพื่อทำการแถลงข่าวจับกุมกัญชาอัดแท่งจำนวน 990 แท่ง น้ำหนักรวม 1,000 กิโลกรัม โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้กรูเข้าไปเพื่อจะสัมภาษณ์ พล.ต.อ.จุมพล เกี่ยวกับเรื่องการประชุม ก.ต.ช.ในวันนี้ ที่ พล.ต.อ.จุมพล เป็นหนึ่งในผู้ที่อาจจะเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ แต่เมื่อนักข่าวทุกสำนักกำลังวิ่งตาม พล.ต.อ.จุมพล ได้หลบลงไปทางบันไดด้านข้าง ซึ่งเป็นบันไดขนาดเล็กติดกับศูนย์สืบสวนภาค 1 โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวด จากนั้นได้เรียกคนขับรถพร้อมกับบอกว่าให้รีบมาเร็วๆ ก่อนจะขึ้นรถประจำตำแหน่งขับมุ่งหน้าถนนวิภาวดี ขึ้นด่วนโทลล์เวย์ที่ทางแยกเกษตร เพื่อมุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เพื่อทำการแถลงข่าวจับกุมยาบ้า 64,000 เม็ด ในเวลา 11.00 น.
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.จุมพล แถลงข่าวที่ บช.ปส.เสร็จสิ้นก็ได้หนีนักข่าวขึ้นรถประจำตำแหน่งเดินทางกลับไปทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ทำให้บรรยากาศภายในสำนักงานของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. อาคาร 1 ชั้น 5 แคนดิเดตคนสำคัญเป็นไปอย่างเงียบเหงา
มีรายงานว่าบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มข้าราชการตำรวจต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการประชุม ก.ต.ช.โดยแต่ละคนต่างคาดการณ์กันว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนที่ 7
**"ศิริโชค"แฉโจรในเครื่อแบบปลอมลายเซ็น**
นายศิริโชค โสภา สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีลายเซ็นพร้อมนามบัตรการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ว่า เรื่องนี้ตนเคยยืนยันกับสื่อมาแล้วว่าเป็นเรื่องของวิชามารโดยคนที่เรียกว่าโจรในเครื่องแบบ ข้อเท็จจริงก็ไม่มีอะไร เพราะลายเซ็นที่ปรากฏก็เป็นลายเซ็นปลอม เพราะว่าลายเซ็นที่ใช้ก็เป็นภาษาอังกฤษ เอกสารการเบิกเงิน และเอกสารทางราชการตั้งแต่ปี 2551 ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เพราะฉะนั้น ก็ชัดเจนว่าเป็นวิธีการที่จะใช้ทำลายและดิสเครดิตฝ่ายการเมือง ทั้งยังมาปล่อยในช่วงที่มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) ก็ชัดเจนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้หรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า เรื่องนี้ได้เรียนให้นายกฯ ทราบเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเราทราบดีกว่า โจรในเครื่องแบบนั้นมีวัตถุประสงค์อะไร เราก็รู้ตัวแล้ว เพียงแต่รู้ในเชิงการสอบสวน ยืนยันว่าจะเดินหน้าพยายามเปิดโฉมตำรวจคนนี้ให้ได้ เพราะได้ทำความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้เยอะ ได้มีการฉ้อโกงหลายโครงการ ซึ่งยังอยู่ในขั้นรวบรวมหลักฐาน
เมื่อถามว่า เป็นคนที่ถูกพาดพิงว่ามีการเรียกรับเงินหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า เป็นขบวนการเดียวกัน และทำกันเป็นเครือข่าย จนมีตำรวจกว่าร้อยคน เข้าร้องเรียนกับอนุกรรมาธิการตำรวจชุดร้องทุกข์ ซึ่งถือว่า เป็นการร้องเรียนที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตัวการใหญ่ถือว่าเป็นนายตำรวจใหญ่ และเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับ ผบ.ตร อย่างไรก็ตามตนในฐานะนิติบัญญัติจึงมีหน้าที่เดินหน้าตรวจสอบและยังมีหลายคดีที่ยังค้างอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องรื้อมาทำ รวมถึงการฉ้อโกงคดีต่างๆ เราก็มีหลักฐาน เพียงแต่รอวันที่จะนำหลักฐานมาดำเนินคดีกับตำรวจเหล่านี้
"ผมไม่กลัวโจรในเครื่องแบบ บ้านเมืองต้องมีคำว่านิติรัฐ เราไม่กลัวอิทธิพลของโจรในเครื่องแบบ อะไรที่ผิดต้องเดินหน้าตรวจสอบ เราก็ต้องสู้" นายศิริโชคกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายศิริโชค ได้โชว์นามบัตรส่วนตัวที่ใช้เป็นประจำ โดยมีตราสภาผู้แทนราษฎร ด้านหนึ่งเป็นภาษาไทย และอีกด้านหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากที่ทางตำรวจนำมาเปิดเผย พร้อมกันนี้ยังได้นำพาสปอร์ต และเอกสารการเบิกจ่ายเงินกับทางธนาคาร ซึ่งเป็นลายเซ็นภาษาอังกฤษ โดยนายศิริโชค ระบุว่าเป็นลายเซ็นที่ใช้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เพราะภาษาไทยตนเขียนเหมือนไก่เขี่ย ก็ขอฝากไปถึงโจรในเครื่องแบบด้วยว่า วันหลังถ้าจะปลอมเอกสาร หรือลายซ็นตนก็ขอให้ดูเอกสารเหล่านี้ด้วย