“โฆษกมาร์ค” ชี้เสื้อแดงสร้างภาพ ใช้มวลชนกดดันฎีกาเพื่อเกิดความชอบธรรม แนะพระสงฆ์ไม่ควรเอี่ยวการเมือง เตือน ตร.เลี่ยงการปะทะเพราะอาจตกเป็นเหยื่อลิ่วล้อแม้ว เชื่อไม่มีเหตุปฏิวัติ เพราะรัฐบาลไม่ทุจริตจึงไม่มีเหตุผลล้มล้างรัฐบาล
วันนี้ (16 ส.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะเคลื่อนไหวในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เพียงเพื่อต้องการสร้างภาพหวังผลทางจิตวิทยาให้มวลชนคนเสื้อแดงเห็นว่ากระบวนการสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเข้มแข็งอยู่ เพราะข้อเท็จจริงแล้วการยื่นถวายฎีกา ใช้คนหนึ่งคนก็ทำได้ คนเสื้อแดงจะมีตัวแทน 15 คนเข้ายื่นก็มีความสมเหตุสมผล แต่ไม่ควรที่จะนัดชุมนุมมวลชนจำนวนมากมาที่ท้องสนามหลวง เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวายได้ ในการเอามวลชนมาเป็นจำนวนมากก็เพียงเพื่อหวังผลที่จะสร้างความชอบธรรม ให้ฎีกาเถื่อนครั้งนี้เป็นฎีกาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น ไม่ควรใช้กฎหมู่มากสร้างความชอบธรรมต่อสิ่งที่ตัวเองทำผิดข้อกฎหมายได้
นายเพทไทกล่าวว่า และการที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามปลุกระดมเอาพระสงฆ์เข้ามายุ่งกับการถวายฎีกาครั้งนี้ ซึ่งเป็นการถวายฎีกาเพื่อหวังผลทางการเมืองโดยแท้ ซึ่งพระสงฆ์ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ทำไมต้องนำองค์กรทางศาสนามาเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย จึงไม่อยากให้ความแตกแยกลุกลาม ไปถึงความขัดแย้งในศาสนา ซึ่งถ้าเกิดความขัดแย้งและเกิดสงครามศาสนาแล้วก็จะเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายเผาบ้านเมืองเมื่อวันที่ 13 เม.ย. โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ที่มีภาพข่าวพระสงฆ์ถลกจีวรกระโดดถีบรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร่วมกับคนเสื้อแดงในครั้งนั้น เป็นภาพที่นำความเสื่อมเสียมาสู่วงการพระสงฆ์มาแล้ว จึงไม่อยากให้พระสงฆ์มายุ่งกับการเมือง ไม่อยากให้คนที่ไม่ได้ห่มผ้าเหลืองมายุ่งกับพระ ทางที่ดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์ควรออกมายับยั้งความเคลื่อนไหวของพระสงฆ์เสียก่อน เพราะการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ใช่กิจของสงฆ์ พระสงฆ์ต้องเป็นผู้สอนธรรมะให้กับประชาชน หาหนทางแห่งความดับทุกข์ มากกว่ามาสร้างเหตุให้เกิดทุกข์เสียเอง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากไปยังรักษาการ ผบ.ตร.ให้กำชับเจ้าหน้าที่ ผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความอดทน หลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะในจำนวนคนหมู่มาก ย่อมมีผู้ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งแกนนำเสื้อแดงไม่สามารถควบคุมได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะตกเป็นเครื่องมือ และเป็นเหยื่อของความรุนแรงได้ อาจจะมีการเกิดการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง และโยนความผิดให้กับรัฐบาลที่เป็นผู้รับผิดชอบความสงบเรียบร้อยได้ สิ่งที่แกนนำพึงระวังคือ ไม่ควรเคลื่อนไหวมวลชนออกจากท้องสนามหลวง และต้องรับฟังแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ควรดื้อดึงเอาแต่ใจของตัวเอง
นายเทพไทกล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติเกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า เป็นการต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นทางการเมือง และต้องการทำลายเครดิตของรัฐบาลจากผู้ไม่หวังดี และจะนำความเสียหายมาให้กับประเทศชาติ ขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในต่างประเทศได้ เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ และข่าวปล่อย ยืนยันได้ว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติเงียบหรือการใช้กำลังก็ตาม เพราะบทเรียนที่ผ่านมาจะเห็นว่า การปฏิวัติโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) 19 ก.ย. ได้เป็นบทเรียนคุ้มค่าสำหรับการเมืองไทยว่า หนทางของการปฏิวัติไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรของประเทศชาติได้ และทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ จะมีเหตุผลเกิดจากการบริหารงานของรัฐบาล ที่มีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่ในรัฐบาลนี้ได้บริหารประเทศมาเป็นเวลา 6 เดือน ย่อมพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่คนที่จะคิดปฏิวัติมากล่าวอ้างได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ เชื่อว่าภูมิต้านการปฏิวัติที่ดีที่สุดก็คือรัฐบาลสุจริต และนายกฯ ก็เป็นแบบอย่างในการบริหารประเทศให้สังคมเห็นว่า เป็นนายกฯ ที่บริหารประเทศในระบบนิติรัฐ ไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย และการทุจริตใดๆ ในสมัยที่รัฐบาลชุดนี้