ทีมโฆษกพรรค ปชป.ออกโรงรุมขย่มเพื่อไทยจับมือเสื้อแดง ทำเอิกเกริกเชิญทูตมาชี้แจงก่อนยื่นฎีกาขออถัยโทษ “นช.แม้ว” ไม่เหมาะสมเพราะเป็นเรื่องภายใน ย้ำขัดต่อหลักจารีต เฉ่งเด็กปั้น “เหลิม” ถือโอกาสส่งสัญญาณป่วนชาติ
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่รัฐสภา นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เชิญทูตกว่า 30 ประเทศมาชี้แจงปัญหาเศรษฐกิจและแนวทางการแก้ไขว่า ได้รับทราบว่าจากสื่อต่างประเทศว่าได้มีการสอบถามในเรื่องของคดีทางสิทธิมนุษยชน ทั้งคดีของนายสมชาย นีละไพจิตร และคดีที่ตากใบ โดยทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนการดำเนินการต่อผู้กระทำผิด ซึ่งในส่วนของคดีทนายสมชายนั้น ขณะนี้ทางรัฐบาลได้สอบสวนขยายผลอยู่ จึงไม่ประสงค์ที่จะให้ประเด็นทางการเมืองมาขัดขวางการสอบหาความจริง ยืนยันว่าคดีนี้ที่เรื่องนานาชาติให้ความสนใจ รัฐบาลจะหาคนผิดมาลงโทษอย่างเต็มที่
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มีการสอบถามเรื่องของการยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์อยากขอร้องพรรคเพื่อไทยเนื่องจากเป็นเรื่องภายในประเทศ และเป็นเรื่องที่สร้างความแตกแยกภายในสังคมสูง และเรื่องดังกล่าวมาจากกระบวนการที่พยายามสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระราชประเพณีในการถวายฎีกา เพื่อที่จะให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกับการขอพระราชทานอภัยโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งการหยิบยกประเด็นดังกล่าวซึ่งเป็นเรื่องภายในมาพูดกับผู้แทนมิตรประเทศนั้น ได้สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และกลายเป็นประเด็นคำถามเกี่ยวข้องกับความเป็นกลางของสถาบันสูงสุดของชาติที่ดำรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยยังยืนยันว่า ให้การสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องการถวายฎีกาและเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า ไม่ตรงกับกฎหมาย ประเพณี ข้อเท็จจริง วันนี้รัฐบาลได้ทำหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนให้รับทราบสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยต้องการขยายวง สร้างความเข้าใจผิดและบิดเบือนข้อเท็จจริงไปสู่ประชาคมนานาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ขอตำหนิว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่เอาปัญหาภายในไปพูดในลักษณะที่ก่อเกิดความสับสนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชประเพณี และสถาบันสูงสุดของชาติ อยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวนหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว และขอให้รัฐบาลมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังการขยายการสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากในประเทศไปสู่ประเทศต่างๆ
ส่วนการที่ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยซึ่งถือเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คนหนึ่ง ที่ออกมาระบุว่าจะเกิดเหตุการณ์จลาจลรากหญ้า เกิดการเปลี่ยนแปลงเทียบเท่าปี 2475 ภายใน 3 เดือนนี้ พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความห่วงใยในการใช้คำพูดลักษณะดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดถึงเหตุการณ์ 2475 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แตกต่างจากความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนี้ ที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีผลสืบเนื่องมาจกกการเปลี่ยนแปลงปี 2475 จึงไม่เหมาะสมและบังควรที่จะพูดถึงการลุกฮือของประชาชนในลักษณะเทียบเคียงกัน และยังพูดถึงการจลาจลที่จะเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน เพราะว่าครั้งสุดท้ายที่นายประชาทำนายเช่นนี้ก็นำไปสู่เหตุการณ์เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และในฐานะที่นายประชาถือเป็นแกนนำ นปช.คนหนึ่ง
จึงอยากถามว่า การที่แกนนำ นปช.ประกาศว่าการถวายฎีกาในวันที่ 17 เม.ย.นี้ จะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในวันดังกล่าว และจะไม่มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องนั้นจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ เพราะมีการออกมาบอกว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะนำไปสู่การจลาจลที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และครั้งนี้ต้องถือว่าคำดังกล่าวไม่ได้เป็นคำพยากรณ์ แต่ว่าการแสดงเจตนาเพื่อที่จะนำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว จริงอยากร้องขอทุกฝ่ายหากมีการเตรียมการดังกล่าวขอให้นึกถึงส่วนรวมและประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในอดีตมาแล้ว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนการที่ ส.ส.เพื่อไทยพาดพิงถึงการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นรักษาการ ผบ.ตร.เพื่อหวังผลจากคดีเงินบริจาคพรรค 258 ล้านนั้น ขอเรียนว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย มีวัตถุประสงค์เดียว คือ จงใจใส่ร้ายเพื่อสร้างความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล และสถาบันตำรวจ ซึ่งขณะนี้หลายเรื่องอยู่ในภาวะที่มีความสำคัญที่ต้องคลี่คลายคดีความสำคัญต่างๆ จึงไม่อยากให้พรรคเพื่อไทย หยิบยกข้อกล่าวอ้างทางการเมืองเพื่อสร้างความขัดแย้ง ทั้งนี้ ทางพรรคให้ความร่วมมือในการสอบสวนต่องค์กรอิสระมาโดยตลอด ซึ่งกรณีเงินบริจาค 258 ล้านนั้นไม่มีแม้แต่บาทเดียวที่ได้รับตามข้อกล่าวหา และการใช้เงินของกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น พรรคได้มีการระบุการใช้จ่ายทั้งหมดตามข้อกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้จะมีความชัดเจนเมื่อ กกต.ได้มีการสรุปในเร็ววันนี้