“สมชาย-พงศ์เทพ-ยงยุทธ” นำสมัครพรรคพวกพร้อมชาวบ้านตักบาตรพระสงฆ์ 199 รูป เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล “ราชินี” ด้าน “ชายอำมหิต” พ้อ “พี่เมีย” คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน หยัน 4 ล้านชื่อค้านถวายฎีกาไม่รู้ของจริงหรือเปล่า ยัน 17 ส.ค.ไม่ใช่ชนวนเหตุให้ทหารปฏิวัติ ขณะที่ “พงศ์เทพ” ชี้ค้านถวายฎีกาผิดปกติ ย้ำทุกอย่างขึ้นอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย เชื่อ “แม้ว” ไม่สบายใจถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง
วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เมื่อเวลา 06.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ได้นิมนต์พระสงฆ์ 199 รูป ทำพิธีตักบาตร เจริญพระพุทธมนต์ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมด้วยจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อสีฟ้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีการตั้งโต๊ะร่วมลงนามถวายพระพรด้วย
นายสมชายกล่าวถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า จากการสอบถาม พ.ต.ท.ทักษิณล่าสุดนั้น ความเป็นอยู่ของท่านก็สบายดี แต่ยังทุกข์ทางใจ คิดถึงบ้านอยากกลับบ้าน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อไหร่นั้นตนก็ยังไม่รู้ สำหรับกรณีที่มีประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงถึงจำนวน 4 ล้านรายชื่อแล้วและอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 6 ล้านรายชื่อนั้น นายสมชายกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวจะจริงหรือไม่นั้นตนไม่รู้ แต่ก็ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะเรื่องการยื่นถวายฎีกานั้นไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งทำ แต่เป็นการกระทำของคนทั้งประเทศ ซึ่งหากจะคัดค้านนั้นก็สามารถทำได้ แต่น่าจะเป็นเพียงแค่ความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้นไม่ใช่การแตกแยก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าในวันที่ 17 ส.ค.อาจจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดการปฏิวัติได้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยเห็นขัดแย้งได้ แต่ไม่มีเหตุอะไรที่ทหารจะเข้ามาทำการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่จำเป็นต้องมี เพราะหากเกิดขึ้นแล้วสุดท้ายก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งอยู่ดี ระบอบประชาธิปไตยจะเดินหน้าไปได้ไม่ใช่ว่าต้องแก้ไขโดยการทำการปฏิวัติ ส่วนมองว่าในวันที่ 17 ส.ค.จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า คงจะไม่มีเหตุรุนแรงอะไร คนที่เดือดร้อนอยากจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณก็มาได้ คนที่คัดค้านและไม่เห็นด้วยจะมาก็มาได้ ตามระบอบประชาธิปไตยนั้นทุกคนมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเราไม่เห็นด้วยกับคนอื่นก็สามารถบอกกับเขาได้ แต่ไม่ควรสร้างประเด็นจนนำไปสู่การสร้างความแตกแยก
ด้าน นายพงศ์เทพ กล่าวว่า การยื่นถวายฎีกานั้นเป็นเรื่องของพสกนิกรที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่การคัดค้านการยื่นถวายฎีกานั้นถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ การคัดค้านที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องผิดปกติ ทำให้เกิดความวุ่นวาย ยุ่งยาก สำหรับคนที่คัดค้านนั้นจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มบุคคลช่วยทำให้เกิดกระแส และมีความพยายามที่จะสร้างประเด็นขึ้นมาทั้งๆที่ใครใคร่ถวายฎีกานั้นถือเป็นเรื่องปกติ การพยายามสร้างประเด็นขึ้นมาจะยิ่งทำให้เกิดความไม่ปรองดอง เช่น ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณเคยมีการยื่นถวายฎีกาหลายครั้งจากคนหลายกลุ่มแต่ก็ไม่เคยมีการคัดค้านเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำนวนผู้คัดค้านการยื่นถวายฎีกา 4 ล้านรายชื่อ และสามารถเพิ่มขึ้นถึง 6 ล้านรายชื่อนั้น สามารถนำมาค้านกันได้หรือไม่ นายพงศ์เทพกล่าวว่า คนคัดค้านมีจำนวนเท่าไหร่นั้นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นคือคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะยื่นถวายฎีกาได้ ส่วนตัวเลขจะสูงหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกันเลย เป็นคนละเรื่องกัน สำหรับในฐานะอดีต รมว.ยุติธรรมมองว่าเมื่อมีการยื่นถวายฎีกาไปแล้วสามารถนำกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ นายพงศ์เทพกล่าวว่า เมื่อมีการยื่นถวายฎีกาไปแล้ว หากสำนักราชเลขาธิการติดใจหรือสงสัยข้องใจก็จะส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ให้ความเห็นตามที่มีการซักถามมา แต่นั่นไม่ใช่ที่สุด เพราะทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัย
ส่วนหากกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินขัดขวางการยื่นถวายฎีกาในวันที่ 17 ส.ค.สามารถทำได้หรือไม่ นายพงศ์เทพกล่าวว่า คนเสื้อน้ำเงินต้องเข้าใจคนที่ยื่นถวายฎีกาด้วยว่า ทุกคนจงรักภักดีและต้องการที่จะพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ดังนั้น ใครที่ขัดขวางก็เท่ากับว่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งหากคนกลุ่มนี้มีความจงรักภักดีจริงก็คงจะไม่ทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณในเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจไม่สบายใจที่กำลังถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง