xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”ย้อนรำลึกพระคุณแม่-เตือนเด็กรุ่นหลังอย่าทำให้แม่ชอกช้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ"รำลึกพระคุณแม่ เตือนลูกๆ ทำหมางเมิน ถึงเวลาไม่มีแม่ จะรู้สึก แนะเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ต้องดูแลแม่อย่างดีที่สุด ติงเด็กบางคนเห็นแม่เป็นคนใช้และที่รองรับอารมณ์ พร้อมแนะคนเป็นแม่ต้องมีธรรมนำหน้า รักลูกให้ถูกทาง ชี้ถูกชี้ผิดให้ลูกได้ ระบุผู้ใหญ่ที่ไม่ดี เพราะตอนเป็นเด็กแม่ไม่ได้สอนจริงจัง พร้อมชี้ "ธานี"ตำรวจตงฉิน ได้อิทธิพลจากแม่


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "แอน...จินดารัตน์" 

รายการ"แอน...จินดารัตน์" ดำเนินรายการโดย จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ออกอากาศทาง เอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. วันจันทร์ 10 สิงหาคม 2552 เนื่องในโอกาสใกล้วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ เพื่อเล่าเรื่องราวความผูกพันกับแม่ และความยิ่งใหญ่ของพระคุณแม่ พร้อมแนะแนวทางการเลี้ยงลูกสำหรับคุณแม่รุ่นใหม่ และตามคำถามปัญหาครอบครัวจากผู้ชมทางบ้าน

จินดารัตน์ - สวัสดีคะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการแอน จินดารัตน์ สารพัดสารพันทุกวันจันทร์กับวาไรตี้มีชีวิต วันนี้ก่อนเรียนคุณผู้ชมว่าเราจะพูดคุยกันถึงเรื่องอะไร แต่แฟนรายการหลายคนบอก แหมรู้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และส่งข้อความมาฝากเอาไว้ตั้งมากมายแล้ว แอนขออนุญาตอ่านรายนามผู้บริจาค ซึ่งบริจาคผ่านทางศูนย์ประสานงาน จ.นครราชสีมา วันนี้คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ไปเปิดที่ทำการพรรค แฟนๆ และพันธมิตรฯ ฝากเงินมาบริจาคให้ด้วย ท่านแรก กลุ่มแรก จากอาจารย์ ทั้งหมด 4 ท่าน รวมคุณฉวีวรรณ ขจัดภัย อ.พุทธภรณ์ อิสเรศรังสรรค์ อ.ชุติมา อุยตระกูล อ.สมพงษ์ สังข์ประสิทธิ์ อ.อรุณศรี เบญจศิริเลิศ และคุณฉวีวรรณ ขจัดภัย บริจาค 5,000 บาท จากคุณบงกช ช่วยพันธมิตรฯ สู้คดี 500 บาท ช่วย ASTV 500 บาท จาก อ.ประไม ทองดี ให้สู้คดี 1,000 บาท ASTV 1,000 บาท คุณนิตยา ตันติทรงพาณิชย์ มอบให้พันธมิตรฯ สู้คดี ไม่ได้บอกจำนวนมาก ขอบพระคุณคะ และมีอีกท่าน คือพันธมิตรฯ วิรมัย นาคลดา ให้พันธมิตรฯ สู้คดี 1,000 บาทและ ASTV 1,000 บาท

กราบขอบพระคุณทุกๆท่านเป็นอย่างสูงนะคะ และสำหรับคนที่ไม่ได้เอ่ยนามในวันนี้ต้องขออภัยด้วย แต่ว่าได้รับครบถ้วนแล้วนะคะ คุณสมศักดิ์ได้นำให้เรียบร้อยแล้วคะ

วันนี้ เราเริ่มต้นสัปดาห์กันด้วยสัปดาห์วันแม่แห่งชาติ คุณผู้ชมคงเห็นแล้วว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ รายการของ ASTV นั้นจะมุ่งเน้นไปเรื่องของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นแม่ของแผ่นดิน แม่ของพันธมิตรฯ แม่ยกพันธมิตรฯ หรือแม้แต่แม่ที่มีลูกเล็กๆ ใน ASTV เอง หลายรายการนำเสนอกันไปแล้ว แต่ค่ำคืนวันนี้เราจะคุยกับคุณพ่อ เป็นคุณพ่อแต่อดีตก็ต้องเคยเป็นคุณลูกมาก่อน จะคุยถึงความผูกพันกับคุณแม่ อาจจะยังไม่เคยคุยกันลึกซึ้งมาก แต่วันนี้อยากสอบถามกันให้ลึกๆ ว่า จริงๆ แล้วครอบครัวคนจีน เติบโตขึ้นมา ไม่มีใครปฏิเสธว่า ลูกจะผูกพันและใกล้ชิดกับแม่มากกว่าพ่อ เพราะส่วนใหญ่พ่อจะทำมาหากิน หาสตุ้งสตางค์มาเลี้ยงครอบครัว แต่แม่จะเป็นคนอบรม ดูแล เลี้ยงดู และปลูกฝังจิตสำนึกให้กับลูกๆ วันนี้ผู้ชายคนนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ เราจะคุยกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และช่วงท้ายรายการแอนอยากฟังความเห็นของคุณผู้ชมทางบ้านด้วย ถ้าคุณแม่ท่านไหนมีปัญหา มีความรู้สึกว่า คุณสนธิเป็นที่พึ่งได้ ให้คำแนะนำกับคุณแม่ทั้งหลายได้ เพราะวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ จะเลี้ยงลูกอย่างไรให้เติบโตขึ้นมาปลอดภัย และเป็นคนดีของสังคมได้ ปลูกจิตสำนึกให้ลูกอย่างไร เริ่มกันตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้เราจะได้พูดคุยกันนะคะ ฝากคำถามไว้ที่หมายเลข 0-2629-4433 มีหลายท่านส่งอีเมล์มาเล่าเรื่องราวให้ฟัง จะได้รับคำตอบวันนี้แล้วละค่ะ อย่าลืมนะคะโทรศัพท์เข้ามาแล้วฝากคำถามเอาไว้ เราพักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมาพบกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ค่ะ

ช่วงที่ 2

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงนี้นะคะ อย่างที่เรียนท่านผู้ชมไปแล้วว่าเราจะคุยถึงเรื่องของแม่ทั้งหลายกับคุณพ่อท่านนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีคะคุณสนธิคะ

สนธิ - คุณแอนครับ

จินดารัตน์ - พบกันอีกแล้วนะคะ เปลี่ยนประเด็นวันนี้ มีหลายคนกำลังสงสัยว่า จะคุยเรื่องวันแม่กับคุณสนธิได้อย่างไร แต่จริงๆ มีประเด็นนะคะ แอนต้องเรียนถามคุณสนธิว่า ทำไมคุณสนธิถึงคิดว่าวันนี้อยากออกมาพูดเรื่องวันแม่

สนธิ - จริงๆ แล้วผมรักแม่มาก แล้วผมเสียใจที่สุดในชีวิตวันที่แม่ตาย วันที่แม่ตายเป็นวันที่ผมพูดกับตัวเองตลอดเวลาว่า ถ้ามีโอกาสผมจะบอกให้เด็กรุ่นหลังให้รู้ว่า ระหว่างที่แม่มีชีวิตอยู่ อยู่กับแม่ให้มาก วันที่แม่ตาย หลังจากนั้นแล้วผมมองย้อนหลังชีวิตผมที่มีปฏิกิริยาต่อแม่แล้วผมเกลียดตัวผมเองมาก ผมนึกไม่ถึงว่า ผมหยาบกับแม่มาก ทำไม่ดีกับแม่มาเยอะ ไม่ใส่ใจในความเอื้ออาทร หรือความรักที่แม่ให้ กลายเป็นความรำคาญ

จินดารัตน์ - ว่าจู้จี้ขี้บ่น

สนธิ - จู้จี้ขี้บ่น จู้จี้ไม่จู้จี้ ขี้บ่นไม่ขี้บ่น แต่ว่ามาเอาใจเรามากเกินไป ผมยังจำได้เลยสมัยผมหนุ่มๆ ทำงานอยู่ ผมกลับมาที่บ้านกลับดึก คุณแม่ยังตื่นอยู่นะ นั่งรอทานข้าว กลัวว่าลูกไม่ได้ทาน

จินดารัตน์ - ดึกๆ หรอคะ

สนธิ - ดึกๆ ผมก็บอกว่า ทานมาเรียบร้อยแล้วทำไมจะต้องรอด้วย แม่พูดคำๆ หนึ่งซึ่ง พอคุณแม่เสียแล้วเราย้อนหลังไปคิดแล้วเราร้องไห้ ก็บอกว่า เผื่อจะหิว เราก็เก็บไปเถอะไม่กินแล้ว

จินดารัตน์ - หงุดหงิดซะ

สนธิ - เหนื่อย ง่วงนอน แม่ก็ลุกขึ้นมา คนแก่ๆหยิบอาหาร เดินเข้าไปในครัว บ้านครัวโบราณก็จะมีตู้ไม้ ตู้ที่เป็นมุ้งลวด เปิดออกมาก็เก็บ เงียบ วาง ค่อยๆวางทีละอัน แล้วแม่ก็ไม่ว่าอะไร แล้วแม่ก็บอกว่า เออ ไปนอนซะไป ถ้าเหนื่อยก็ไปนอน ไม่มีอารมณ์ ถ้าเป็นบางครอบครัว ถ้าผัวทำอย่างนี้กับเมียเหรอ จานปลิว อย่าไปแดกมันเลย โครม แต่แม่ก็ไม่ เหนื่อยแล้วไป เดี๋ยวแม่เก็บเอง

จินดารัตน์ - แม่คุณสนธิ อายุเท่าไหร่คะ เรียนจบกลับมาแล้วใช่ไหมคะ

สนธิ - จบกลับมาแล้ว แล้วก็มันมีหลายอย่างที่ผมอยากจะพูดวันนี้ในฐานะที่จะใกล้วันแม่ ซึ่งเป็นแม่หลวงเรา แม่แผ่นดิน ผมอยากจะบอกว่า เวลาไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะรู้สึก แต่เวลามีพ่อมีแม่กลับไม่รู้สึก กลับเหมือนกับว่าเป็นของตาย ทำอย่างไรก็ได้ แต่วันหนึ่งถ้าไม่มีแล้วจะรู้สึกจริงๆ

จินดารัตน์ - ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของแม่

สนธิ - เขาจะไม่คิดตรงนี้ ผมก็ใช้ตรงนี้สอนลูกชายผม นายปั๊บ จิตตนาถ ผมบอกเขาตลอดเวลาว่า เวลาเขามีอารมณ์กับแม่เขา จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาบอกแม่จู้จี้กับเขา ธรรมดาของแม่ลูก ถ้าแม่ไม่จู้จี้ไม่ใช่แม่ ทำไมแม่ไม่ไปจู้จี้คนข้างถนน หรือข้างบ้าน ทำไมมาจู้จี้กับเรา เพราะเขารักเรา บางทีวัยหนุ่มก็พูดออกมาแรงนิดหนึ่ง บางครั้งผมเห็นว่าแม่เขาก็มีความรู้สึก เขาก็เงียบนะ อึ้งไปเลยนะ เขาก็เก็บความรู้สึกเขา ผมก็เลยต้องสอนเขา ผมบอกว่า ให้ดูอย่างป๋า ผมเรียกตัวผมว่าป๋า ป๋าตอนที่เอเหนะอยู่ เอเหนะคือคุณย่า ภาษาไหหลำเขาเรียก เอเหนะ ตอนอาเหนะอยู่ป๋าไม่เคยใส่ใจ วันนี้ป๋าอยากกอดอาเหนะมากไม่มีอาเหนะให้กอดแล้ว เขาก็ได้คิดตอนนั้น เพราะฉะนั้นแล้วเด็กรุ่นใหม่ต้องรู้ ต้องรู้ว่า แม่จะอยู่กับเราแค่ช่วงเดียว แม่จะไปเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้

ผมเคยเผชิญความรักของแม่มาเยอะ แล้วมาเทียบกับแม่ผมแล้วทำให้ผมเข้าใจว่าความยิ่งใหญ่ของแม่มันไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบ คุณแอนไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก แม่ของผม แม่ของคุณแอน แม่ของทุกๆ คน ล้วนแต่รักพวกเราทั้งนั้น แล้วลูกต้องมาก่อน ถึงลูกจะผิดยังไงก็ตาม ลูกจะเป็นฆาตกร ลูกจะเป็นคนซึ่งทำความชั่วร้ายอะไรในสังคม แต่ในสายตาแม่ ลูกก็ยังเป็นลูกของแม่อยู่

จินดารัตน์ - ให้อภัยได้เสมอ

สนธิ - ให้อภัยได้ถึงแม้ว่า พูดอย่างมากที่สุดก็บอกว่า อย่าไปทำเขาเลย คิดถึงบาปคิดถึงกรรมเถอะ พูดได้แค่นี้ แต่ถ้าไปทำมาแล้ว ผิดมาแล้ว แม่ก็ได้แต่กล้ำกลืน อาจจะเป็นความโชคร้ายของผู้หญิงที่เกิดมาเป็นแม่ ที่จะต้องมาเป็นอย่างนี้ เพราะบางครั้งพ่อจะเข้มแข็งเด็ดขาดกว่าแม่ นี่ผมไม่ได้หมายความว่า แม่จะไม่เข้มแข็งเด็ดขาด ก็มีบ้าง ประเภทตัดขาดลูก แต่สังเกตอย่าง คนที่ตัดขาดลูกออกจากครอบครัวจะเป็นพ่อ จะไม่ใช่แม่ ผมไม่เคยเห็นแม่บอกว่า ถ้าทำอย่างนี้ ไม่ต้องเข้ามาในบ้านหลังนี้ ไม่มี มีแต่พ่อคนเดียวเท่านั้นเอง

และอีกอย่างคุณแอนสังเกตไหม แม่ทุกคนจะทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกสำหรับลูก เวลาถามคน ถามบอกว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อยไหม คุณแม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดเลย สุดยอด ไปถามอีกคนก็บอกว่าสุดยอด นี่แปลว่าอะไร แปลว่าความรักความผูกพันมันถูกถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูก ด้วยการเฝ้า เอื้ออาทร ดูแลเป็นห่วงเป็นใย

ผมยังจำได้เลย ผมเคยคิดเล่นๆ ผมบอกว่า ลูกทรพี หรือไอ้ลูกที่ไม่รู้คุณผมอยากให้ทำอย่างไรรู้ไหม นี่ผมเลียนแบบหลวงปู่พุทธอิสระ ท่านจะให้เด็กเอาหม้อข้าว หรือเอาครกผูกไว้กับเอว รัดให้แน่น แล้วไม่ต้องเอาออก เดินเหิน 2 ชั่วโมงจะตายให้ได้ ท่านก็บอกว่า แล้วเวลาแม่เองแบกเองอยู่ทั้งหมด 8 เดือน เขารู้สึกอย่างไร เปรียบเทียบให้ดู เด็กรุ่นใหม่ผมมองว่าเขามองแม่ในลักษณะที่เป็น 1.คนใช้ 2.คนที่รองรับอารมณ์เขา และ 3.คนที่คอยเอาเงินให้เขาใช้ ผมคิดว่าเขามองอย่างนี้มากกว่า แล้วสังคมมันเปลี่ยนไปเยอะ ผมเคยถาม ผมเป็นคนสนใจข้อมูล น่าสังเกตอย่าง สมัยนี้พ่อแม่หย่าร้างกันเยอะ คุณแอน

จินดารัตน์ - ความอดทนน้อยลงหรือเปล่า

สนธิ - ผมพนันกับคุณได้เลยว่า ใน 10 คู่ของการหย่าร้าง 8 คู่แม่ต้องเป็นคนเอาลูกมาอยู่ เพราะไอ้พ่อระยำมันจะทิ้ง มันจะทิ้งลูกให้แม่เลี้ยง และลูกจะต้องอยู่กับแม่ แล้วแม่ คนที่เคยรับเงินรับทองจากพ่อเพื่อมาเลี้ยงครอบครัว แล้วจู่ๆ ไอ้ผู้ชายมันทิ้งครอบครัวไป แล้วมันก็ทิ้งให้ผู้หญิงเลี้ยงลูก ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายในบ้าน แล้วชีวิตเขาเป็นแม่บ้านมาตลอดชีวิต เขาจะทำอย่างไร ขมขื่นมากคุณแอน

จินดารัตน์ - เริ่มต้นไม่ถูกเลย

สนธิ - เพศหญิงโดยเฉพาะเพศเเม่ เป็นเพศซึ่งจะต้องเทิดทูนบูชาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ และจริงๆ แล้วบางคนรักแม่มาก ผมทราบว่าครอบครัวหลายครอบครัว อย่างครอบครัวบุลกุล คุณศิริชัย บุลกุล จะรักแม่มาก แม่พูดอะไรเชื่อหมด หรือแม้กระทั่งครอบครัวของคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็จะรักแม่มาก แม่บอกให้ฝากฝัง พล.ต.อ.พัชรวาท ป๊อด ก็เลยดูแลซะดีเลย

จินดารัตน์ - หลับหูหลับตาดูแล

สนธิ - ทั้งหมดก็เพราะแม่ แม่ฝากเอาไว้ แล้วก็รักแม่ ทีนี้มาสู่ประเด็นว่า ผมอยากให้แม่สมัยนี้ศึกษาธรรมะบ้าง เพราะว่าจะได้ไม่รักลูกผิด จะได้เอาธรรมสอนลูกได้บ้าง รักลูกแบบหัวชนฝา ตรงนี้จะอันตรายมาก ไม่ใช่ความผิดเขา ถูกต้อง เขาเป็นแม่เขาต้องรัก แต่การรักมันรักที่ถูกทาง เหมือนกับคำโบราณไม่เคยผิด รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี

จินดารัตน์ - ต้องยอมเจ็บปวดบ้าง

สนธิ - ฉันใดฉันนั้นต้องยอมเจ็บปวด เพราะฉะนั้นแล้วถ้าแม่ที่ดีต้องมีธรรมนำหน้า เพราะธรรมนำหน้าเท่านั้นที่จะชี้ถูกชี้ผิดให้ลูกได้ แล้วบางครั้งถึงแม้ว่าลูกจะทำอะไรที่ชั่วร้ายมา ถ้าแม่มีธรรมนำหน้าแม่ต้องสอนลูกเป็น ต้องแยกระหว่างความรักกับความถูกต้อง จริงๆ แล้วรักที่ถูกต้อง ต้องรักและถูกต้อง ไม่ใช่หลับหูหลับตารัก เพราะฉะนั้นแล้วสังคมที่ผมอยากจะเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สังคมคุณแม่ทั้งหลาย ผมไม่ได้พูดถึงคุณแม่ที่อายุมากแล้ว ผมกำลังพูดถึงคุณแม่ที่กำลังมีลูกอยู่ ต้องพยายาม ถ้าแม่ คุณแอนแม่จะมีอิทธิพลต่อลูกมากกว่าพ่อ

จินดารัตน์ - เพราะอยู่ใกล้ชิดมากกว่า

สินธิ - เพราะว่าแม่อยู่ใกล้ชิดลูกมากที่สุด พ่อจะอยู่ใกล้ชิดน้อย เพราะฉะนั้นแล้วอิทธิพลจะมาจากแม่หมด อิทธิพลการอ่านหนังสือ อิทธิพลการดูโทรทัศน์ อิทธิพลการใช้ข้าวใช้ของ ผมเป็นคนชอบทานปลา ผมติดมาจากแม่ เพราะแม่เป็นคนจีน แม่ชอบทำปลา อะไรๆ ก็ปลา พอโตขึ้นมาก็เลยชอบปลา เผอิญแม่เป็นคนไม่ทานเนื้อ เพราะว่าแม่นับถือเจ้าแม่กวนอิน เพราะฉะนั้นที่บ้านจะไม่ทานเนื้อ เนื้อวัวไม่ทานเลย จะหมู ไก่ ปลา แต่ปลาจะเยอะที่สุด มันเลยติดมาถึงตอนนี้ อิทธิพลของแม่ คุณย่า นายปั๊บ ความที่นายปั๊บเล็กๆ เขาอยู่ใกล้คุณย่ามาก มีวันตรุษจีนเขาเห็นคุณย่าเชือดไก่

จินดารัตน์ - จะไหว้เจ้า

สนธิ - เชือดปุ๊บ ไก่ร้องกระต้ากๆ เลือดพุ่งกระฉูด แล้วเอาถ้วยมารองเลือดเพื่อทำเป็นเลือดไก่ นั่นคืออิทธิพลอันหนึ่งซึ่งทำให้นายปั๊บวันนี้ไม่กินไก่ จากเด็กมาถึงวันนี้ไม่กินไก่

จินดารัตน์ - เห็นฝังใจตั้งแต่วันนั้น

สนธิ - เห็นฝังใจที่คุณย่าเชือดคอไก่เพื่อจะทำ นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เพราะฉะนั้นการเป็นแม่คนในขณะนี้ ถ้าลูกยังเล็กอยู่ คุณแอนจำไว้อย่าง เขาถามว่า เลี้ยงลูกยังไงถึงจะดี คำตอบง่ายนิดเดียว

จินดารัตน์ - ทำยังไงคะ

สนธิ - เป็นคนดีซะตัวแม่และตัวพ่อ

จินดารัตน์ - เป็นแบบอย่าง

สนธิ - เป็นแบบอย่างเขาถึงจะดี

จินดารัตน์ - เป็นบล็อกให้ก่อน

สนธิ - เป็นบล็อกให้ก่อน บางทีผมยังจำได้เลย ตอนที่นายปั๊บยังหนุ่มๆ เขาขับรถ แม่เขานั่ง แล้วผมก็นั่ง แม่เขานั่งมีอยู่วันหนึ่งแม่เขากลับมา เขาก็บ่นให้ฟัง ฉันอยากจะเขกกะบาลมัน มันมีคนขับรถมอเตอร์ไซค์คันขับปาดหน้ามัน มันบีบแตรไล่แล้วด่ารถมอเตอร์ไซค์ ด่าแบบเสียๆ หายๆ หยาบๆ คายๆ ฉันก็บอก หยุดโว้ยไอ้ปั๊บ แกด่าทำไม นายปั๊บบอกว่า ก็มันขับมอเตอร์ไซค์ แกด่ามันได้ยินหรือเปล่า แล้วใครได้ยิน

จินดารัตน์ - มีอยู่คนเดียวที่ได้ยิน

สนธิ - เออฉันได้ยิน มันเป็นหลักธรรม แต่เขาเข้าใจที่จะพูดแบบธรรมดาสามัญแล้วทำให้เข้าใจ

จินดารัตน์ - ให้ลูกมีสติ

สนธิ - ให้ลูกมีสติ นี่เรื่องจริง บางครั้งเราไม่เคยคิด เวลาเราขับรถก็มีคนนั่ง ภรรยาเรานั่ง มีลูกเรานั่ง ขับรถปาด ให้ของลับกันลั่นรถ ปรากฏว่าคนในรถได้รับกันหมดทุกคน ข้างหน้าไม่ได้ยินไม่รับเลย ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นแล้วย้อนกลับไปจุดเดิม อะไรไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้ได้หมดคุณแอน ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ตอบคำถามไม่ได้ด้วยธรรม เพราะฉะนั้นแล้วถึงจะทันสมัยแค่ไหนต้องรู้หลักธรรม เหมือนถ้าแม่เลี้ยงลูกเป็น แม่จะต้องหมั่นสอนลูก ที่ผมอยากให้แม่สมัยใหม่สอนลูก สอนเรื่องหลักไตรลักษณ์

จินดารัตน์ - คืออะไรคะ

สนธิ - คุณยังไม่รู้เลยหลักไตรลักษณ์

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ จำไม่ได้แล้วค่ะ

สนธิ - สอนให้ลูกรู้จักว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ อนิจจังทุกขังอนัตตา สรุปจบลงด้วยคำพูดว่า มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละลูก

จินดารัตน์ - คุ้นๆ นะคะคำนี้

สนธิ - ใช่ ผมพูดอยู่เรื่อย มันก็เป็นอย่างนี้ของมัน เหมือนอย่างที่เห็นคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วันนี้คนก็มาตำหนิคุณอภิสิทธิ์ เต็มเลย ผมก็พูดคำเดียว อย่าไปพูดเลย มันก็เป็นของมันอย่างนี้ หลักอนิจจัง เราต้องเข้าใจ และสอนลูกได้ตลอดเวลา

จินดารัตน์ - คือเหมือนว่าอย่าไปคาดหวัง

สนธิ - แล้วเราต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงมีอยู่ตลอดเวลา

จินดารัตน์ - ยอมรับสภาพความเป็นจริง

สนธิ - วันนี้เรามี พรุ่งนี้เราก็อาจจะไม่มี

จินดารัตน์ - วันนี้เป็นของเรา พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ใช่ ต้องสอนคุณอภิสิทธิ์ ด้วยไหมคะ

สนธิ - วันนี้เราคุยเรื่องแม่นะ คุณอย่าก้าวร้าว อย่าเที่ยวไปหาเรื่องคุณอภิสิทธิ์ วันนี้ท่านเป็นนายแบบแล้วนะ คุณอย่าไปยุ่งกับท่านนะ ท่านถ่ายรูปกับแอ้ด คาราบาว

จินดารัตน์ - คือถ้าเป็นแม่ๆ แม่ยกพันธมิตรฯ ก็จะบอกว่าอย่างไรรู้ไหมคะคุณสนธิ เห็นภาพคุณอภิสิทธิ์ ไปถ่ายแบบแกบอก ว่างมากเหรอท่านนายกฯ

สนธิ - ต้องเข้าให้ได้ทุกระดับ ก็ต้องเห็นใจเขา กลับมาเรื่องอนิจจัง ผมมีความรู้สึกว่าหลักธรรมที่สำคัญที่สุดที่พวกเราต้องสอนลูกเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นแม่ มีคนบางคนเขาฉลาด เอารูปเขาสมัยสาวๆ ลูกดูซิ สมัยแม่สาวๆ ผอมขนาดนี้ พอแม่มีลูกขึ้นมา 2 คน 3 คน แม่ก็อ้วนอย่างนี้ ต้องสอนไง นี่คือความเที่ยงแท้ของร่างกาย เห็นคุณย่าไหม สมัยสาวๆสวยมากกว่านี้อีก วันนี้เหี่ยวไหม นี่คือความไม่แน่นอน ถ้าเราเข้าใจตรงนี้แล้วสอนลูกไปเรื่อยๆ ปลูกฝังตอกย้ำให้เข้าใจ คือหลักธรรมคุณจะตอกย้ำไปร้อยปีก็เป็นอย่างนั้นทั้งร้อยปี อีกพันปีก็เป็นอีกพันปี เพราะฉะนั้นแล้วหลักธรรมที่คุณตอกย้ำไม่มีวันผิด มันเป็นสัจธรรม แล้วมันจะค่อยๆซึมเข้าหาลูกคุณตลอดเวลา เหมือนกับพ่อแม่หลายๆคนที่เป็นแม่ที่ดี ลูกอย่าไปโกงเขานะ อะไรที่ไม่ใช่ของลูกอย่าไปเอานะ ลูกอย่าไปรับเขานะ หรือคนให้ของมาลูกอย่าไปรับนะ ลูกต้องคืนเขาไป ของแบบนี้ถ้าสอนมาตั้งแต่เด็ก พอโตเป็นผู้ใหญ่อย่างน้อยที่สุด หิริโอตัปปะในตัว สติมันพอจะมี เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรืออะไรเขาเอาเงินมายัดให้ก็ไม่รับ

จินดารัตน์ - แต่ว่าจะถามคุณสนธิ ไอ้เรื่องนี้คะ ว่าบางคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมก็เปลี่ยนสีแล้ว แต่ทำไมไม่จดจำคำสอนของแม่ที่แม่เคยสอน

สนธิ - อาจจะเป็นเพราะว่าแม่ไม่ได้สอนจริงจัง แม่ให้ความรัก ผมจะเล่าเรื่องแม่ตำรวจคนหนึ่งให้ฟัง บังเอิญผมไปรู้มา แม่ของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ คุณแม่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นคนทำงานหนักมาตลอด มีไร่เต็มไปหมดเลย ที่ จ.ชลบุรี คุณธานี เป็นคนภาคตะวันออก คุณธานี รู้จักหมด ทั้งคุณประโยชน์ เนื่องจำนง เฮียซุ้ย คุณณรงค์ สิงโตทอง พวกนี้เขารู้จักหมด คุณธานีสมัยที่เป็นตำรวจ แม่สอนแม่สั่ง บอกให้ทำงานให้กับประชาชนอย่างซื่อสัตย์ อย่าไปรีดไถ ถ้าไม่มีเดี๋ยวแม่เอามาให้ ตอนเขาเป็นสารวัตรใหญ่ แม่เขาวันดีคืนดีจะนั่งรถเมล์มาจากเมืองชลฯ พอลงจากรถก็เดินไปที่แฟลตตำรวจที่เขาพักกับภรรยา และลูก หยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลห่อแบงก์สิบ แบงก์ยี่สิบส่งให้ลูกชายทุกเดือน เพื่อให้ลูกชายใช้ เพราะเงินเดือนตำรวจไม่พอใช้ พอลูกไปเป็นสารวัตรใหญ่ สน.พระโขนง รถสายตรวจไม่มี ก็ถามแม่ว่า แม่มีรถปิกอัพเก่าๆ คันหนึ่งไหม เอามาใช้งานที่โรงพัก แม่ก็น่ารัก ไปซื้อปิกอัพใหม่คันหนึ่งเลยนะ มากับพี่ชายคุณธานี ขับรถจากเมืองชลฯ เลยนะ มามอบให้โรงพักพระโขนง เพื่อให้ใช้ในงานตำรวจ คุณแอน แล้วแม่ก็นั่งรถเมล์กลับบ้าน

คุณธานี เริ่มจะดีตอนที่แม่ขายที่ดินไป 3,000 กว่าไร่ที่แถวปลวกแดง แล้วขายที่ดินที่เขาเขียว ให้เขาทำสนามกอล์ฟอีกพันกว่าไร่ ก็เลยเริ่มมีเงินมีทอง ก็แบ่งสมบัติให้ทุกคน ตอนคุณธานีจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เขาถามครอบครัวเขานะ ว่าควรจะเป็นไหม แต่ถ้าเป็นต้องเสียอีกประมาณ 4 - 5 ล้านบาท คนที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเขามีแต่จะได้เงินแต่คุณธานีจะเป็นต้องเสีย เพราะอะไร เพราะแกไม่รีดไถใคร แกไม่รับเงินใคร แต่ว่าต้องเสีย 4-5 ล้านเพราะอะไร เพราะค่าใช้จ่าย เฉพาะหน้าห้องที่นั่งอยู่แกต้องเลี้ยงข้าวลูกน้องตอนเที่ยง ลูกน้องเดือดร้อนมาขอยืมเงินต้องมีให้ บอกถ้าไม่ยอมเสีย 4-5 ล้าน ไม่เป็นดีกว่า เพราะแกรับไม่ได้ต้องไปรับเงินคน ปรากฏว่าสมบัติแบ่งให้เรียบร้อยแล้ว คุณย่าแบ่งสมบัติให้หลานสาว คือลูกสาวคุณธานี คุณธานีบอก แกไม่มีสิทธิ์รับเงินก้อนนี้ ลูกสาวพูดว่า ถ้าคุณย่ามีชีวิตอยู่คุณย่าจะให้พ่อเป็น แสดงว่าลูกยอมจะเอาเงินก้อนที่ลูกได้มาให้ เพราะฉะนั้นแล้ว แม่คุณธานีถึงมีอิทธิพลกับคุณธานี ทำให้คุณธานีเป็นตำรวจที่สะอาดที่สุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่รับเงินใครแล้วก็ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น ผมถึงเสียดายคนดีมักจะไม่ได้ตำแหน่งที่สำคัญ มีแต่คนชั่วจะได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นคุณธานี พอท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ มอบหมายคุณธานีทำคดีผม ผมสบายใจ ผมเลยบอกกับตัวผมว่า จับได้ไม่ได้ผมไม่สนใจ ผมบอกคุณธานี บอก ท่านรองฯ ท่านทำงานตามสบายไม่ต้องกังวลว่าผมจะกดดันอะไรทั้งสิ้น ท่านจับได้ก็จับได้จับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผมต้องอโหสิกรรมให้ก็แล้วกันสิ้นเรื่องสิ้นราว เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ทุกวันนี้ที่คุณธานีเป็นอย่างนี้เป็นเพราะแม่

จินดารัตน์ - ปลูกฝัง

สนธิ - ปลูกฝัง ผมเป็นอย่างนี้เพราะแม่และพ่อ

จินดารัตน์ - คุณสนธิได้อะไรมาจากคุณแม่ ได้อะไรมาจากคุณพ่อบ้าง

สนธิ - แม่ที่ให้ผมคือ ความเพียร แม่ผมเป็นผู้หญิงที่ก็เหมือนแม่ทุกๆ คน สุดยอด

จินดารัตน์ - อดทนก็ที่ 1

สนธิ - อดทนก็ที่ 1 คุณแม่ สมัยอยู่เกาะไหหลำ เป็นคนที่ ถ้าเป็นชนชั้นศักดินาก็คงจะใช่ เพราะครอบครัวคุณแม่ ต้นตระกูลคุณแม่ปักหลักอยู่ที่ อ.เหวินชัง เป็นอำเภอที่เกิดของ มาดามซุน ยัตเซ็น เมีย ดร.ซุน ยัตเซ็น แล้วมาดามซ่ง เหว่ยหลิง คือเมียจอมพลเจียง ไคเช็ก เพราะฉะนั้นแล้ว อ.เหวินชัง จะเป็นผู้หญิงที่มีชื่อ

จินดารัตน์ - ผู้หญิงเก่งแกร่ง

สนธิ - คุณแม่มาจากอำเภอนั้น มีเงิน เรียนหนังสือสูง แล้วก็ตามคุณยาย คุณตา มาทำงานที่ประเทศไทย เปิดร้านขายนาฬิกา ที่ผมเล่าให้ฟัง ร้านซีฮวด ขายนาฬิกาโอเมก้า เป็นเอเย่นต์โอเมก้า รวย รวยมหาศาล คุณตามีเมียใหม่ ซึ่งเป็นคนที่นี่แล้วมีลูกใหม่ เลยใช้นามสกุลเมฆวัฒนา ลูกใช้นามสกุลเมฆวัฒนา คุณตาแซ่ฮุน พอคุณตามีเงินก็เลยเรียกเมียเมืองจีนมา คุณแม่ก็มากับคุณยาย มาอยู่ที่นี่ คุณยายเป็นอาซิ้มแก่ๆ คนหนึ่ง ในขณะซึ่งเมียคนไทยสวยพริ้ง เพราะฉะนั้นอาซิ้มแก่ๆ เลยโดนทิ้ง เงียบเหงาอยู่บ้านแถวๆ สุขุมวิท ทุกวันนี้เป็นอาบอบนวด ซึ่งหมดไปแล้ว กลายเป็นที่ทำการของธนาคารกสิกรไทย สุขุมวิทซอย 13 ปากซอย 13 นั่นละบ้านคุณยาย ผมเคยอยู่พักหนึ่ง ไปอีกท่าไหนไม่รู้คุณแม่มาเจอคุณพ่อ

จินดารัตน์ - ได้เรียนหนังสือไหมคะ

สนธิ - คุณแม่ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว เพราะคุณแม่พูดภาษาไทยไม่ได้ มาเจอคุณพ่อ คุณพ่อมีข้อเสียคือว่า คุณปู่เป็นคนจีนมาจากเกาะไหหลำ แต่คุณย่าเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นคุณพ่อเลยเป็นลูกครึ่งไทย-จีน สมัยก่อนคนจีนไม่ชอบ

จินดารัตน์ - ถ้าจีนต้องจีน 100 เปอร์เซ็นต์

สนธิ - จีนต้องจีน 100 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าแต่งงานต้องแต่งกับคนจีน ทีนี้คุณพ่อเป็นลูกครึ่งไทย-จีน เมื่อไทย-จีนแล้วคุณตาไม่ชอบ แต่คุณแม่ความที่รักคุณพ่อเลยไปแต่ง เลยเป็นสมรสหมู่ คนซึ่งเป็นประธานสมรสหมู่ คือ คุณอุเทน เตชะไพบูลย์ ด้วยเหตุนี้คุณตาเลยตัดขาดแม่ไปเลย บอกไม่ให้เข้าบ้าน คุณแม่เลยมาอยู่กับคุณพ่อ อยู่กับคุณพ่อจากลูกคุณหนู ต้องทำงานทุกอย่าง คุณพ่อทำไม้ ค้าไม้ เป็นพ่อค้าไม้ เป็นพ่อเลี้ยงอยู่ทางเหนือ สุโขทัย ตัดไม้ คุณพ่อไปผูกธุรกิจตัวเองกับผลประโยชน์ทางการเมือง ก็คือได้สัมปทานไม้ แล้วไปถือหางเข้าข้าง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ พอคุณเผ่าจอมพลสฤษดิ์ปฏิวัติ คุณพ่อเลยล้มละลายใน 24 ชั่วโมง ล้มละลายไม่มีอะไรเหลือเลยนะ เพราะสมัยเด็กๆ คุณพ่อมีเงินมาก ขับรถพรีมัส สมัยก่อนมีรถอเมริกัน ยังจำได้ ผมเรียนอยู่อัสสัมชัญ ศรีราชา พอล้มละลาย

จินดารัตน์ - ตอนนั้นคุณสนธิ อายุเท่าไหร่คะ

สนธิ - ไม่กี่ขวบ 8, 9 ขวบ ล้มละลาย ผมจำได้ปี 2500 52 ปีที่แล้ว คุณแอน จากคนที่เคยมี ตื่นมาตอนเช้าไม่มีอะไรเหลือแม้แต่นิดเดียว คุณแม่เอาอะไรกินละ คุณแม่ต้องหันมาหัดชงกาแฟ จากเดิมก็ดูแล มีเงินมีทองเยอะ ไปซื้อหม้อต้มกาแฟมา ฮึดสู้ ต้มน้ำชงกาแฟ ขายกาแฟ ซื้อกะปิ น้ำปลา ข้าว วางในร้าน เป็นทั้งขายโชห่วยหน้าปากซอย มีกาแฟขาย มีปาท่องโก๋ขาย คุณแม่ทำเองหมดเลย ตื่นตี 4 มาต้มน้ำ เหนื่อยก็เหนื่อย ตื่นมาง่วงนอนก็มาพัดวีต้มน้ำ พอตี 5 เปิดร้าน เปิดร้านเสร็จ น้องสาวตื่นมาก็ต้องให้น้องไปโรงเรียน น้องเรียนพระหฤทัยคอนแวน น้องชายก็เรียนอัสสัมชัญกรุงเทพ ผมอยู่อัสสัมฯ ศรีราชา

คุณแม่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โดนตำรวจรีดไถ โดนข้าราชการรังแก ข่มเหง โดนอันธพาลเข้ามากินกาแฟ กินเหล้า ไม่จ่ายเงิน มิหนำซ้ำยังเป็นธนาคารคนยากให้กับคนในซอย ที่ผมเคยพูดไง จำได้ไหม เจ๊ๆๆ ข้าวถุงหนึ่ง ลงบัญชีไว้ก่อน ลงอยู่นั้นแหละ 2 เดือนก็ไม่จ่าย เอานะ ลูกไม่มีข้าวกิน เดือนนี้ลื้อต้องมาจ่ายนะ ทำนองนี้

คุณแม่อดทนมาก อดทนจนกระทั่งส่งผมเรียนจบ ผมเรียนจบอัสสัมชัญศรีราชาแล้ว ผมยังจำได้ นี่ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้นะ ผมเล่าแล้วน้ำตาจะไหล ผมไปเรียนต่อไต้หวัน 1 ปี คุณพ่อความที่บอกว่า เรามีเชื้อจีน เราต้องดูภาษาจีน เลยส่งไปไต้หวัน เรียนปีหนึ่งเรียนไม่ไหว ผมไม่รู้ภาษาจีนไง ไม่รู้เลย ไปเรียนภาษาจีน เปอ เพอ เมอ เฟอ ตั้งแต่ A B C ใหม่เลย แล้วก็ไปใช้ชีวิตที่ไต้หวัน ไปแทงสนุ้ก ไปจีบสาว จนกระทั่งอยู่ปีหนึ่งแล้วสอบตกทุกวิชายกเว้นภาษาอังกฤษ ได้ A ก็เลยบอกพ่อว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยสมัครไป ไปเข้ามหาวิทยาลัยที่อเมริกาได้ ก็กลับมาที่บ้าน แม่ก็ขายกาแฟเนี่ยแหละ เงินทองก็พอมีพอกิน ส่งลูกเรียน น้องชายเรียนอัสสัมชัญ น้องสาวเรียนที่พระหฤทัยคอนแวน น้องสาวอีกคนก็เรียนพระหฤทัยคอนแวน อีกคนอยู่สตรีวิทยา ปรากฏว่า แม่ก็ไปขวนขวายหาเงินมา ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ บินไปฮ่องกง จากฮ่องกงต่อไปอเมริกา แล้วก็ให้เงินติดตัวไปพันเหรียญ พันเหรียญสมัยก่อนเยอะนะ 25,000 บาท

ทีนี้ผมก็ไปเรียนหนังสือ ทำงานด้วยเรียนด้วย แม่มีช่วงหนึ่ง ผมไปเล่นรักบี้ แล้วก็ปวดหลังล้มตึง เดี้ยงเลยเข้าโรงพยาบาล ไม่มีเงิน โทรศัพท์ไปหาแม่ พอดีตอนนั้นคุณตาตาย คุณตาซึ่งรวยมากตาย แล้วไม่ได้ทำมรดกไว้ให้ใคร คุณแม่ก็มีส่วนที่จะได้ พี่น้องคุณแม่ก็กีดกันคุณแม่ แต่ความที่ผมบอกคุณแม่ว่า ผมไม่สบาย คุณแม่ต้องเอาเงินส่งไปให้ผม คุณแม่บากหน้าไปหาพี่น้อง กับพวกน้อง น้องแท้ๆเลย ทั้งน้องชาย น้องสาว เขาได้มรกดแบ่งกันเรียบร้อย คุณแม่ไปขอส่วนคุณแม่ ก็ไม่ให้ คุณแม่บอกว่าไม่ต้องให้เขาหรอกทั้งหมด เขาขอมาก้อนหนึ่งเพื่อที่จะส่งมาให้ผมรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็ไม่ให้อีก คุณแม่ไปพูดอีท่าไหนก็ไม่รู้ เขารำคาญคุณแม่ เขาผลักคุณแม่ล้ม น้องชายแล้วเตะคุณแม่ ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ ผมมารู้เมื่อผมเรียนจบแล้ว แล้วพ่อเล่าให้ฟัง ว่าเงินที่แม่ส่งไปให้แม่ต้องโดนตีนน้องชาย แล้วน้องสาวของแม่ก็เข้าร่วมกับน้องชาย เพียงเพราะไม่ต้องการให้แม่ได้เงินมรดกของตา แต่แม่ไม่อยากได้ แต่เห็นแก่ลูกที่กำลังนอนอยู่โรงพยาบาล

คุณแอน ผมร้องไห้โฮเลย ผมถึงบอกไงว่า แม่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยเรื่องพวกนี้ ไม่เคยเลยแม้แตนิดเดียว แล้วไอ้คนที่ผลักแม่ผม ไอ้น้องชายคนโต ชื่อ เอนก มันเป็นพ่อใครรู้ไหม เทียรี่ เมฆวัฒนา เพราะว่าเอนก เขาไปมีเมียเป็นชาวสวิส เพราะนาฬิกาโอเมกา เป็นของคนสวิส เขาส่งไปเรียนซ่อมนาฬิมา ก็ได้เมียสวิสมา ระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็มีลูก คือ เทียรี่ แล้วตอนหลังเอนกเขาไปมีเมียน้อย ก็มาทำร้ายเมียชาวสวิส ก็ใครละเป็นคนที่เข้าไปช่วยเมีย แม่เทียรี่ ก็คือแม่ผม มีบุญคุณกับตระกูลนี้มาตลอด แต่ผมขี้เกียจพูด

จริงๆ เทียรี่ เขามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องผมนะ แต่ผมไม่เคยเจอเขา ผมก็ไม่เคยเล่าให้เขาฟังเรื่องพวกนี้ เพราะผมสาปส่งไปเลย เหมือนกับว่าแม่ผมกับน้องชาย มีศักดิ์เป็นน้าชาย กับน้าสาว เราอยู่กันคนละโลก เขาถึงบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่เผาผีกันเพราะแบบนี้นะ นี่คือที่มาของการไม่เผาผี เพราะฉะนั้นแล้วคุณแอน บางครั้งแม่ทำอะไรให้เราขมขื่นใจ เจ็บปวด บางครั้งเจ็บเนื้อเจ็บตัวเพื่อเรา เราไม่มีวันรู้ เพราะแม่จะไม่เล่าให้เราฟัง คุณแอน ถ้าเวลาแม่ไม่สบาย สิ่งแรกที่แม่จะพูดกับลูก คือบอก ไม่ต้องห่วง แม่ไม่เป็นอะไร แม่ผมเป็นมะเร็งที่ถุงน้ำดี ปวดมาตั้งนานไม่ยอมไปหาหมอ เพราะไม่อยากให้ลูกเดือดร้อน ไม่อยากให้ลูกเสียเงิน นี่คือคนโบราณ ความรักของแม่ คุณเอาอะไรมาเทียบละ สุดยอดเลย ไม่มีใครเทียบอะไรได้เเล้ว นี่คือสุดยอดของความรัก เพราะฉะนั้นแล้วลูกทุกคนที่มีแม่ขอให้รู้ว่า แม่บางคนผมฟังแล้วน้ำตาคลอ ผมนึกถึงแม่ผม บางคนเขาเดือดร้อน เขามาขอผม บอกว่าเอาเงินไปรักษาแม่ ผมบอกว่าทำไม แม่รู้ว่าผมไม่มีเงิน เลยไม่ยอมไปหาหมอ แม่ไม่ต้องการให้ลูกลำบาก ไม่ต้องไปยืมเงินใคร ผมก็เลยต้องควักให้ฟรีๆไปเลย เพื่อไปผ่าตัด บอกแม่ปวดท้องมาตลอดเลย เป็นมะเร็งลำไส้ แม่บอกแม่ทนได้ ไปเช็กแล้วหมอบอกต้องใช้เงิน 4-5 หมื่นบาท แม่ไม่มีเงินแล้วแม่ไม่อยากให้ลูกไปขอยืมเงินใคร เห็นไหมคุณแอนความรักของแม่ อธิบายยังไง พวกลูกอัปรีย์ พวกลูกจัญไรที่ไม่เคยรักแม่ หรือไม่เคยให้ความเคารพ หรือไม่เคยรู้ว่าแม่รักขนาดไหน ขอให้รู้สักหน่อย วันนี้มีแม่ให้รักต้องรักให้หมด รักสุดหัวใจ แม่ทำกับข้าวให้กินยังไงก็ตามต้องกิน ให้อิ่มให้ตายห่าก็ต้องกิน เพราะแม่อุตส่าห์ทำให้แล้วกินเข้าไปเถอะ ของพวกนี้เล็กๆ น้อยๆ ผมอยากให้ลูกๆ ทั้งหลายรู้สึกบ้าง ลูกๆ ทั้งหลาย

คุณแอนคุณมีลูก 2 คน คุณไม่สังเกตหรอเวลาคุณแม่ปัญหาอะไร คนแรกที่เข้าหาคุณคือแม่ แม่จะเข้ามาหาก่อนเลย เป็นอะไรลูก เหมือนนายปั๊บ นายจิตตนาถ หลานรักของคุณย่า คุณย่าเขาจะโอ๋จะรักของเขา ว่าก็ไม่ได้ตีก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัด แม่ไม่ใช่รักแต่เรานะ รักมาถึงลูกเรา แล้วก็รักต่อไปเรื่อยๆ แม่ไม่มีวันหยุด เชื่อผมซิคุณแอน

จินดารัตน์ - มีคนเคยเปรียบเทียบว่า เวลาที่แม่ทำกับข้าวให้กินแล้วโทรศัพท์ตามกลับไปกินข้าว คือกลับมากินไม่ต้องชมแค่นั่งกินเขามอง

สนธิ - แม่ก็ดีใจตายแล้ว แม่ดีใจมากๆ แม่จะดีใจ ผมยังจำได้ผมเคยไปพูดที่ มศว ปัจฉิมนิเทศ ผมสอนเด็กซึ่งเรียนจบกำลังจะรับปริญญา ผมสอนว่า ประสบการณ์ชีวิตผม เนื่องจาก มศว เด็กต่างจังหวัดเยอะ แล้วปุ๊เคยเป็นอาจารย์ที่นั่น ผมก็เลยรู้ เด็กต่างจังหวัดเวลามาเรียนจะลำบาก จะมีเงินมีทองใช้น้อย เด็กบางคนเข้าสังคมไฮโซ อาจจะหน้าตาดีหน่อย หรือมีแฟนเป็นลูกเสี่ยหรือลูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่พอเรียนจบแล้ววันที่รับปริญญา แม่ พ่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ ไม่มีวันไหนดีใจเท่าวันที่ลูกเรียนจบ ผมไม่แคร์คุณอยู่มหาวิทยาลัยอะไร จะจุฬา ธรรมศาสตร์ จะหอการค้า จะม.กรุงเทพ จะม.รังสิต ขอให้จบแล้วไปรับปริญญาวันนั้นเป็นวันที่ทุกคนจะตื่นเต้นกันหมด จะตื่นแต่เช้า แม่จะทำผมใหม่ แม่จะเลือกชุดซึ่งแม่คิดว่าสวยที่สุดในโลก แม่บางคน อย่างแม่ผมวันๆ ใส่กางเกงกุยเฮง เสื้อแขนสั้นปล่อยชายลงมาสีขาว สีฟ้า สีชมพู สูงสุดแล้วของแม่แค่นั้น แล้วแม่บ้านนอกใส่ผ้าถุง รองเท้าแตะ ตัดอ้อย ขนผลไม้ไปขายที่ตลาด หรือทำแกงไตปลาที่จะไปวางขายตามร้าน หรือทำงานอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกัน วันนั้นแม่จะขัดเล็บ เล็บเท้าที่มีขี้ไคลจะแคะออกเอาแฟ้บถู ตีนซึ่งแตกไม่รู้จะทำยังไง เลือกรองเท้าที่สวยที่สุด ไม่มีเพราะมีแต่รองเท้าแตะ ไปที่ร้านในตลาดในอำเภอซึ่งใหญ่ที่สุด เลือกรองเท้าหนัง รองเท้าแตะหนัง เพราะแม่คิดว่าสุดยอดแล้ว เสร็จแล้วนั่งรถปิกอัพ พ่อขับแม่นั่งข้างหน้า ข้างหลังลูกหลานเต็มไปหมด นั่งจากอยุธยา นั่งจากโคราช ขึ้นมาจากชุมพร เพื่อมาถ่ายรูปกับลูกจัญไรบางคนซึ่งเขาอุตส่าห์ส่งเรียนจบ พอวันนั้นเรียนจบแล้วแทนที่จะอยู่กับแม่ ถ้ามันเห็นแม่มันมาวันนั้นมันต้องรู้ มันต้องไม่อายว่าแม่เป็นชาวนา แม่เป็นชาวไร่ ต้องก้มลงกราบเท้าแม่ กอดขาแม่ แล้วร้องไห้กับแม่แล้วบอกว่า แม่วันนี้มีของผมได้ มีของหนูได้เพราะแม่ต้องลำบาก ปรากฏว่าอายที่จะมาแสดงว่านี่คือพ่อแม่ มันจะไปถ่ายรูปกับเพื่อน กับคนโน้นคนนี้ แล้วแอบมาถ่ายรูปกับครอบครัวนิดหนึ่งแล้วทิ้งครอบครัวไว้ที่นั่น

จินดารัตน์ - ให้นั่งริมฟุตปาธ

สนธิ - เหมือนอย่างที่ คุณแอนเห็นตลอดเวลา แถวสวนอัมพรผมเห็น แต่สวนอัมพรยังไม่เท่าไหร่ สวนอัมพรเป็นระบบราชภัฏ ซึ่งทุกๆ คนเป็นอย่างนั้น แต่คุณไปดูจุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร คุณไปดูมหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยไฮโซทั้งหลาย จะมีเด็กหลายคนที่มีความคิดแบบนี้

จินดารัตน์ - บางทีโกหกแม่ด้วยว่ายังไม่ได้รับปริญญา

สนธิ - อันนั้นผมไม่รู้ แต่มันไม่ใช่ ลำพังเรื่องแค่นี้ก็สะเทือนใจมากพอสมควรแล้ว เดี๋ยวนี้วันเกิดถ้ามีแม่อยู่ ถ้าใครก็ตามแม่ยังมีชีวิตอยู่ วันเกิดตัวเองให้หยุดเลี้ยง เดี๋ยวนี้วันเกิดเด็กบางคนเป็นเรื่องราวใหญ่โต จะไปเลี้ยงที่ไหน แขกจะเชิญกี่คน เธอต้องมางานวันเกิดฉันนะ แต่งตัวซะสวย เสร็จเรียบร้อย หอมแก้มแบบฝรั่ง เสร็จเรียบร้อยถ่ายรูป ให้เลิกได้แล้ว วันเกิดเช้าตรู่สิ่งแรกที่จะต้องทำ เอาธูปเทียนพานดอกไม้ ให้แม่นั่งพ่อนั่ง มอบให้เป็นคารวะบูชา แล้วกราบเท้าแม่ พ่อ บอกวันนี้วันเกิดลูกถ้าแม่ไม่อุ้มท้องมา 9 เดือนลูกไมได้เกิดมา แล้วถ้าแม่ไม่ดูแลลูกมาจนวันนี้ลูกก็ไม่ได้เป็นวันนี้ วันนี้วันเกิดลูกลูกมาขอคารวะคุณพ่อคุณแม่ เสร็จแล้วไปทำบุญที่วัด ถวายสังฆทาน ถวายอาหารพระ สิ่งที่ทำเพื่อ ถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหมดให้คุณแม่ และคุณพ่อ แม่กับพ่อพาลูกไปทำบุญเพื่อให้ลูกได้บุญ แต่จริงๆ แล้วลูกต้องไปทำบุญเพื่อเอาบุญทั้งหมดมอบให้พ่อแม่ มันเพี้ยนไปหมดแล้วสังคมไทย

จินดารัตน์ - คุณสนธิแต่ว่าสังคมเปลี่ยนไปเยอ แม่ยุคใหม่กลุ้มอกกลุ้มใจจะเลี้ยงลูกยังไง

สนธิ - อันนั้นผมไม่รู้แล้ว ก็เพราะว่าแม่ยังไม่รู้จักตัวแม่เอง แม่ไม่อยู่กับปัจจุบัน แม่ถ้าไม่อยู่กับอดีตก็ไปอยู่อนาคต อดีตซึ่งมันหมดไปแล้วไม่กลับมาอีก อนาคตซึ่งยังไม่มา แต่ถ้าแม่อยู่กับปัจจุบันแม่จะรู้ แม่จะรู้ว่าปัจจุบันเป็นอย่างนี้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เมื่อทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วการเลี้ยงลูกจะดีที่สุด เมื่อแม่ไปอยู่กับอนาคตแม่ก็หวังว่าลูกจะดีขึ้น แม่อยู่กับอดีตแม่ก็ซึมเศร้าแม่ก็บอกสมัยก่อนมันเป็นอย่างนี้ แม่ต้องรู้ว่าปัญหาความจริงเป็นอย่างนี้ต้องทำให้ดีที่สุด

จินดารัตน์ - เดี๋ยวจะมีคุณแม่ที่ฝากคำถามเอาไว้ รวมไปถึงคุณพ่อด้วย ที่ค่อนข้างจะมีปัญหาในการเลี้ยงลูกของคุณภรรยา ฝากคำถามเอาไว้ เราพักกันก่อนกลับมาแอนจะเอาคำถามที่คุณผู้ชมโทรศัพท์เข้ามาในค่ำคืนวันนี้ถามคุณสนธิ

สนธิ - มีหรอคำถามวันนี้

จินดารัตน์ - มีค่ะ

ช่วงที่ 3

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายรายการแอน จินดารัตน์ คะ ก่อนที่จะไปถึงคำถามขงอคุณผู้ชมทางบ้านนะคะ วันนี้เรามีภาพสวยๆ สวยงามมากจริงๆ เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ภาพนี้เป็นฝีมือการวาดของพี่ตี๋ ชิงชัย



สนธิ - รูปนี้ อยากให้กล้องจับให้คุณผู้ชมทางบ้านดูนิดหนึ่ง สวยงามมากเป็นภาพสีน้ำ ถ้าพี่น้อง หรือบางคนไม่รู้จัก อยากจะเล่าให้ฟังว่า คุณตี๋ ชิงชัย เป็นศิลปินพันธมิตรฯ นะครับ แล้วก็โดนระเบิดของตำรวจ เขนขาดข้างหนึ่ง มือขาด แล้วมือที่ขาดยังโดนหนังสือพิมพ์มติชน ป้ยายสีว่า มือที่กำอยู่คือกำระเบิด

จินดารัตน์ - คือมือขวาขาดไป แต่มือซ้ายที่พี่ตี๋ถืออยู่ คือพวงกุญแจ

สนธิ - แล้วคุณตี๋ ก็อยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ดูแลค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลทั้งหมด คุณตี๋เลยไม่ย่อท้อต่อชีวิต กลังจากเเขนขวาหาย ก็หัดใช้แขนซ้ายทำงาน เนื่องจากเป็นศิลปินใช้แขนซ้ายทำงาน เนื่องในโอกาสวันแม่ก็เลยวาดสีน้ำถวายให้กับองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ วันพรุ่งนี้ก็จะนำไปถวายให้กับพระองค์ท่าน สวยมากครับ ภาพนี้คุณตี๋ทุ่ม คือใครวาดก็ไม่สำคัญเท่าคุณตี๋ เพราะคุณตี๋แขนขาด แล้วฝึกตัวเองจนกระทั่งมาวาด คุณตี๋สู้เพื่อพระองค์ท่าน แล้วโดนระเบิดตำรวจจนเเขนขาด แล้วมาวาดให้พระองค์ท่าน ในขณะที่ตำรวจบางคน ยังมีหน้าเดินอยู่ในสังคม แล้ว ป.ป.ช.ก็ยังไม่ตัดสินอะไรออกมาสักที แล้วตำรวจบางคนก็มาโชว์กะบังลมตัวเอง แสดงทีท่า ทั้งๆที่ความรักต่อสถาบันของตำรวจคนนั้น ไม่ได้หนึ่งในล้านของคุณตี๋ ชิงชัย เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มี ผมก็เลยอยากจะฝากให้เห็นว่า นี่คือรูปแม่ของแผ่นดิน ที่คุณตี๋วาด

แล้วพ่อแม่พี่น้องประชาชนก็จะเห็นถึงความรักชาติ ซึ่งต่างกันมาก ระหว่างคุณตี๋ ชิงชัย ซึ่งแขนขาด เพราะตำรวจเป็นคนทำให้เขาแขนขาด เสร็จเรียบร้อยแล้วเขามีความรักชาติรักแผ่นดิน ภาพนี่เขาวาดด้วยมือซ้าย หลังจากมือขวาเขาขาดแล้ว

จินดารัตน์ - พี่ตี๋ยังพูดเสียงไม่มีเลยนะคะ กล่องเสียงถูกทำลายไป

สนธิ - นี่คือความขมขื่นของบ้านเมือง ผมอยากให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ หัดมองซะบ้าง ให้รู้ซะบ้างว่าใครที่รักชาติรักแผ่นดิน เลิกบ้าบอคอแตกซะที เลิกสร้างภาพซะที เลิกปกป้อง หรืออยู่ในกระบวนการ เพราะถ้าคุณสุเทพ ยังไม่เลิก ผมสงสัยว่าคุณสุเทพ อยู่ร่วมขบวนการอันนี้ ผมยังไม่ทราบว่าคุณสุเทพ รับทราบหรือเปล่าว่ากระบวนการที่ยิงผมเป็นใครบ้าง มีเสียงบางเสียงว่าคุณสุเทพ รู้มาตั้งนานแล้ว ว่าจะมีคนยิงผม แต่ไม่พูด

จินดารัตน์ - เขาเรียกว่ากฐินสามัคคี

สนธิ - ผมเลยอยากจะฝากบอกไปยังพี่น้องประชาชนเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวใต้ให้เห็นว่า พวกเราเสียทั้งเลือด เสียทั้งเนื้อ เสียทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นที่ผมพูดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ที่ผมบอกว่าเดี๋ยวนี้ต้องแยกแล้วว่าใครเป็นพันธมิตรประชาธิปัตย์ ถ้ายังรักประชาธิปัตย์ ไปยืนข้างประชาธิปัตย์ ไม่ต้องมายืนข้างผม แยกกันเดี๋ยวนี้เลยให้มันชัดเจน ถ้าพันธมิตรประชาธิปัตย์ ภูมิใจ และรักประชาธิปัตย์ ที่มีคนอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่ก็ไปเลย ไม่เป็นไร ไม่เสียหายอะไร ทางภาคตะวันออกก็เหมือนกัน อย่ามาแอบแฝงกับพันธมิตรฯ แสดงตัวตนออกไปเลย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ท่านจะเหลือเพียง 5 แกนนำ หรือคุณแอน พวกเราพร้อมเหลือกันอยู่แค่นี้ เราไม่ต้องการให้ใครมาแอบองพิงอาศัยกับพวกเราอีกต่อไป ถ้าจะอยู่กับพวกเราต้องมีอุดมการณ์ที่แน่นอน ให้ชัดเจน ไม่ใช่มาบอกว่า อย่าไปว่าเขาเลย เขาเป็นคนดี ผมไม่ได้ว่านายกฯ อภิสิทธิ์ แต่ผมบอกประชาธิปัตย์ไม่มีอุดมการณ์แล้ว เป็นพรรคที่ไม่มีอุดมการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วพฤติกรรมของคุณสุเทพ เป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันออก ใครก็ตาม ที่ยังหลงเชื่อประชาธิปัตย์อยู่ แยกออกจากผมไปเถอะครับ กรุณาเถอะ ผมขอร้องไปเลย ทุกคนถ้ารักประชาธิปัตย์ ไปอยู่ประชาธิปัตย์ ไม่ต้องบอกว่าเป็นพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ มีจุดยืนชัดเจน ผมต้องการจะประกาศแยกออกมาเดี๋ยวนี้ บางคนเขาบอกว่าผมพูดเร็วไป ไม่เร็วครับ เดี๋ยวนี้เลย

จินดารัตน์ - ไม่กลัวพันธมิตรฯ โกรธเหรอคะคุณสนธิ

สนธิ - ไม่โกรธครับ เพราะถ้าเป็นพันธมิตรฯ จริงไม่โกรธ เขาจะเข้าใจ อย่างคุณตี๋เห็นชัด ที่ผมจำเป็นจะต้องเอาคุณตี๋ มาให้ดูอีกทีเพื่อเตือนสติหลายๆคน หลายคนก็บอกว่าผมไม่ควรพูด เป็นพวกเดียวกัน แต่พฤติกรรมที่พรรคประชาธิปัตย์ทำกับพันธมิตรฯ ทำกับผม มันไม่ใช่พวกเดียวกัน เป็นพวกเนรคุณ

จินดารัตน์ - ต้องจำคำพูดเขาให้ได้นะคะว่า เขาไม่ใช่พวกเรา

สนธิ - เขาพูดเลย ก็คุณสุเทพ เป็นคนพูดเลยว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่พวกผม ผมไม่รู้จักพันธมิตรฯ และผมไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณพันธมิตรฯ ก็ในเมื่อคุณสุเทพ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์พูดอย่างนี้ พันธมิตรสายประชาธิปัตย์จะว่าอย่างไร ถ้าคุณยังคิดว่าเขาน่ารักอยู่ ยังใช้ได้อยู่ คุณก็ไปอยู่กับเขาเลย นี่คือเหตุผลที่ผมจำเป็นต้องพูด

จินดารัตน์ - อยากให้พ่อแม่พี่น้องไตร่ตรอง นึกถึงเหตุการณ์ทั้ง 193

สนธิ - ถูกต้อง คิดถึง 193 วัน คุณสุเทพ ไม่เคยโผล่หน้าเข้ามาสู้อะไรกับเราเลย

จินดารัตน์ - และที่ขมขื่นที่สุดคุณสนธิคะ วันนี้รู้ทั้งรู้ หรือแกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริงๆ อินโนเซนท์ ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้หรือว่า คนที่อยู่ต่างประเทศเขามีแผนแยบยลที่จะทำร้ายทำลายสถาบัน แต่ก็ไม่ทำอะไร

สนธิ - ถ้าคุณแอนจำได้ ผมเป็นคนพูดเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีอาการ ไม่มีอะไรออก คือวันนี้เป็นวันแม่ ผมคิดว่าอย่าไปพูดอะไรมากเลย เอาเป็นว่า สั้นๆแล้วกัน ผมมีความรู้สึกว่าคุณสุเทพ มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สังเกตอย่าง คุณสุเทพ ไม่พูดถึงคุณทักษิณ คุณทักษิณ ก็ไม่ว่าคุณสุเทพ เพราะคุณสุเทพ มีสะพานที่เชื่อมระหว่างคุณสุเทพ กับคุณทักษิณ อยู่หลายคน มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ เงาะ ซึ่งเป็นคนของคุณทักษิณ เชื่อมให้คุณสุเทพ ตั้งแต่สมัยคุณสุเทพยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แล้วยังมีผู้ชายอีกคน ซึ่งเป็นมือให้กับคุณสุเทพ อย่าเพิ่งให้ผมเอ่ยชื่อตอนนี้ เอาเป็นว่า คุณสุเทพ ยังคงสนิทสนมกับคุณทักษิณ ชินวัตร โดยผ่านสะพานหลายๆสะพาน จนวันนี้คุณสุเทพ ดูแลตำรวจ การถอดยศของคุณทักษิณยังไม่ไปไหนเลย เป็นเต่าอยู่เฉยๆ เพราะฉะนั้นพี่น้องพันธมิตรฯ ที่อยู่สายประชาธิปัตย์ ที่บอกว่าผมไม่ควรจะไปว่า ก็คิดดูละกัน เพราะฉะนั้นหากคุณอยากได้พรรคประชาธิปัตย์ คุณก็เอาไป เพราะคุณจะได้คนอย่างคุณสุเทพ

จินดารัตน์ - แต่แอนเชื่อมั่นว่า พี่น้องพันธมิตรฯ เลือดพันธมิตรฯ ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเคยรักประชาธิปัตย์หรือเปล่า หรือยังรักอยู่ แอนว่าเราผ่านการบ่มเพาะมามากกว่า 1 ปี น่าจะเข้าใจอะไรได้

สนธิ - แต่จะมีอยู่พวกหนึ่ง มีความรู้สึกว่าพันธมิตรฯ คือพวกเราไม่ควรไปทะเลาะกับประชาธิปัตย์

จินดารัตน์ - ควรสงวนมิตรเอาไว้

สนธิ - แต่เขาไม่เป็นมิตรกับเรา เขากระทืบเรา เขาไล่เตะเรา เขาเยาะเย้ยเรา แล้วเขาไม่เคยระลึกถึงบุญคุณเรา เขาเป็นคนที่เนรคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว ในเมื่อเราอยู่เฉยๆเขาถับเราออกมา ทำไมต้องมีการเมืองใหม่ เพราะเขาถีบเราออกมาไงละ ไม่งั้นไม่ทำหรอก การเมืองใหม่ ทำไปทำไมเหนื่อยจะตาย แล้วถ้าจำเป็นที่จะต้องแย่งเสียงกันก็ช่วยไม่ได้ ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าของใครของจริง ของใครของปลอม

จินดารัตน์ - ซึ่งเราก็เคยพูดใช่ไหมคุณสนธิว่า พรรคประชาธิปัตย์จริงใจ และจริงจังในการแก้ปัญหา

สนธิ - พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่มีมวลชน เขาชอบอ้างเสมอคุณแอน เขาชอบอ้างว่า พันธมิตรฯ คือประชาธิปัตย์ทั้งหมด ผมก็เลยบอกว่า ถ้างั้นแยกให้ดูเดี๋ยวนี้เลย ใครอยากไปอยู่ประชาธิปัตย์ข้ามไปเลย แถวเมืองชลฯ มีอยู่หลายกลุ่มที่อยู่ประชาธิปัตย์ แล้วกลับว่าตัวเองจะสูญเสียที่นั่ง อ้าวไปเลย ไม่เป็นไร ผมประกาศตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว แล้วพวกนี้จะไม่กล้าโทรหาผมนะ จะโทรหาคนรอบตัวผม โทรหาคุณชัชวาลย์ คุณปานเทพ บอกว่าว่าอย่างนี้แล้วอีกหน่อยจะทำอย่างไร เราควรจะสร้างมิตร เราไม่ต้องสร้าง เราอยู่ของเรา ก็ในเมื่อเขาเลือกจะเป็นศัตรูกับเรา เราก็ไม่คบเขาจบ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรูเขานะ แต่เราไม่คบเขา เราไม่ชอบคนเนรคุณ

จินดารัตน์ -ไม่ถามต่อละ เดี่ยวของขึ้น

สนธิ - ภูเก็ต สุราษฎร์ฯ สตูล ประชาธิปัตย์สอบตกหมด แล้วจริยธรรมพรรคประชาธิปัตย์ คุณธานี เทือกสุบรรณ น้องชายคุณสุเทพ ได้ใบแดง กกต. เรื่องนายก อบจ. แต่กลับมาลงเป็น ส.ส.สุราษฎร์ฯ มาตรฐานอยู่ที่ไหนละ เพราะการเลือกตั้งมันมีการเลือกตั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ถ้าได้ใบแดงระดับท้องถิ่นแล้วยังทะลึ่งส่งมาลง ส.ส.สุราษฎร์ฯ ถือว่าผิดแล้ว

จินดารัตน์ - จากที่เคยว่าคนอื่นเขา

สนธิ - ถูกต้อง เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่ประชาธิปัตย์ต้องพิจารณาตัวเอง แล้วผมจะเตือนวันนี้นะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ แล้วคุณคอยดู สูญพันธุ์จริงๆ ไม่ว่าจะถูกยุบพรรค หรือไม่ถูกยุบพรรค สูญพันธุ์แน่นอน แล้วผมเตือนเอาไว้ด้วย เหมือนกับผีซ้ำด้ามพลอย กรรมตามสนอง ส.ป.ก.4-01 แต่มาในรูปแบบใหม่

คุณสังเกตดีๆ พรรคประชาธิปัตย์ในยุคคุณสุเทพ เป็นใหญ่ เจ๊งตลอดเวลา งวดนี้จะเจ๊ง แล้วจะเจ๊งหนักด้วย ผมเตือนซะก่อน พี่น้องชาวใต้ทุกคน ผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนขอให้รู้ ผมไม่เคยคิดที่จะทำการเมืองแม้แต่นิดเดียว แต่เพราะพวกคุณ 1.เนรคุณ 2.หาเรื่องพวกผม 3.มีคนในพรรคประชาธิปัตย์บางคนรู้เห็นเป็นใจกับการยิงผม ผมฟันธงออกไปเดี๋ยวนี้เลย แต่ผมไม่เอ่ยชื่อว่าใคร ให้ไปเดากันเอง เหตุผลเพราะอะไร เพราะเห็นว่าพันธมิตรฯ เริ่มแย่งเสียงประชาธิปัตย์ไปแล้ว ฆ่าสนธิไปคนหนึ่งพันธมิตรฯ จะได้อ่อนแรง ก็คิดชั่วๆ อย่างนี้ เปลี่ยนเรื่องดีกว่าคุณแอน

จินดารัตน์ - ก็ดันหนังเหนียว ดวงแข็งซะขนาดนี้ กลับมาคุย ถึงบอกไม่อยากถามเดี๋ยวของขึ้นอีก คุณสนธิมีพันธมิตรฯ สระบุรี ระบายมา 1 หน้ากระดาษ บอกว่า ตัวเขาเองแต่งงานอายุเยอะแล้ว กว่าจะมีลูกก็ผ่านไป 14 ปี ปัจจุบันอายุมากแล้วแต่ลูกสาวเพิ่ง 10 ขวบ ภรรยาทำงานดี แต่บังเอิญถูกเลี้ยงมาในครอบครัวคนจีน แล้วอยู่ในสังคมแคบๆ มุมมองไม่กว้างไกล เลยกลัวลูกสาวอยู่กับคุณยายมากๆ อยู่กับแม่มากๆ ซึ่งแม่ไม่เคยออกไปไหน ไม่เคยคบค้าสมาคมกับใคร ไม่เคยเปิดโลกทัศน์ตัวเอง กลัวว่าลูกจะกลายเป็นเหมือนแม่ ทำยังไงดีคุณสนธิมีคำแนะนำไหมคะ

สนธิ - ง่ายนิดเดียว คุณต้องใช้ชีวิตกับลูกคุณมากขึ้น

จินดารัตน์ - เขาก็พาลูกไปต่างจังหวัด

สนธิ - ไม่ใช่พาอย่างเดียว ถ้าคุณเป็นห่วงเป็นใยเคาไม่ใช่แค่พาลูกไปต่างจังหวัดคุณต้องมีหน้าที่อธิบายความให้ลูกฟัง อธิบายโลกซึ่งมันต่างกว่าโลกที่แม่มอง อธิบายสังคมซึ่งมันต่างกว่าสังคมที่คุณยายมอง อธิบายให้ฟัง บางครั้งเวลาแม่พูดอะไรคุณยายพูดอะไร จับประเด็นตรงนั้นมาแล้วขยายความต่อไปว่า จริงๆ แล้วที่แม่พูดไม่ผิดแต่จริงๆ มันมีมากกว่านั้น

จินดารัตน์ - ต้องประกบอยู่กับลูก

สนธิ - ต้องใช้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้น แล้วไม่ต้องทะเลาะกับแม่หรือแม่ยาย

จินดารัตน์ - เพราะเปลี่ยนไม่ได้

สนธิ - เขาเปลี่ยนไมได้ เพียงแต่ว่า เอาคำพูดที่เขามองโลกที่แคบ ขยายสิ่งที่เขามองแคบให้กว้างขึ้น บอกลูกจริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ซอยนี้นะลูก มันมีถนนที่ใหญ่กว่าซอยอีกเยอะ ถนนใหญ่กว่าซอยเป็นยังไงเดี๋ยวพ่อจะอธิบายให้ฟัง

จินดารัตน์ - ที่น่าเป็นห่วงคือ พันธมิตรฯ ท่านนี้บอกว่า ก็เลยเริ่มรู้สึกว่า พอลูกสาวเริ่มโตพยายามหาลูกบุญธรรม เอามาเลี้ยงแข่งกัน จะได้ทำให้ภรรยากับแม่ยายรู้ว่า ถ้าเลี้ยงแบบฉันลูกจะได้ดิบได้ดี

สนธิ - อันตราย ไม่ควรทำ เหมือนปิ้งปลาประชดแมว ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

จินดารัตน์ - แล้วลูกตัวเองจะรู้สึกยังไง

สนธิ - รู้สึกแน่นอน นอกจากลูกตัวเองจะรู้สึกแล้ว เมียจะรู้สึก ยายก็จะรู้สึก ความแตกแยกในครอบครัวจะมีขึ้นมาทันทีเลย สู้ไปขลุกเวลากับเขามากขึ้น การขลุกกับเขามากขึ้นไม่ใช่แค่พาไปเที่ยว ถ้าเป็นไปได้ทุกเช้าทำหน้าที่ส่งเขาไปโรงเรียนด้วยตัวเอง

จินดารัตน์ - ระหว่างทางจะได้คุยกัน

สนธิ - แล้วเย็น ถ้ามีธุรกิจของตัวเอง เย็นก็ไปรับที่โรงเรียน ก่อนกลับบ้านพาไปกินไอศกรีม นั่งคุยกับลูก พาลูกไปซื้อหนังสือ ที่สำคัญที่ผมอยากให้ทำคือว่า พยายามพาลูกไปร้านหนังสือใหญ่ๆ แล้วเลือกหนังสือที่น่าจะเปิดโลกทัศน์ ให้ลูกอ่าน ที่สำคัญควรจะอ่านหนังสือเล่มนั้นก่อน เพื่อเมื่อลูกอ่านจบแล้วนั่งคุยกับลูกได้รู้เรื่อง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

จินดารัตน์ - พันธมิตรฯ จากสหรัฐอเมริกา บอกว่า ตัวเองกับคุณแม่ คุณแม่จะรักแต่พี่สาว รักแบบลำเอียงเห็นๆ ทุกอย่างจะให้พี่สาวคนเดียว ไม่เคยกอดเขาเลยกอดแต่พี่สาว พ่อกับแม่จะรักแต่พี่สาว ส่วนเขาและน้องๆ จะไม่เคยได้รับการเหลียวแลดูแลเท่ากับพี่สาว ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกากลับมาจะกอดแม่ทุกครั้งถึงแม้จะมีความรู้สึกไม่ค่อยดีกับพ่อกับแม่ว่าพ่อแม่ลำเอียง พอตัวเองมีลูกสาวรำลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยจะไม่ทำอย่างที่แม่เคยทำ

สนธิ - ผมยกตัวอย่างเรื่องเด็กวันพุธ เวนส์เดย์ไชลด์ เป็นลูกคนกลาง จะมีคนโต คนกลาง และคนเล็ก ลูกคนกลางเป็นลูกที่มีปมด้อย เพราะว่าลูกคนโตพ่อแม่จะรัก เพราะลูกคนแรก ลูกคนที่สองยังรัก แต่พอลูกคนสุดท้องเกิดขึ้นมา ความรักจะข้ามจากคนโตไปคนสุดท้ายแล้วกระเซ็นมาที่คนกลาง ลูกคนกลางจะมีลักษณะ เรียกร้องความสนใจ เพราะตัวเองได้รับความรักน้อย จะทำอะไรที่แปลกแยกออกไป แตกต่างออกไปเพื่อให้พ่อกับแม่สนใจ นี่คือความต้องการ แต่ลูกคนกลางบางคน เป็นลูกคนกลางอารมณ์ดี ยอมรับ ผมเป็นอย่างนี้ หนูเป็นอย่างนี้ แต่หนูเฉยๆ หนูมองแล้วก็ขำ แล้วเวลาพูดกับพ่อแม่บอก แหมผมมันลูกที่ไม่มีพ่อแม่สนใจเพราะดันเป็นคนกลาง พ่อชอบข้ามผมไปเรื่อย งานนี้ยังไงข้ามไม่ได้นะ ต้องขอนะ ขอรถซักคันหนึ่ง คือเขามองเป็นเรื่องตลกไป ผมก็ไม่อยากให้เขามองซีเรียสแบบนั้นอยากให้คนที่เขียนจดหมายมามองเป็นรูปตลกบ้าง จริงๆ เขามองด้วยความสงสารพี่คนโต แล้วอีกหน่อยถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วจะทำยังไง พูดแบบพี่แบบเพื่อน พี่ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่จะมาให้หนูโอ๋แบบนี้หนูทำไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นพี่ต้องรีบปรับตัว พี่ต้องรีบเอาใจหนู เพราะถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ถ้าหนูไม่โอ๋แล้วพี่จะอยู่ได้ยังไง เปลี่ยนเรื่องที่ซีเรียสให้ตลก

จินดารัตน์ - ให้มีความเมตตา

สนธิ - ให้มีความเมตตาแล้วทำใจไปซะ เรายังรักพ่อรักแม่อยู่เหมือนเดิม

จินดารัตน์ - ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ไม่เคยโกรธพ่อกับแม่ และไม่เคยเกลียดพ่อกับแม่ ถึงแม้พ่อกับแม่และพี่สาวจะเป็นเสื้อแดงก็ตาม เพราะตัวเองเสื้อเหลือง

สนธิ - ไม่เป็นไร

จินดารัตน์ - ความต่างที่เกิดขึ้นในครอบครัว หลายคนโทรศัพท์เข้ามา จากระยอง ถามว่า ถ้าเข้มงวดกับลูกเล็กๆ มากเกินไปจะเป็นอะไรไหม จะทำให้ลูกอยู่ในสังคมยากหรือเปล่า

สนธิ - ความเข้มงวดที่ผมอยากให้เข้มงวดกับลูก คือเรื่องถูกกับผิด

จินดารัตน์ - ถูกก็คือถูกผิดก็คือผิด

สนธิ - ถ้าเขาไปขโมยเงินเราต้องเข้มงวด ถ้าเขาหยิบอะไรที่ไม่ใช่ของเขา เข้มงวดแล้ว สมมุติถ้าเขาหยิบอะไรของน้อง ของคนโน้น หรือของเราโดยเขาไม่บอก เราต้องเข้มงวด บอกลูกห้ามทำนะ ถ้าลูกจะหยิบอะไรของพ่อของแม่ลูกต้องขอพ่อกับแม่ก่อน อย่างนี้เข้มงวดได้

จินดารัตน์ - ให้เคารพผู้อื่น มีระเบียบวินัย

สนธิ - ให้ยอมรับความเป็นอยู่ของผู้อื่น ให้ยอมรับว่าสิ่งของสิ่งนี้ไม่ใช่ของเขาสิ่งของสิ่งนี้เป็นของผู้อื่น ถ้าเขาจะเอาเขาต้องไปขอ

จินดารัตน์ - แล้วต้องยอมรับผิดเป็นด้วย

สนธิ - ต้องยอมรับผิดเป็นสำคัญมาก ผมคิดว่าเข้มงวดเพียงแค่นี้พอแล้ว ส่วนเรื่องเขาจะดูการ์ตูน ส่วนเรื่องเขาจะเจี๊ยวจ๊าวตามประสาเด็ก ต้องปล่อยเขา คุณจะไปใส่กุญแจมือเขาแล้วเอาเชือกล่ามคอ ไม่ใช่ ลูกไม่ใช่หมาดุที่คุณจะต้องไปนั่งเข้มงวด ไม่ใช่ อย่าไปเข้มงวดแบบนั้น

จินดารัตน์ - คุณสนธิคิดว่าวิธีการ ยังมีการตีกันบ้าง

สนธิ - การตีควรจะมี แต่จะต้องให้เหตุผลในการตี ไม่ใช่โกรธขึ้นมา มานี่ เอาไม้มาแล้วพัวะๆ คนตีต้องควบคุมสติได้ก่อน

จินดารัตน์ - ต้องเย็นก่อน

สนธิ - ต้องเย็นก่อนแล้วหยิบไม้มา บอกลูกมานี่ ลูกรู้ไหมว่าเดี๋ยวพ่อจะต้องตีลูกแล้ว ลูกรู้ไหมทำไมพ่อต้องดี ถ้าไม่รู้พ่อจะบอกให้ เมื่อกี้นี้ลูกปัดแก้วตกแตก ทั้งๆ ที่พ่อเตือนแล้ว ยอมรับไหมว่าลูกผิด ผิดครับ ผิดค่ะ แล้วลูกทานข้าว พอแม่เตือนลูกก็อาละวาดลุกขึ้นไปเลย พูดจาไม่เข้าหูแม่ หยาบคาย ลูกผิดไหม ผิด ถ้าอย่างนั้นลูกจะยอมรับไหมลูกจะตีลูก แล้วลูกไม่ทำ ยอมรับ ตีแรงเลยนะ ต้องตีแรงเลยนะ ให้เขาเจ็บให้จำ แต่อย่าตีก่อนจะบอกเขา ต้องอธิบายเหตุผลซะก่อนแล้วค่อยดี

จินดารัตน์ - พันธมิตรฯ ท่านหนึ่งบอก เด็กวัยรุ่นชอบพูดว่า เด็กสมัยนี้ พวกหนูไม่ชอบแม่แก่ๆ อยากให้แต่งตัวสวยๆ ถึงจะยอมเดินด้วย

สนธิ - จะให้แม่แต่งตัวสวยได้ยังไง ถ้าแม่ สมมุติว่าแม่เกิดเปิดร้านโชห่วย หรือแม่เกิดทำมาค้าขายด้วยตัวเอง ขายข้าวแกง มันต้องดูสภาพแม่ ดูสภาพร่างกายแม่

จินดารัตน์ - อารมณ์แบบนี้อายเพื่อนแล้วละค่ะ

สนธิ - นั่นนะซิ นี่คือการอายเพื่อน ซึ่งมันผิด จะให้แม่ทาเล็บสีดอกกุหลาบ แล้วต่อเล็บ จะให้แม่ใส่ต่างหูห่วงเท่ากำปั้นหรืออย่างไร มันต้องรู้ว่าแม่อายุมากแล้ว

จินดารัตน์ - ดูสภาพความเป็นจริงหน่อย อย่าเรียกร้องอะไรมากเลย ลพบุรี บอกว่า ปัจจุบันผู้หญิงส่วนมากทิ้งลูก

สนธิ - ไม่มากครับ ไม่มากเท่าผู้ชาย ผู้ชายเลวกว่าเยอะ

จินดารัตน์ - ถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์กันแล้วผู้ชายเห็นแก่ตัวเยอะ

สนธิ - ผู้ชายไทยเป็นผู้ชายที่ขาดความรับผิดชอบอย่างมากๆ ผู้ชายไม่ใช่หล่อหรือรวยไม่สำคัญ ถ้าหล่อรวยแล้วบวกความรับผิดชอบ สุดยอด แต่หล่อรวยบวกความรับผิดชอบแล้วยังต้องมีปัญญาด้วยนะ ไม่ใช่โง่ เหมือนกับคนบางคนไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วสำคัญ หล่อจำเป็นไหม ไม่จำเป็น รวยช่วยกันทำมาหากินได้ รับผิดชอบจำเป็นไหม สำคัญที่สุด ไม่หล่อไม่รวยไม่มีปัญญา แต่รับผิดชอบกลับดีที่สุด

จินดารัตน์ - เพราะรับผิดชอบวันหนึ่งก็รวยได้

สนธิ - หล่อ รวย มีปัญญา แต่ไม่รับผิดชอบนี่เลวที่สุด

จินดารัตน์ - จาก กทม. ตัวเองเป็นลูกคนจีนมีแฟนเป็นคนอีสาน แม่ไม่ชอบแฟนเลย ต้องการหาคู่ให้ใหม่ แม่เป็นคนชอบบังคับและจัดสรรให้ทุกเรื่อง อยากให้คุณสนธิช่วยอธิบายให้แม่เข้าใจเรื่องแฟนหน่อย

สนธิ - ผมอธิบายให้แม่คุณเข้าใจไม่ได้หรอก แฟนคุณจะต้องทำตัวให้แม่คุณเห็นว่าคนอีสานไม่ต่างไปกว่าคนจีน ไม่ต่างไปกว่าคนอื่นๆ ที่แม่ชอบ และสามารถทำให้แม่มีความสุข และให้ลูกสาวคนนี้มีความสุขได้

จินดารัตน์ - ให้พิสูจน์ตัวเอง

สนธิ - ว่าที่ลูกเขยต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องเข้าไปเอาใจแม่ ต้องอดทน ถึงจะแสดงทีท่ารังเกียจก็ต้องทน ต้องทน ต้องทน

จินดารัตน์ - แต่ความอดทนคนสมัยนี้มีน้อยเหลือเกิน

สนธิ - ถ้ามีน้อยแล้วมาบ่นทำไม ก็ไม่ต้องมีซิถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณรักผู้ชายคนนั้นจริงคุณต้องอธิบายให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใจ แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นเขารักคุณจริงเขายอมเสียสละเพื่อคุณได้

จินดารัตน์ - เป็นการพิสูจน์ผู้ชายด้วย

สนธิ - ใช่ เขาต้องเสียสละเพื่อคุณได้

จินดารัตน์ - แม่หัวโบราณไม่ชอบคนที่ไม่ใช่เชื้อสายเดียวกัน

สนธิ - ก็เหมือนแม่ผม ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง

จินดารัตน์ - อย่างนี้ทำยังไงก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง มีลูกอยู่ 2 คน ทะเลาะกันเป็นประจำจะทำยังไงดีคะ

สนธิ - คำถามนี้กว้างไป เป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิง อายุแค่ไหน ยังเด็กอยู่ หรือเด็กวัยรุ่นทะเลาะประจำเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าโตแล้วเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วยังทะเลาะกันอยู่ ต้องดูประเด็นที่ทะเลาะมันทะเลาะกันเรื่องอะไร ประเด็นอุปนิสัยใจคอเขาหรือเปล่า จริงหรือเปล่าลูกบางคนอาจจะเจ้าอารมณ์ พอประดาบก็เลือดเดือด

จินดารัตน์ - แต่ทำยังไงคะข้อหนักอกของพ่อกับแม่ แอนเข้าใจว่า คือพ่อกับแม่เวลาให้ความยุติธรรมกับลูก ในใจของพ่อกับแม่คิดว่านี่ยุติธรรมแล้ว แต่ลูกมักจะคิดเสมอว่า แม่รักพี่มากกว่า แม่รักน้องมากกว่า

สนธิ - อันนั้นเป็นภาวการณ์การน้อยใจ พ่อกับแม่ต้องมีปัญญาที่จะไปดูว่าลูกคนนี้น้อยใจเรื่องอะไร

จินดารัตน์ - ต้องหมั่นสังเกตลูกเหมือนกัน

สนธิ - ใช่ ต้องสังเกต การมีลูกไม่ใช่ลูกหมา

จินดารัตน์ - ไม่ใช่ให้ข้าวให้น้ำแล้วจบ

สนธิ - ไม่ใช่ให้ข้าวให้น้ำแล้วก็จบ แล้วไม่ใช่ไอโฟน ซื้อมารูดแล้วกด การมีลูกคือส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเรา เราต้องเข้าไปสู่จิตวิญญาณเขาให้ได้ เราต้องรู้ว่าทำไมเขาทำอย่างนั้น ลูกเมื่อกี้นี้ลูกตะหวาดพี่สาวทำไมลูกเล่าให้พ่อฟังหน่อยได้ไหม มีอะไรคับข้องใจเล่าให้พ่อฟังหน่อย นี่ต้องเข้าไปถึงเขา

จินดารัตน์ - พันธมิตรฯ กทม. ถามว่าจะทำยังไงเมื่อลูกรักแฟนมากกว่า

สนธิ - ลูกเป็นลูกสาวหรือลูกชาย

จินดารัตน์ - ไม่ได้บอกมาค่ะคุณสนธิ

สนธิ - ถ้าลูกชายรักแฟนมากกว่า ผมคิดว่าคนถามน่าจะเป็นแม่ แล้วน่าจะเป็นลูกชาย ถ้าผมเดาไม่ผิด ผมคิดว่าถ้าเขารักแฟนมากกว่า คำถามคือว่า แล้วแฟนเขารักแม่แฟนหรือเปล่า คุณต้องดูว่าแฟนลูกชายมีความรู้สึกยังไงกับคุณ

จินดารัตน์ - ว่าที่ลูกสะใภ้

สนธิ - ว่าที่ลูกสะใภ้ หรือว่าที่ลูกเขย

จินดารัตน์ - หรืออย่างนี้ คุณแม่สามีบางคนบอกว่า ถ้าอยากจะให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้าน เราต้องรักแฟนลูกพอๆ กับที่รักลูกของเรา ต้องแสดงออกให้เขารู้ว่าเรารักทั้ง 2 คน แต่แม่บางคนทำใจลำบาก พูดกันตรงๆ แม่ผัวลูกสะใภ้เป็นปัญหาที่แก้ยากลำบาก เพราะอะไร

สนธิ - ผมมีลูกชายคนเดียว จิตตนาถ ผมเคยถาม แม่เขา อ.ปุ๊ เป็นคนที่มีวินัยสูงมาก แล้วความที่เป็นครูบาอาจารย์มาก่อน เขาค่อนข้างมีมาตรฐานของเขา ผมเคยถามเขาตรงๆ ปุ๊นายปั๊บถ้าเขามีแฟน เธอมีมาตรฐานอะไร เธอมีเงื่อนไขอะไรไหมที่วางไว้ ผมก็กลัวว่าว่าที่ลูกสะใภ้จะเข้ากับแม่ผัวไม่ได ปุ๊เขาพูดดี 3-10+11

เขาบอกว่าฉันไม่มีอะไรหรอก ขอให้เป็นคนดีก็พอแล้ว มาตรฐานคนดีอยู่ที่ไหนก็วัดกันซิ มีจริยธรรม มีคุณธรรม คือคนถ้าเป็นคนดีแล้ว ความเอื้ออาทรมันเกิดขึ้นเอง ถูกไม่ถูก ถ้าคนมันดี ดีไม่จริง แป๊บเดียวก็รู้ ผมก็โอเคก็จบเท่านั้นเอง ชัดเจน

จินดารัตน์ - คือต้องเปิดใจ ทำใจยอมรับว่าลูกก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต
วันนี้ขอบพระคุณคุณผู้ชมรายการที่ชมรายการของเรา แล้วส่งคำถามเข้ามา คำถามสุดท้ายจริงๆ คะ คุณสนธิ มีคนเขาอยากรู้ว่าคุณสนธิ เคยทำให้แม่เสียใจไหม แล้วหลังจากนั้นรู้สึกอย่างไร

สนธิ - ผมเคยทำให้แม่เสียใจหลายครั้ง เช่นเรื่องที่แม่ทำกับข้าวทิ้งไว้แล้วผมกลับมา

จินดารัตน์ - นั่นเป็นเหตุการณ์ที่จดจำ

สนธิ - จดจำจนกระทั่งผมตาย วันที่ผมร้องไห้ ผมจำได้ว่าคุณแม่ไปผ่าตัดมะเร็งถุงน้ำดี ผ่ามา 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็หมั่นเข้าโรงพยาบาลอยู่ตลอดเวลา คุณแม่เข้าโรงพยาบาลพญาไท 1 ตอนนั้นเราไปเที่ยวภูเก็ตกัน ปั๊บยังเด็กอยู่ ไปกับ อ.ปุ๊ ยังจำได้ไปอยู่ที่โรงแรม จู่ๆก็มีโทรศัพท์มาเขาตามตัว จนกระทั้งบอกว่า คุณแม่จะสิ้นแล้ว ต้องรีบกลับ เรานึกไม่ถึงว่าคุณแม่จะสิ้น เพราะคนที่เข้า-ออกโรงพยาบาลเรายังไม่รู้ไง ไปถึงน้องๆก็ยืนอยู่รอบเตียงคุณแม่ แล้วพอผมเปิดประตูปั๊บ ผมตะโกนว่า เหนี่ยผมมาแล้ว เหนี่ย คือแม่ น้องสาวบอกว่า พอได้ยินแค่นี้ คุณแม่ปิดตาลงเลย รอลูกชาย ผมจำได้ผมร้องไห้เหมือนเด็กเลย น้ำตาผมไหลพราก ผมเป็นคนที่ร้องไห้ยากมาก ขนาดน้องสาวคนก่อนสุดท้ายเพราะมะเร็ง ผมยังไม่ร้องไห้

ผมอยากจะฝากบอกคนที่มีแม่แล้วแม่ยังมีชีวิตอยู่ว่า เอาเถอะ กอดแม่ให้มากๆ มือแม่ที่สากจับแล้วก็เอามาลูบหน้า จูบมือแม่ เพราะมือแม่นี้คือมือที่ทำให้เราเกิด และมือแม่นี้ที่ลำบากเพื่อเรา ยิ่งตรงไหนที่แม่ผิวกร้านเพราะแดด หรือหน้ากร้านเพราะไม่ได้มีเครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งหัวแม่ตีนดำๆที่มีขี้เล็บก็ยกตีนแม่มาวางบนตัก แล้วก็เเคะขี้เล็บให้แม่ ทำไปเถอะ พอไม่มีแม่แล้วไม่มีอะไรให้ทำแล้ว

จินดารัตน์ - ถึงวันนั้นเราจะได้ไม่เสียใจ

สนธิ - ว่าตอนแม่มีชีวิตอยู่เราไม่ได้ใช้ชีวิตกับแม่ เรื่องต่างๆ ที่ยุ่ง ธุรกิจร้อยล้านพันล้านหมื่นล้าน มันเรื่องขี้หมา ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับความสุขของแม่ แล้วคุณอยู่กับแม่ กตัญญูกับแม่มากเท่าไหร่ ธุรกิจคุณยิ่งไปได้ดีเท่านั้น

จินดารัตน์ - วันนี้ขอบพระคุณคุณสนธิ เป็นอย่างสูงเลยนะคะ ขอบคุณคะ
ขอบพระคุณนะคะคุณผู้ชม ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามชมรายการ วันนี้หมดเวลาแล้วนะคะ ลาไปก่อน พบกันใหม่วันจันทร์หน้า สวัสดีคะ










กำลังโหลดความคิดเห็น