xs
xsm
sm
md
lg

ไข่แม้วดาหน้าชำแหละผลงานรัฐ 6 เดือน ชี้เหลวไม่เป็นท่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปลอดประพส สุรัสวดี
“เพื่อไทย” รวมพลพรรคพวกจวกรัฐ ฟุ้งแถลงผลงาน 6 เดือนล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เย้ย 6 เดือนประชาชนผิดหวัง อัดราคาน้ำมันสูงทำชาวบ้านเดือดร้อน ติงเร่งรีบใช้เงินเท่ากับเปิดช่องทุจริต พร้อมจี้เปลี่ยนรมต.ดูแลเศรษฐกิจ แนะเร่งแก้ 9 ประเด็นร้อน ด้าน “ปลอดประสพ” ซัดไม่จริงใจแก้ปัญหาเกษตรกร เหน็บเอาพระออกจากป่ามันบาป วอนเปลี่ยนชื่อโครงการชุมนุมพอเพียง หวั่นรัฐทุจริตจนมัวหมอง ขณะ “เฉลิม” ป่วยงดร่วมชำแหละผลงาน 6 เดือนรัฐบาล

วันนี้ (10 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.15 น.ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทยร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้ติดตามการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือน โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรู้สึกว่าผลงานที่รัฐบาลแถลงอ้างว่าหลายล้านความสุขนั้น แต่พรรคเห็นว่าผลงานล้มเหลว ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการบริหารจัดการของรัฐบาลในการติดตามดูการบริหาร การแก้ไขปัญหา และหลายมาตรการไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด อีกทั้งหลายปัญหายังถูกละเลยไม่ได้รับการแก้ไข แม้แต่เรื่องความสมานฉันท์นั้นก็ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาล รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาการทุจริตในวงราชการ สาธารณสุข ปัญหาความมั่นคง ปัญหาต่างประเทศ และปัญหายาเสพติด จาก 6 เดือนที่ผ่านมานั้นประชาชนได้รับความสุขจากรัฐบาลจริงหรือ

ด้าน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นแล้วนั้น จากการวิเคราะห์ตัวเลขพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว เพราะหลายประเด็นไม่สามารถให้ความเห็นสอดคล้อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีที่ยังติดลบอยู่ ในส่วนของการส่งออกนั้นยังมีปัญหาและยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะโอกาสจะขยายตัวนั้นคงลำบาก อีกทั้งประสิทธิภาพการส่งออกก็ไม่ดีขึ้น ยังติดลบ ส่วนเงินเฟ้อนั้นตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานยังติดลบมาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่สภาวะเงินฝืด ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าการลงทุนติดลบหมด ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ประเทศทั้งภายในและภายนอก สะท้อนถึงผลในการจ้างงาน

นายปานปรีย์กล่าวต่อว่า ที่สำคัญคือผลกระทบต่อระดับรากหญ้า ดัชนีสินค้าการเกษตรยังตกต่ำอย่างน่ากลัว รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น ส่วนราคาน้ำมันนั้นจะเห็นได้ว่าในปี 2551 ราคาน้ำมันโลกอยู่ที่ 115 เหรียญแต่วันนี้อยู่ที่ 71 เหรียญซึ่งแตกต่างกันมากแต่ราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล กลับราคาสูงเหมือนเดิม จากนโยบายรัฐบาล 99 วันที่บอกว่าจะไม่สมทบเข้าเงินกองทุนน้ำมันนั้น ในส่วนนี้ก็ยังไม่ได้ลดเงินอุดหนุนเข้ากองทุนน้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่กระทบภาคการเกษตรจะพบว่าในวันที่ 6 สิงหาคมรัฐบาลยังเก็บภาษีสรรพสามิตอยู่ ไม่ได้มีการลด ในเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นในทุกวันนี้นั้น การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และการเพิ่มเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเป็นสาเหตุสำคัญในการทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในปีนี้มีราคาที่สูงกว่าราคาน้ำมันขายปลีกในปีที่แล้ว ดังนั้นการบริหารจัดการจึงไม่มีประสิทธิภาพและยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลมีนโยบายโครงสร้างน้ำมันในการเก็บภาษีน้ำมันและภาษีสรรพสามิตอย่างไร ทั้งๆ ที่ประชาชนได้รับเดือดร้อน

นายปานปรีย์กล่าวว่า ในส่วนของเงินกู้ 8 แสนล้านบาทของรัฐบาลนั้น มีความเป็นกังวลต่อประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกที่เบิกจ่ายไปเพียงแค่ร้อยละ51.76 เท่านั้น ทำให้เงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยเกินไป อีกทั้งการกู้เงินตาม พ.ร.บ.4 แสนล้านบาทนั้นก็ยังไม่ได้ตั้งโครงการลงทุนไว้ในขณะนี้ ซึ่งหากรีบเร่งมากเกินไปก็จะเป็นการเปิดช่องทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันได้ เพราะเป็นเงินจำนวนมากและอยู่นอกเหนือการพิจารณาของรัฐสภา อีกทั้งถ้าโครงการล่าช้าก็จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลต้องใช้ความละเอียดรอบคอบให้มาก

“เงินกู้ 8 แสนล้านที่ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 60 ของจีดีพี เป็นประเด็นใหญ่ที่รัฐบาลยังไม่ได้ให้คำตอบกับประชาชนเลยว่าจะหารายได้มาใช้หนี้จำนวนนี้อย่างไร วางแผนการชำระเงินกู้ก้อนนี้อย่างไร อีกกี่ปีจะชำระหนี้หมด รัฐบาลควรเร่งเสริมสภาพคล่องให้กับ SME โดยเร็วเพราะในปีนี้งบประมาณที่จัดสรรให้กับ SME และ OTOP มีเพียง 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับงบประมาณทั้งหมดที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ขอให้รัฐบาลกลับไปทบทวนทีมเศรษฐกิจ และหากจะเป็นไปได้ก็ควรปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีด้วย นอกจากนี้ โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท มีเพียงกลุ่มเดียวที่ได้ประโยชน์ แต่ประชาชนในชนบทไม่มีโอกาสได้เม็ดเงินนี้ ส่วนมาตรการ 6 เดือนถือเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนซึ่งเป็นผลจากรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนนโยบายเรียนฟรี 15 ปีนั้นเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับการกระคุ้นเศรษฐกิจใดๆ แม้แต่โครงการต้นกล้าอาชีพก็คงต้องไปตรวจสอบต่อไปว่า ในเรื่องเหล่านี้มีการเบิกจ่ายเงินไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

นายปานปรีย์กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 9 ประการที่ต้องทำให้สำเร็จเพื่อช่วยสร้างรายได้และผลักดันให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง ได้แก่ 1.สร้างเอกภาพให้กับทีมเศรษฐกิจให้ทำงานด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของภาคการเกษตรโดยเฉพาะแนวทางการแทรกแซงราคาสินค้า 3.นโยบายพลังงานต้องมีทิศทางที่ชัดเจน 4.วางแผนการลงทุนเงินกู้ 8 แสนล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพ 5.เลือกกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการที่เห็นผลได้จริง 6.เร่งรัดสินเชื่อสร้างสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ 7.เร่งรัดแก้ไขปัญหาภาคการท่องเที่ยวทั้งระบบ 8.ปรับปรุง แก้ไข กฎหมายและระเบียบต่างๆที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน และ 9.เร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน ซึ่งควรเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและคนยากจนเป็นลำดับแรก

นายปานปรีย์กล่าวด้วยว่า สรุปว่า 6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลกู้เงินจำนวนมหาศาลโดยขาดรายละเอียดของการใช้เงินและการคืนเงิน อีกทั้งในอนาคตจะเสนออีกหลายโครงการที่เป็นรัฐสวัสดิการแต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะหาเงินจากที่ใดเพราะต้องใช้เงินอีกมาก รัฐบาลนี้มีแต่เรื่องการใช้เงินเป็นหลักทำให้ประชาชนขาดความมั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยไม่สร้างหนี้สินล้นพ้นให้แก่ประเทศหรือไม่ เรื่องที่พอจะคาดหวังจากรัฐบาลได้มีเพียงเรื่องเดียว คือ ความสุจริต โปร่งใส ในการดำเนินงาน แต่ถึงวันนี้ความหวังเริ่มเลือนลางและสร้างความผิดหวังแก่ประชาชน พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ที่ผ่านมา 6 เดือนผลงานรัฐบาลยังไม่ดีพอ ต้องเร่งปรับปรุง แก้ไขและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ขณะที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลงานด้านการเกษตรนายกรัฐมนตรีได้แถลงว่า มีการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ของเกษตรกรซึ่งทำให้ 1.5 ล้านครอบครัวเกษตรกรได้ประโยชน์นั้น ต้องขอบอกว่าไม่เป็นความจริง เพราะจากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุดัชนีราคาการเกษตรลดลง เกษตรกรขาดทุนหมดแล้ว สรุปแล้ว 6 เดือนรัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาด้านเกษตร ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งรัฐมนตรีของกระทรวงที่เกี่ยวข้องไม่ได้ลงไปแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รัฐบาลรู้ไม่จริงในการเข้ามาบริหาร

นายปลอดประสพกล่าวด้วยว่า ที่รัฐบาลจะเข้าไปแก้ปัญหาที่ทำกินโดยจะใช้โฉนดชุมนุมและแบ่งเขตพื้นที่ทำกินจากป่าเสื่อมโทรมนั้น รัฐบาลอาจจะทำไม่สำเร็จหากรัฐมนตรี 3 คน คือนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายถาวร เสนเนียน รมช.มหาดไทย และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน อีกทั้งกรณีที่กระทรวงทรัพยากรฯ พยายามสำรวจแผนที่ใหม่ รวมถึงมีการของบกองทุนสิ่งแวดล้อมกว่า 2,000 ล้านบาทนั้นก็มีปัญหาความไม่โปร่งใส เป็นเรื่องที่น่าห่วง นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่นายสุวิทย์ระบุว่าจะเอาพระออกจากพื้นที่ป่าทั้งหมดด้วยนั้น ขอเตือนว่ามันบาป ขนาดตนเคยพังบ้านรัฐมนตรีมาแล้วยังไม่กล้ากับพระ เพราะกลัวบาป

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมนุมพอเพียงที่ส่อว่าอาจมีการคอร์รัปชันนั้น วันนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มองการทุจริตว่ามาจากภาคประชาชนและเป็นผลต่อเนื่องจากโครงการของรัฐบาลที่ผ่านมา ถึงวันนี้รัฐบาลยังเชื่อว่าโครงการจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่พรรคเพื่อไทยมองว่าผลการบริหารล้มเหลวสิ้นเชิง ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจชุมนุมในการต่อยอดและไม่เกิดขึ้นจริงเพราะไปกระตุ้นเฉพาะกระเป๋าของกลุ่มคนบางคนเท่านั้น ขอเสนอไปยังรัฐบาลในการบริหารกระตุ้นเศรษฐกิจชุมนุมว่า จะต้องระงับการดำเนินโครงการต่างๆ จนกว่าจะหาต้นเหตุและหาผู้กระทำผิดให้ได้ก่อน อย่าเบี่ยงเบน รวมทั้งต้องปรับปรุง ปิดช่องว่างในการแสวงหาประโยชน์ก่อนที่จะเกิดโครงการตามปรัชญาหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพราะถ้ายังเดินหน้าต่อไปและปล่อยให้เกิดความเสียหายก็ขอให้เปลี่ยนชื่อโครงการนี้ อย่าสร้างความมัวหมองกับเรื่องนี้อีกต่อไปในการนำเงินงบประมาณมาผลาญให้เสียหาย เพราะเกรงจะเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่สมคบคิดเป็นกระบวนการ ส่อเค้าเสียหายหลายพันล้านบาท ยืนยันว่าพรรคจะเดินหน้าติดตามเรื่องนี้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เดิมมีการแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย แต่ได้รับแจ้งจากเลขาส่วนตัวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ป่วยเป็นไข้หลังจากลงพื้นที่เปิดศูนย์ประสานงานของพรรคในต่างจังหวัด ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น