รัฐบาล “มาร์ค” ตีปิ๊บแต่หัวค่ำเตรียมแถลงผลงานรัฐบาล “6 เดือน กว่า 100 มาตรการหลายล้านความสุข” หลังถือเคล็ดตัวเลขสัญลักษณ์ “ซาตาน 666” แจกสื่อ จัดพิมพ์ “เรื่องเล่าริมรั้ว” แจกประชาชน 2 แสนเล่ม หวังตีแผ่ผลงาน 6 เดือน แถม “ช็อตเด็ดปาปาราสซี” ตามติดภารกิจนายกฯ
วันนี้ (5 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 5 ส.ค.เจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำเอกสาร และหนังสือ “6 เดือน กว่า 100 มาตรการหลายล้านความสุข” ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2552 โดยมีความหนา 41 หน้า โดยปกหลังของหนังสือเป็นสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำพรรคประชาธิปัตย์ มีตัวหนังสือสีขาวกลางหน้าเขียนไว้ว่า “ความสุขของคนไทย คือเป้าหมายของรัฐบาล”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือดังกล่าวประกอบด้วยภาพ 4 สี แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 1.การแก้ไขและบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจที่มีต่อประชาชน 2.การสร้างความเชื่อมั่น และการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศ และการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย 3.การวางรากฐานการพัฒนาในอนาคต 4.การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า 5.การดำเนินการตามข้อเรียกร้องของประชาชนและองค์กรภาคประชาชน
ส่วนแรก การแก้ไขและบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจที่มีต่อประชาชน ประกอบด้วย การสร้างรายได้ เป็นการสร้างรายได้และศักยภาพเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง การช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพื่อสร้างหลักประกันรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.เชิงรุก) และการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร สำหรับการลดค่าใช้จ่ายและการลงทุนทางสังคมเชิงรุก ประกอบด้วย โครงการเรียนฟรี 15 ปี มาตรการการลดและช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน และโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน
ทั้งนี้ ยังมีการบรรเทาการว่างงาน และเตรียมคนสำหรับการพัฒนาในอนาคต ประกอบด้วยโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (ต้นกล้าอาชีพ) และการแก้ขัญหาการว่างงานและการชะลอการเลิกจ้างงาน นอกจากนี้ ยังมีการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม( SMEs) โดยมีมาตรการด้านการเงิน มาตรการด้านภาษี และมาตรการสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ 2 การสร้างความเชื่อมั่น และการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศ และการสร้งความสมานฉันท์ในสังคมไทย ประกอบด้วย การเร่งสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศไทย และการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย สำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลในส่วนที่ 3 การวางรากฐานการพัฒนาในอนาคต ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การเร่งรัดการลงทุนขนาดใหญ่ การสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน การจัดตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ และการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของรัฐบาล ในส่วนที่ 4 การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้านั้น รัฐบาลได้มีมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 และผลการดำเนินงานของรัฐบาลในส่วนที่ 5 การดำเนินการตามข้อเรียกร้องของประชาชนและองค์กรภาคประชาชน ได้แก่ การดำเนินการเรียกร้องของ เครือข่ายสมัชชาคนจน เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง
สำหรับเนื้อหาช่วงท้ายของหนังสือยังได้สรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่สำคัญในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในภาวะเร่งด่วน ซึ่งมีที่มาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ นับได้ว่าผลการดำเนินงานของรัฐบาลในระยะที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและเร่งด่วน ทั้งในการแก้ไขบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มาจากภาวะวิกฤติที่ได้มุ่งเน้นการสร้างรายได้ การลดค่าใช้จ่ายและการลงทุนทางสังคมในเชิงรุก การบรรเทาการว่างงาน การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม (SMEs)
เอกสารระบุด้วยว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศให้ดีขึ้นในสายตาของประชาคมโลก รวมทั้งการสร้างความตระหนักในกลุ่มประชาชนชาวไทยให้สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกด้วย ขณะเดียวกันเมื่อเกิดการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนได้บรรเทาเบาบางลงแล้ว รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป โดยปัจจุบันได้เริ่มดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 หรือไทยเข้มแข็ง2555 ซึ่งมีองค์ประกอบการลงทุนในระยะปานกลางและระยะยาว เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศในสาขาสำคัญที่จะมีส่วนในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งวางรากฐานในสังคมเพื่อสวัสดิการและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในวงกว้างอย่างยั่งยืนตลอดไป
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมเอกสารเพื่อแจกจ่ายประชาชน ชื่อ “เรื่องเล่าริมรั้ว” เป็นหนังสือชี้แจงผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งแต่เดือน มกราคม+มิถุนายน 2552 โดยจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 200,000 เล่ม และจะเริ่มแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทันที สำหรับเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้มีการเปิดใจนายกฯ ถึงวันแรกที่เข้ามาบริหารประเทศ ความแตกต่างหลังจากบริหารงานครบ 6 เดือน ความคาดหวัง และผลงานในอนาคต รวมทั้งยังมีเนื้อหาส่วนที่เน้นย้ำถึงนโยบายที่ได้ดำเนินไปอย่างบรรลุผล อาทิ นโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยมีบทสัมภาษณ์วิธีการใช้เบี้ยยังชีพอย่างมีความสุขภายใต้คอนเซปต์ “500 บาท 500 อย่าง” ของผู้สูงวัย
ด้านนโยบายเงินตอบแทน อสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ซึ่งจะชี้แจงถึงบทบาทหน้าที่ว่าเหตุใดจึงต้องจ่ายเงินตอบแทนให้ นโยบายเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตร เช่น การเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 745 จุด การรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง การแทรกแซงราคาตลาดมันสำปะหลัง การแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด และการตรึงราคาปุ๋ยให้อยู่ในราคาเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้คอนเซปต์ “บ้านไร่ไชโย”
ด้านนโยบายเรียนฟรีที่รัฐช่วยอุดหนุนค่าเล่าเรียน ชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน นโยบาย 5 มาตรการ ซูเปอร์เซฟ ประกอบด้วย รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี น้ำประปะฟรี ไฟฟ้าฟรี และใช้แก๊สแอลพีจีมีแต่คุ้ม นโยบายต้นกล้าอาชีพ ที่อธิบายถึงจุดประสงค์หลักสำหรับให้ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการได้พัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน เพื่อสามารถยังชีพได้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยรายละเอียดของปฏิบัติการไทยเข้มแข็งซึ่งเป็นภารกิจล่าสุดที่รัฐบาลทำ โดยนโยบายดังกล่าวได้ครอบคลุมถึง 7 สาขา ได้แก่ 1.แผนปรับปรุงการกระจายน้ำพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม 2.แผนพัฒนาบริการสาธารณะและยกระดับคุณภาพชีวิต 3.แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 4.แผนงานพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ 5.แผนยกระดับการศึกษา 6.แผนปฏิรูปสาธารณสุข 7.แผนยกระดับรายได้และพัฒนาชีวิตให้พี่น้องจังหวัดชายแดนใต้
ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ อาทิ นโยบายเร่งสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติให้เกิดขึ้น ในคอลัมน์ “เสียงจากใต้” นโยบายด้านต่างประเทศ ในคอลัมน์ “โลกจ้องมองไทย” โครงการพัฒนาชุมชนของตัวเอง ในคอลัมน์ “เที่ยวไปในชุมชนพอเพียง” ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไข้หวัด 2009 ในคอลัมน์ “เกาะติดไข้หวัด 2009” และภาพถ่ายของคณะรัฐมนตรีในการทำภารกิจต่างๆ ในคอลัมน์ “ช็อตเด็ดปาปาราสซี”