ทีม กม.เพื่อแม้วยัวะ “ชวรัตน์-ปลัด มท.” ตั้งโต๊ะถอนรายชื่อฎีกาอภัยโทษ นช.ทักษิณ เตรียมร้อง ป.ป.ช. 5 ส.ค. โวยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา พร้อมปูดญาติ รมต.ปชป.ทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ร้อง รบ.ชะลอเบิกจ่ายงบโครงการดังกล่าว
วันนี้ (2 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 10.15 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงล่าชื่อประชาชนการถวายฎีกาอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้การล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกา มีการคัดค้านจากที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.) รวมทั้งรัฐบาล กองทัพ และกระทรวงมหาดไทย ก็คัดค้านเช่นกัน แต่ขณะนี้ประเทศปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย เมื่อประชาชนรวบรวมชื่อ 5 ล้านกว่ารายชื่อ จึงไม่ควรมาปิดกัน เพราะเป็นสิทธิของประชาชน และเป็นพระราชอำนาจ ไม่อยากให้ชนชั้นอำมาตยาธิปไตย มาขัดขวาง หรือมากำหนด เพราะประชาชนมี 1 เสียง 1 สิทธิเท่ากัน ไม่เช่นนั้นจะสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง เกิดวิกฤตซ้ำขึ้นมาอีกได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่ รมว.มหาดไทย ออกคำสั่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ทุกจังหวัด ตั้งโต๊ะให้มีการถอนชื่อการถวายฎีกา เป็นการสร้างความแตกแยกให้ประชาชน พรรคมองว่าการกระทำดังกล่าวของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่โยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา 157 และ ประมวลวิธีพิจารณาความตามมาตรา 259 โดยพรรคจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการกับทั้ง รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และเป็นการละเมิดพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 191 รวมถึงเป็นการล่วงละเมิดเสรีภาพของพระองค์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 108 ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
“ในวันพุธที่ 5 ส.ค. 10.00 น. จะไปยื่นต่อป.ป.ช. วันนี้รัฐบาลและอธิการบดี เป็นคนฉลาด นายกฯ รมว.มหาดไทย มี 1 เสียง วันนี้กระทรวงมหาดไทย ต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ เพราะไม่มีประชาชนมาร่วมลงชื่อขอถอนการถวายฎีกาคนที่ออกมาคัดค้านวันนี้ช่วยเหลืออะไรชาวบ้านเหล่านี้บ้าง”นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้ พรรคได้รับโทรสารจากประชาชน อ.วังชิ้น จ.แพร่ เป็นรายละเอียดขอให้ผู้ไม่เห็นด้วยกับการถวายฎีกาพระราชทานอภัยโทษมาลงชื่อขอถอนถวายฎีกา โดยมีเนื้อหาในการลงชื่อได้ระบุ ว่า ผู้ที่มาลงชื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ด้วยความสมัครใจ โดยมีการอ้างถึงการลงชื่อถวายฎีกาจะเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท และการถอนชื่อเป็นการยืนยันในความจงรักภักดีต่อสถาบัน และเป็นการเรียกร้องให้บ้านเมืองมีความสมานฉันท์โดยยึดหลักของกฎหมาย
