โฆษก ชทพ.หนุนนายกฯ แจงชาวบ้านถวายฎีกาขอภัยโทษ “แม้ว” ทำไม่ได้ จี้ผู้เกี่ยวข้องต้องอดทนอย่ายั่วยุสร้างความแตกแยก วอน “พ.ต.ท.ทักษิณ-ครอบครัว” ประกาศยุติ ชี้จุดยืนพรรคไม่นำมาเป็นประเด็นหาประโยชน์ทางการเมือง พร้อมวอน “อภิสิทธิ์” แสดงท่าทีให้ชัดแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ประกาศพรรคหนุนแก้รัฐธรรมนูญเต็มที่
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พรรคเฝ้ามองและจับตาการยื่นถวายฎีกาให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยความห่วงใยและวิตกกังวลอย่างมากว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ เพราะการถวายฎีกาไม่เข้าหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย และธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติ ซึ่งต้องเป็นผู้ต้องโทษ และญาติโดยตรง อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้เดินทางมารับโทษ จึงไม่สามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่สมควรถวายฎีกา เพราะไม่มีผล และที่สำคัญคือจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวว่า พรรคขอประกาศจุดยืนคือสนับสนุนจุดยืนและท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่จะอธิบายให้พี่น้องประชาชนทราบถึงขั้นตอนและข้อเท็จจริงทางกฎหมายว่ากรณีดังกล่าวว่าไม่เข้าเกณฑ์อย่างไรบ้าง แต่ขอเรียกร้องให้นายกฯ และผู้เกี่ยวข้องอธิบายด้วยความอดทน อดกลั้นไม่ยั่วยุ และปราศจากอคติใดๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชนสีใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ เพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้งที่มีอยู่มากอยู่ในปัจจุบัน และขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณชัดเจนผู้รวบรวมรายชื่อถวายฎีกาเพื่อให้ยุติ หรือชะลอการถวายฎีกาออกไป เพราะจะเป็นการพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ เพราะท่านและครอบครัวชินวัตรก็ประกาศตัวว่าไม่ใช่ผู้เสนอและไม่ได้ประสงค์ในการถวายฎีกาครั้งนี้
“ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ ทั้งฝ่ายสนับสนุน และคัดค้าน ได้คำนึงถึงความเหมาะสมและระมัดระวังท่าทีที่อาจดึงให้สถาบันที่เคารพสูงสุดของเราต้องตกอยู่ในวังวนทางการเมือง และผลักดันให้พี่น้องคนไทยแตกแยกกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พรรคชาติไทยพัฒนายืนยันว่าจะไม่นำเอาประเด็นดังกล่าวมาเป็นประเด็นหากินทางการเมือง หรือหาผลประโยชน์ทางการเมือง เราจะไม่แสดงอาการหรือท่าทีใดๆ ที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกของประชาชน แต่เรายืนยันว่าจะดำเนินตามนโยบายพรรคตั้งแต่ต้นคือการจงรักภักดี และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ อยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละหลายๆ ก้าว หรือหาทางอื่นที่เหมาะสมเพื่อเป็นการถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว” นายวัชระกล่าว
นายวัชระยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงท่าทีให้ชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า แม้นายอภิสิทธิ์จะสวมหมวก 2 ใบ คือ การเป็นนายกฯ และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคชาติไทยพัฒนาก็คาดหวังว่านายอภิสิทธิ์จะแสดงท่าทีที่ชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในฐานะของการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่อย่างที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะอยู่ในภาวะที่ได้เปรียบและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากรัฐธรรมนูญปี 2550
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวต่อว่า หลังจากที่นายกฯนัดพบกับพรรคร่วมรัฐบาลและเห็นตรงกันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภานั้น พรรคชาติไทยพัฒนาก็อยากฝากความหวังในเรื่องนี้ไว้ที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้นายชัยจะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ไม่ได้เพราะต้องทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง แต่พรรคชาติไทยพัฒนาก็หวังว่าในฐานะที่ท่านเป็นนักการเมืองมายาวนานก็คงเข้าใจ และมองเห็นภาพรวมในความบกพร่องและผิดพลาดบางประการของรัฐธรรมนูญ และหวังว่าประธานสภาฯคงจะใช้มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เข้าชื่อเพื่อขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
นายวัชระกล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนายืนยันว่าเราจะเดินหน้าต่อไปเพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ แต่ก็ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสงบสุขของประเทศชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนาได้ยืนยันมาตลอดว่าไม่จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็น หากประเด็นไหนที่ยังมีข้อขัดแย้งก็สามารถนำมาศึกษาได้ ซึ่งกรุงเทพโพลล์ได้สอบถามความเห็นของประชาชนร้อยละ 90 ก็เห็นว่าหากประเด็นไหนยังมีความขัดแย้งอยู่ก็ควรนำไปทำประชาพิจารณ์ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนทั้งประเทศ