xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” จี้ “มาร์ค” กล้าลงดาบ “พัชรวาท” แต่งตั้งโยกย้ายผิด กม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประพันธ์ คูณมี
“ประพันธ์” ชี้เหตุปลด “พัชรวาท” แต่งตั้งโยกย้ายผิด กม.สะกิดนายกฯ มีอำนาจลงดาบได้ไม่ต้องรอ ป.ป.ช.ชี้มูล เผยเหตุ “มาร์ค” ยึกยัก เพราะพรรคร่วมกดดัน แนะต้องกล้าเป็นผู้นำ ปชช.อย่าเอาอนาคตของบ้านเมืองไปผูกติดกับใครบางคน



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว” 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น.วันที่ 23 กรกฎาคม โดยมี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาร่วมพูดคุยถึงสาเหตุการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

นายประพันธ์ กล่าวถึงคำถามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ถามว่า ทำไมต้องปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เขาทำผิดอะไร ว่า (1) ใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 (2) การจัดซื้อจัดจ้าง งบประชาสัมพันธ์ 18 ล้าน (3) ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เรื่องไม่มีความคืบหน้า และอีกเรื่อง คือ การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรับปรุงโครงสร้างกองบัญชาการใหม่ และเพิ่มตำแหน่งพลตำรวจอีกหลายตำแหน่ง ซึ่งตามปกติการกระทำดังกล่าวมาตรา 10 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ระบุไว้ว่า ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เมื่อตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแล้ว ก็ต้องนำขึ้นโปรดเกล้าฯ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ทำการร่วมประชุมแต่งตั้งนายพล 500 ตำแหน่ง พร้อมกับทำบัญชีนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ในขณะที่กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้ ดังนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดเต็มประตู ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว การกระทำดังกล่าวยังบกพร่องอย่างร้ายแรงต่อการบริหารราชการแผ่นดินอีกด้วย

“หนังสือที่สำนักนายกฯ ส่งมาถึง ผบ.ตร.เป็นหนังสือที่ให้มารับเรื่องคืน เพราะสำนักพระราชวังไม่ได้ลงพระพระปรมาภิไธย โดยได้ให้ความเห็นมาด้วยว่า ไม่สามารถลงพระปรมาภิไธยเพื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ด้วยเหตุอะไร อย่างไรก็ดี ตอนนี้มีปัญหาว่าได้เกิดไฟไหม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฉพาะห้องผู้ที่มีหน้าที่ดูแลเอกสารเหล่านี้ จึงเป็นหน้าที่ของ รมว.กลาโหม ที่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริง” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า การที่นายกฯ พูดว่า ผมระงับเรื่องหมดแล้ว ซึ่งจะพูดง่ายๆ อย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ที่บังอาจกล้าทำสิ่งที่มิบังควรโดยการนำเสนอรายชื่อทูลเกล้าฯแต่งตั้ง ทั้งๆ ที่กฎหมายยังไม่ถึงกำหนดบังคับใช้ และอีกอย่างการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นข่าวฉาวโฉ่ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีการวิ่งเต้น มีเด็กฝาก มีการเอาพรรคพวกตัวเองเพื่อวางตำแหน่งให้ฝ่ายการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น นายกฯในฐานะที่เป็นประธาน ก.ตร.จะเพิกเฉยไม่ได้ และสามารถสั่งปลดได้ทันที เพราะผู้กระทำผิดมีฐานะเป็นลูกน้องที่ต้องอยู่ในกำกับดูแล ไม่จำเป็นต้องรอให้ ป.ป.ช.ชี้มูล เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก นำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศชาติ และบั่นทอนกำลังใจตำรวจดีๆ

“หากนักข่าวสวมวิญญาณตามวิชาชีพของตนเอง เรื่องนี้เป็นข่าวที่น่าสนใจมาก ว่า ทำไมไฟถึงไหม้ห้องผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้มีหน้าที่ดูแลบัญชีเอกสารการแต่งตั้งโยกย้าย ดังนี้ เมื่อนักข่าวไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสำนักนายกฯ และสำนักพระราชวัง ก็ต้องสอบถามข้อข้อมูล ว่า การแต่งตังโยกย้ายดังกล่าวไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯเพราะเหตุใด ซึ่งทั้งสามจุดนี้ สื่อมวลชนสามารถที่จะติดตามข้อมูลได้ ซึ่งไม่น่าจะเกินความสามารถของสื่อที่จะหาข้อมูลมาเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นายกฯต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ในกรณีที่ไปงานเลี้ยงพบปะนักธุรกิจจีน ที่พัทยา มีหลายคนให้ข้อมูล ยืนยันว่า การไปครั้งนี้ นายกฯ และ นายสุเทพ ได้ไปพบ รมว.กลาโหม และผู้อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็เป็นข้อครหาที่ประชาชนพูดถึงกันมาก ว่า การไปพบกัน มีการต่อรอง บีบบังคับ ทำนองว่า ถ้าปลด พล.ต.อ.พัชรวาท พรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ดี ยังเป็นที่น่าปลื้มใจอยู่ ที่นายกฯ ไม่ได้มีท่าทียอมรับข้อเสนอในเรื่องนี้ เพราะยังแสดงจุดยืนว่า ถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากนายกฯ ยอมให้พรรคการเมืองบางพรรคจับมือกับผู้นำทางทหารบางคน มาแบล็กเมล์ ข่มขู่ทางการเมืองได้ นายกฯ ก็อยู่ในสถานะบริหารบ้านเมืองยาก และทำให้สูญเสียสภาวะการเป็นผู้นำในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งวันนี้หากมีบางพรรคยอมถอนตัวไป ตนเชื่อว่า ยังมีพรรคการเมืองอีกหลายพรรคที่อยากเข้าร่วมรัฐบาล

นายประพันธ์ กล่าวว่า การที่นายกฯ ยับยั้งชั่งใจ ยังไม่ปลด พล.ต.อ.พัชรวาท มีเหตุปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่าง ไม่ใช่เฉพาะปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่สมควรถูกปลด แต่มันถูกโยงไปถึงคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งผลจากการสืบสวนอาจโยงไปถึง ผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เป็นบุคคลสำคัญหลายท่าน อีกทั้งมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ทำตัวมีบุญคุณ ข่มขู่ จะถอนตัวจากพรรคร่วม หากปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ฉะนั้น กระบวนการทางการเมืองขณะนี้ จึงไม่เป็นไปตามปกติ หากนายกฯตัดสินใจโผงผางไป อาจมีผลกระทบทางการเมือง จึงเป็นเหตุทำให้ต้องคิดอย่างหนัก ส่อให้เห็นถึงความไม่มั่นใจ ขณะที่สถานการณ์ขณะนี้ต้องการความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ และสภาวะความเป็นผู้นำที่สูงยิ่ง ดังนี้ หากนายกฯ ต้องกล้าตัดปัญหาตัวบุคคลที่นำพาให้พรรคเสียหาย หรือเกรงใจตัวบุคคล มากกว่าคำนึงถึงความเสียหายต่อพรรค ต่อประเทศ

“คนที่เป็นผู้นำประเทศ อย่ายอมให้กลุ่มอำนาจทางการเมือง มาขู่ แบล็กเมล์ หากพรรคการเมืองเหล่านี้จะออกไป นายกฯต้องยอมตัดใจ เพราะท่านจะอยู่อย่างมีเกียรติ ดีกว่าจะยอมจำนน ถูกแบล็กเมล์ ข่มขู่อยู่ร่ำไป ซึ่งตรงนี้มันไม่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติเลย อีกอย่างเรื่องนี้ไม่กี่วัน ป.ป.ช.ก็จะชี้มูล ไม่กี่วัน สื่อก็จะขุดคุ้ยมาตีแผ่ว่าบัญชีราชชื่อมันผิดไม่ผิด ถึงวันนั้นนายกฯ ก็ต้องตัดสินใจ หากไม่ตัดสินใจ ก็จะกลายเป็นว่ารู้แล้วละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้นายกฯต้องตัดสินใจในเชิงรุก ดีกว่าที่จะรอให้มันมาบีบจนต้องตัดสินใจ” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปรากฏให้เห็นถึงผู้ร่วมกระบวนการ ที่ทำให้มีผลกระทบเชื่อมโยงไปถึงการเมือง เนื่องจากไปเกี่ยวพันทั้งผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจทางการเมืองที่ร่วมรัฐบาลในขณะนี้ และที่มีอำนาจอยู่นอกรัฐบาล แต่มีส่วนค้ำจุนการเมือง ด้วยเหตุนี้การเมืองปัจจุบันจึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ มีนักวิเคราะห์ทางการเมือง บอกว่า ให้จับตาการชุมนุมของเสื้อแดง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ อาจก่อความวุ่นวาย รุนแรง เพื่อจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติ หรือใช้อำนาจนอกระบบ จัดการล้มกระดาน หรือล้มล้างอำนาจที่เป็นอยู่นี้

“คนที่สูญเสียอำนาจไปเปรียบเสมือนผู้ร้าย เปรียบเสมือนโจร วันนี้เขาทำให้คนที่อยู่ในอำนาจและกุมกลไกรัฐ เป็นผู้ร้ายร่วมกับเขา ส่อให้เห็นถึงอันตรายที่ว่า เมื่อคนเหล่านี้ไปลงเรือโจรร่วมกัน และกำลังถูกประชาชนไล่ล่า ถูกอำนาจกฎหมายบ้านเมืองจัดการ ในที่สุด จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้หันไปร่วมเมือกัน เพื่อกระทำบางสิ่งบางอย่าง อย่างไรก็ดี หากคนเหล่านี้พยายามทำการที่ไม่อยู่ในกรอบกฎหมาย เพื่อป้องกันตนเอง จากเงื้อมมือกฎหมาย ก็อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อบ้านเมืองได้ ดังนี้ ตนได้แต่ภาวนา หวังว่า ผู้ที่มีในเป็นธรรม หรือผู้ที่รักบ้านเมือง คงไม่ประมาทเพิกเฉย และพี่น้องประชาชนจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะคนเหล่านี้ยังกล้าฆ่า นายสนธิ ได้ จึงก็ไม่แปลกใจที่คนเหล่านี้จะกล้าทำความเลวความชั่ว มากกว่าเดิมอีกเมื่อถึงตาจน” นายประพันธ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น