“ชาวระยอง” ล่าชื่อชาวบ้านเกือบ 4,000 คน ร้อง “มาร์ค” ขอให้ตรวจสอบโครงการสร้างศูนย์กำจัดขยะแบบครบวงจร อ้างได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งไม่ทำประชาพิจารณ์ก่อน เชื่อมีหมกเม็ด หลังมีชื่อ “ส.ส.ปชป.” ชื่อดัง รวมหัวมาเฟียเอี่ยวผลประโยชน์ทับซ้อน
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี มีตัวแทนชาวบ้านจากจังหวัดระยอง ประมาณ 50 คน รวมตัวกันเพื่อนำรายชื่อประชาชน พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 3,600 คน เพื่อคัดค้านการก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรของจังหวัดระยอง นำโดยนายสนิท พุทธสังข์ ตัวแทนชาวบ้านเป็นผู้ประสานงาน
นายสนิทเปิดเผยว่า กลุ่มชาวบ้านที่มาในวันนี้ได้รวบรวมรายชื่อใน ต.น้ำคอก อ.เมือง ต.ทับมา อ.เมือง ต.หนองสะพาน อ.บ้านค่าย และต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง พร้อมผังการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เข้ายื่นขอความช่วยเหลือจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติงานจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ไม่มีการแจ้งข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ อีกทั้งยังมีการปกปิดข้อมูลข่าวสาร ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายสนิทกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการจัดทำผลการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเป็นเท็จ ด้วยการว่าจ้างนายพงษ์ชนิช ชูวิรัช อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งโครงการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2552 โดยมีนายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพี่ชายของนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ผลักดันโครงการ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความเคลือบแคลงสงสัยว่าโครงการดังกล่าวจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากการซื้อที่ดินจำนวน 400 ไร่เศษ ผ่านการรู้เห็นของคนในตระกูลของนายสาธิต ทั้งที่พื้นที่โครงการเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและเป็นแหล่งซับน้ำ อีกทั้งระบบนิเวศทางชีวภาพยังอุดมสมบูรณ์ และในบางพื้นที่ยังสงสัยว่าเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์อีกด้วย
ทั้งนี้ พื้นที่ของโครงการยังอยู่กลางชุมชนใน 4 ตำบล และครึ่งหนึ่งถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษ จ.ระยอง นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่าทางผู้ว่าราชการจังหวัดพยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสารพยายามผลักดันโครงการโดยไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในเขตพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของผู้มีอิทธิพลบางคนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน เห็นว่าไม่มีความปลอดภัยจึงขอให้นายกฯ เข้าช่วยเหลือแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้มอบหมายให้นายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง รับเรื่องแทน และจะนำไปให้นายกฯ พิจารณาต่อไป