ทีมโฆษก ปชป.ออกโรงสอนมวยเพื่อไทย ชี้นายกฯ มีอำนาจใช้ พ.ร.บ.ราชการแผ่นดิน ดูแลคดีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ศอกกลับไข่แม้วมักจะแทรกแซงดีเอสไอ เซ็งผลสำรวจเอแบคโพลล์แปรผันไปตามอารมณ์ เย้ย “ทักษิณ” ออกทีวี 100 ช่อง สบช่อง กทช.ยังค้างคา ขู่ออนแอร์ปลุกระดมเจอดีแน่ รับทีมงาน “มาร์ค” มือโพสต์ทวิตเตอร์จริง แต่เพราะความหวังดี
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่รัฐสภา นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่น กกต.ตรวจสอบนายกฯ แทรกแซงการทำหน้าที่ของตำรวจในคดีการลอบฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่านายกฯ ไม่ได้มีพฤติกรรมแทรกแซงการทำงานของตำรวจ โดยนายกฯ มีหน้าที่ดูแลทุกหน่วยงานให้ใช้กฎหมายให้เคร่งครัด เพื่อให้ทุกคดีเดินหน้าไปได้ด้วยดี ไม่ให้ใครมาขัดขวางการตรวจสอบได้ กรณีคดีของนายสนธิ นายกฯ มีหน้าที่ดูแล ไม่เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยพยายามแทรกแซงการตรวจสอบการบริจาคเงิน 258 ล้านบาท ให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยพยายามให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หยิบยกมาเป็นคดีพิเศษ แต่ทำไม่สำเร็จ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจในความเป็นอิสระของ กกต.ในการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และขอยืนยันว่า พรรคได้ดำเนินการทุกอย่าง ชี้แจงแหล่งที่มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีเงินที่ได้รับจากทีพีไอ เพื่อใช้ในการเลือกตั้งเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์เลย ตามที่ดีเอสไอพยายามให้ข่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงผลสำรวจของเอแบคโพลล์ ที่ระบุว่าความนิยมในตัวของนายอภิสิทธิ์ น้อยกว่าความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า พรรคน้อมรับผลดังกล่าว แต่ทุกผลสำรวจ จะแปรผันไปตามอารมณ์และความรู้สึกของประชาชน ซึ่งในช่วงที่ทำการสำรวจนี้ ได้มีการทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จนถึงจุดสูงสุด ขณะที่ช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่ประชาชน ไม่มั่นใจทิศทางการควบคุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงมีผลต่อการสำรวจ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาประชาชนต่อไป
นพ.บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงข้อวิจารณ์นายอภิสิทธิ์ นายกฯ เดินสายเปิดงานมากเกินไปว่า ยืนยันว่า ที่ผ่านมานายกฯทำหน้าที่ได้ดี ในการทำความเข้าใจต่อประชาชน ซึ่งในการเปิดงานทุกครั้งจะมีการทำความเข้าใจกับประชาชนไปด้วย ซึ่งเป็นการทำควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายที่เข้มแข็งและการทำงานหนักของนายกฯ ซึ่งเป็นวินัยเฉพาะตัวของนายกฯ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในรายการชุมชนคนรักอุดรฯว่านายกฯควรจะทำตัวเป็นเซลล์แมนมากกว่าติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณในพื้นที่ต่าง ซึ่งการที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศไปในฐานะหัวหน้าทีมประเทศไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ โดยมีสมาชิกร่วมทีมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เศรษฐกิจและทูตานุทูต ส่วนการติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการดำเนินการตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่หลบหนี การคงไม่ต้องไปติดตามตัวถึงต่างประเทศ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเตรียมออกทีวี 100 ช่องเพื่อขายสินค้าโอทอป เสนอชีวิตของคนจน และติวเตอร์นักเรียนว่า โครงการนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนการออกทีวี 100 ช่องถือเป็นการอาศัยช่องว่างในช่วงที่กฎหมายกิจการโทรคมนาคมยังค้างอยู่ที่สภา ดังนั้น หากการออกทีวีโดยไม่มีการปลุกระดมสร้างความแตกแยก ก็เป็นเรื่องที่กทช.ต้องดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ถ้ามีการยั่วยุให้คนทำผิดกฎหมายหรือพาดพิงสถาบัน รัฐบาลก็จะไม่ยอมให้ใครดำเนินการโดยเด็ดขาด และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปิดกั้นในทีวีดังกล่าว หากเนื้อหาไม่ยุยงให้ทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามการจัดงานแซยิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรครู้สึกไม่สบายใจที่ยังมีการนำความขัดแย้งมาบิดเบือนข้อเท็จจริง เช่นการบิดเบือนข้อมูลเหตุการณ์การชุมนุมที่พัทยา กระทรวงมหาดไทย และดินแดง แต่ภาพรวมรัฐบาลเห็นว่า การส่งสัญญาณของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการสร้างความปรองดองถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ยืนยันว่าการสร้างความปรองดองดังกล่าวจะไม่เกี่ยวกับคดีอาญา
นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีที่นายกฯ อวยพร พ.ต.ท.ทักษิณผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำของคณะทำงานของนายกฯ ที่เป็นลักษณะอาสาสมัครที่ไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งเขามีเจตนาดี และได้นำคำพูดของนายกฯ ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์เข้าไปโพสต์ และได้มีความพยายามประสานงานกับนายกฯแล้ว ประสานไม่ทันทำให้ข้อความออกไปก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามเรื่องนี้อยู่
เมื่อถามว่าวันเกิดนายอภิสิทธิ์ในวันที่ 3 ส.ค.นี้จะมีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่แบบ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ตามปกตินายอภิสิทธิ์จะใช้เวลาในการฉลองวันเกิดด้วยการไปที่บ้านทีกาจนาภิเษก ซึ่งเป็นที่พักของผู้ด้อยโอกาสจากนั้นในช่วงเย็นจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวไม่มีการจัดงานใหญ่โตแต่อย่างใด ส่วนปีนี้เป็นปีแรกที่ครบรอบวันเกิดในช่วงเป็นนายกฯ คิดว่านายกฯ ไม่น่าจะจัดงานใหญ่โต น่าจะดำเนินการเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกันในสัปดาห์หน้าก็จะมีความชัดเจนในการนำเสนอผลงานรัฐบาล