“ฮิลลารี” ดิ่งตรงเข้าทำเนียบ หารือ “อภิสิทธิ์” ชื่นมื่น ขณะที่นายกฯย้ำสถานการณ์การเมืองไทยปกติ สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้ แม้เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ด้าน “ฮิลลารี” เชื่อมั่นไทยมีศักยภาพนำภูมิภาคอาเซียน สู่ความรุ่งเรืองได้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ-ความมั่นคง โผล่งถามข่าว เงินหนุนจากภายนอกป่วน 3 จังหวัดใต้ จน “อภิสิทธิ์” ต้องเบี่ยงตอบ นโยบายรัฐบาลเน้นพัฒนาพื้นที่ อาศัยการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนคนไทย ปฏิเสธตอบคุกลับในไทย อ้างมาแสวงหาความร่วมมือ
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.00 น.นางฮิลลารี รอดแฮม คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยมี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย เข้าร่วมหารือ ท่ามกลางการอารักขาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา โดยมีขบวนรถติดตามคุ้มครองความปลอดภัยยาวเหยียด ขณะที่บริเวณภายในทำเนียบรัฐบาล ก็มีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยประจำจุดต่างๆ รอบตึกไทยคู่ฟ้า บริเวณประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาล รวมถึงด้านนอกทำเนียบรัฐบาล บริเวณถนนพิษณุโลก ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายกระจายกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่ริมถนน ตลอดเวลาที่นางฮิลารีเข้าพบนายกรัฐมนตรี
หลังจากใช้เวลาหารือกับนายกฯประมาณ 30 นาที นายกอร์ปศักดิ์ แถลงว่า การหารือระหว่างนายกฯ และ นางฮิลลารี ที่เสร็จสิ้นไป เป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคี และเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ชี้แจงให้นางฮิลลารี คลินตัน ทราบถึงการพัฒนาด้านการเมืองในประเทศไทย และนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ โดยนายกฯย้ำว่า ประเทศไทยยังสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้ แม้เศรษฐกิจโลกกำลังประสบภาวะตกต่ำ แต่รัฐบาลยังมุ่งมั่นส่งเสริม อำนวยความสะดวกให้กับการค้า การลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมให้คำปรึกษาและหารือร่วมกับภาคเอกชน และขอเน้นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและยึดมั่นในสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และความต่อเนื่องของการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปของสินค้าส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ โดยในช่วงท้ายนายกฯได้ฝากความระลึกถึงไปยังประธานาธิบดี บารัค โอบามา ด้วย
โดย นางฮิลลารี กล่าวต่อว่า ตนเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย และแนวทางประชาธิปไตยของไทย แม้ว่าไทยจะมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ อีกทั้งไทยยังมีศักยภาพที่จะนำภูมิภาคอาเซียนไปสู่ความรุ่งเรือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง นอกจากนี้ ไทยยังเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาค
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ทหารพม่าจับเด็กผู้หญิงไปทำร้าย มีความคิดเห็นอย่างไรกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่า นางฮิลลารี กล่าวว่า ตนมีความวิตกกังวลถึงพฤติกรรมและการกระทำของพม่า ที่ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีความชัดเจนในการร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียน ในการที่จะแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนกรณีคำพิพากษา นางออง ซาน ซูจี อดีตผู้นำพรรคสันนิบาตพม่า ที่ยังค้างอยู่ที่ชั้นศาลนั้น รัฐบาลสหรัฐฯจะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อดูแลและแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงท้าย นางคลินตัน ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีสื่อสหรัฐฯ เผยแพร่ข่าวหน่วยข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) แอบสร้างคุกลับในประเทศไทย เพื่อใช้กุมขังผู้ก่อการร้ายสากล ซึ่ง นางฮิลลารี คลินตัน ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว โดยกล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ เพราะการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไทยเป็นพันธมิตรสำคัญ โดยส่วนตัวก็ชอบเดินทางมาประเทศไทย เพราะการเดินทางมาไทยครั้งล่าสุดก็ยังเป็นทริปที่ประทับใจ
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า บรรยากาศการหารือระหว่าง นายอภิสิทธิ์ กับ นางฮิลลารี เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย นางฮิลลารี ได้ขอบคุณที่ไทยดำเนินการกับกลุ่มม้งอพยพให้เป็นไปด้วยดี ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ แจงว่า นโยบายรัฐบาลไทยเปิดกว้างคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนมาตลอด
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังบอกว่า ขณะนี้สถานการณ์การเมืองของไทย เข้าสู่ภาวะปกติ ไม่กระทบต่อภาวะการลงทุน ซึ่ง นางฮิลลารี ได้เสริมว่า สหรัฐฯยังคงให้การสนับสนุนและนักลงทุนของสหรัฐฯก็เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีปัญหา พร้อมให้ความร่วมมือในไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เพราะเห็นว่ามีความสำคัญ
นางฮิลลารี ยังได้สอบถามความคืบหน้าคดี นายวิกเตอร์เบาท์ ผู้ต้องหาค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซียว่ามีความคืบหน้าอย่างไร โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว และใกล้จะตัดสินคดี
นางฮิลลารี ยังได้ขอบคุณไทยที่แสดงภาวะความเป็นผู้นำในการผลักดันพม่าให้ดำเนินการตามนโยบายปรองดองแห่งชาติ ขณะที่ในส่วนปัญหาเกาหลีเหนือ นางฮิลลารี ขอให้ไทยปฏิบัติตามยูเอ็นเอสซีในการสกัดกั้นการแพร่กระจายวัสดุอุปกรณ์นิวเคลียร์
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนหนึ่งของการหารือนางฮิลลารียังได้ขอบคุณไทยที่ดูแลปัญหาการค้ามนุษย์ด้วยดี แต่ “สิ่งที่ดิฉันเคยพบ คือ กรณีแม่ทอดทิ้งเด็กจากปัญหาโรคเอดส์ ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ”
อย่างไรก็ตาม นางฮิลลารี ได้ถามคำถาม นายอภิสิทธิ์ โดยบอกว่า สหรัฐฯทราบข่าวว่า มีเงินสนับสนุนจากภายนอกเข้ามาสร้างปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรงนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เบี่ยงเบนแจงไปว่า ไทยเน้นการพัฒนาพื้นที่โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและเพื่อนบ้าน เน้นด้านการศึกษาและการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่เป็นหลัก
นางฮิลลารี บอกว่า ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนด้านการเมืองและความมั่นคง ทางสหรัฐฯให้ความสำคัญมาก พร้อมที่จะสนับสนุนให้มากยิ่งขึ้น “ทาง บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่า ภายใน 4 ปีนี้ สหรัฐฯจะให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนอย่างกว้างขวางขึ้น และการประชุมเอเปกในเดือนกันยายน ที่สิงคโปร์ สหรัฐฯก็ให้ความสำคัญ โอกาสนี้ นายอภิสิทธิ์ ถือโอกาสเชิญ นายบารัค โอบามา มาไทย ซึ่ง นางฮิลลารี ก็ยินดี