ส.ส.ภาคเหนือ โวยวายอ้างรัฐสร้างเงื่อนไข เสี้ยมเขาเสื้อแดง-เสื้อน้ำเงินหวังให้เผชิญหน้ากันเอง เยาะเย้ยใช้กำลังทหารตำรวจเป็นโล่ห์กำบังลงพื้นที่ แนะ 2 ทางออก “มาร์ค” แขวะ “บุรีรัมย์โมเดล” หมดน้ำยา อย่าคิดภาคเหนือทำไม่เป็น
วันนี้ (20 ก.ค.) นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุในการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ได้สร้างเงื่อนไขสร้างความขัดแย้งให้เกิดสงครามประชาชนว่า จากข้อเท็จจริงในการลงพื้นที่แก้ปัญหาใน จ.เชียงใหม่ และลำพูน ของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นั้นทำไมต้องจัดกองกำลังทั้งทหาร ตำรวจ 2,000-3,000 นายมาคุ้มกัน ทั้งๆ ยังไม่เกิดเหตุอะไร โดยเฉพาะที่ จ.ลำพูน มีการนำรั้วลวดหนามมากั้นเพื่อสกัดกลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านกลัวจะเป็นเหมือนที่ จ.เชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสื้อแดงออกมาต่อต้าน เพราะรู้ว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ที่น่าแปลกใจได้มีการโทรศัพท์ไปแจ้งกลุ่มเสื้อแดง เชียงใหม่ 51 ให้ออกมาต่อต้าน อีกทั้งได้ให้คนใส่เสื้อสีน้ำเงินออกไปด่ากลุ่มเชียงใหม่ 51 ที่หน้าโรงแรมที่กลุ่มเสื้อแดงจัดสัมมนาเพิ่มความรู้ประชาธิปไตย แก้ปัญหาประเทศ สุดท้ายก็ไม่ได้ผลไม่มีใครสนใจออกมาต่อต้าน เพราะรู้ทันเกมของรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งใครที่เป็นคนสร้างสถานการณ์ จากเหตุการณ์จะไม่เป็นการพยายามสร้างเงื่อนไขได้อย่างไร
นายสงวนกล่าวอีกว่า ถึงวันนี้ทางออกของประเทศมี 2 แนวทางที่นายกรัฐมนตรีจะเลือกเดิน 1.ใช้กองกำลังยึดอำนาจแล้วปิดประเทศ 2.ต้องสามัคคีกันทุกภาคส่วนเพื่อสร้างศักยภาพให้ประเทศอยู่ในสังคมโลก ได้อย่างมีศักดิ์ศรี แต่เท่าที่ติดตามดูพฤติกรรมของรัฐบาลจะเลือกแนวทางแรก เห็นได้จากการใช้ “บุรีรัมย์โมเดล” ในภาคอีสานมาใช้ในภาคอื่นๆโดยเฉพาะการใช้กองกำลังออกมาคุ้มครองทำเพื่ออะไร หรือเพื่อรักษาอำนาจ ยึดประเทศรอบใหม่ แต่ประชาชนจะลุกขึ้นสู้ไม่ใช่แบบเดิม อย่าคิดว่าคนภาคอื่นคิดไม่เป็น เพราะที่รัฐบาลประกาศ 90วันที่บอกว่าจะแก้ปัญหา ตอนนี้ผ่านมาจะครบสองรอบแล้ว ประชาชนยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม และขอเรียกร้องให้รัฐบาล เลิกปล่อยให้เอเอสทีวีเข้ามายึดทีวีของรัฐโจมตีฝ่ายตรงข้ามเพราะเป็นเรื่องน่าอาย
วันนี้ (20 ก.ค.) นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุในการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ได้สร้างเงื่อนไขสร้างความขัดแย้งให้เกิดสงครามประชาชนว่า จากข้อเท็จจริงในการลงพื้นที่แก้ปัญหาใน จ.เชียงใหม่ และลำพูน ของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นั้นทำไมต้องจัดกองกำลังทั้งทหาร ตำรวจ 2,000-3,000 นายมาคุ้มกัน ทั้งๆ ยังไม่เกิดเหตุอะไร โดยเฉพาะที่ จ.ลำพูน มีการนำรั้วลวดหนามมากั้นเพื่อสกัดกลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านกลัวจะเป็นเหมือนที่ จ.เชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสื้อแดงออกมาต่อต้าน เพราะรู้ว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ที่น่าแปลกใจได้มีการโทรศัพท์ไปแจ้งกลุ่มเสื้อแดง เชียงใหม่ 51 ให้ออกมาต่อต้าน อีกทั้งได้ให้คนใส่เสื้อสีน้ำเงินออกไปด่ากลุ่มเชียงใหม่ 51 ที่หน้าโรงแรมที่กลุ่มเสื้อแดงจัดสัมมนาเพิ่มความรู้ประชาธิปไตย แก้ปัญหาประเทศ สุดท้ายก็ไม่ได้ผลไม่มีใครสนใจออกมาต่อต้าน เพราะรู้ทันเกมของรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งใครที่เป็นคนสร้างสถานการณ์ จากเหตุการณ์จะไม่เป็นการพยายามสร้างเงื่อนไขได้อย่างไร
นายสงวนกล่าวอีกว่า ถึงวันนี้ทางออกของประเทศมี 2 แนวทางที่นายกรัฐมนตรีจะเลือกเดิน 1.ใช้กองกำลังยึดอำนาจแล้วปิดประเทศ 2.ต้องสามัคคีกันทุกภาคส่วนเพื่อสร้างศักยภาพให้ประเทศอยู่ในสังคมโลก ได้อย่างมีศักดิ์ศรี แต่เท่าที่ติดตามดูพฤติกรรมของรัฐบาลจะเลือกแนวทางแรก เห็นได้จากการใช้ “บุรีรัมย์โมเดล” ในภาคอีสานมาใช้ในภาคอื่นๆโดยเฉพาะการใช้กองกำลังออกมาคุ้มครองทำเพื่ออะไร หรือเพื่อรักษาอำนาจ ยึดประเทศรอบใหม่ แต่ประชาชนจะลุกขึ้นสู้ไม่ใช่แบบเดิม อย่าคิดว่าคนภาคอื่นคิดไม่เป็น เพราะที่รัฐบาลประกาศ 90วันที่บอกว่าจะแก้ปัญหา ตอนนี้ผ่านมาจะครบสองรอบแล้ว ประชาชนยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม และขอเรียกร้องให้รัฐบาล เลิกปล่อยให้เอเอสทีวีเข้ามายึดทีวีของรัฐโจมตีฝ่ายตรงข้ามเพราะเป็นเรื่องน่าอาย