ตัวการยื่นสอบการถือหุ้น ส.ส.ปชป.ยังมีหน้าขอโทษเพื่อนสมาชิกหลังถูกกกต.สอยเรื่องหุ้น ตบหัวลูบหลังปลอบ กกต.เปรียบพนักงานสอบสวน อย่าถอดใจลาออก ขอให้อดทนรอฟังคำวินิจฉัย แหย่รังแตนเชื่อยังร่วมสังฆกรรมกับ ปชป.ได้ไม่มีปัญหา เผย “มานิต-บุญจง” พร้อมลงเลือกตั้งใหม่ทันทีหากถูกชี้พ้นสมาชิกสภาพ ส.ส.
วันนี้ (20 ก.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเดินทางมาชี้แจงกรณีที่ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเขต 3 สกลนคร กล่าวถึงกรณีที่ตนเองยื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบการถือครองหุ้นของ ส.ส.จนทำให้ ส.ส. 13 คนของพรรคประชาธิปัตย์ถูก กกต.ชี้ให้สิ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ว่า การยื่นในครั้งนั้นไม่มีความประสงค์ที่จะให้เกิดความวุ่นวาย แต่ตอนที่ยื่นสังคมมีการตั้งคำถามเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีบุคคลสำคัญของบ้านเมืองไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จึงต้องการสร้างบรรทัดฐานให้กับสังคม ตนไม่มีเจตนาที่จะก่อผลกระทบกับรายบุคคลแต่เป็นการทำตามหลักการ และการตัดสินของ กกต.ครั้งนี้ก็สร้างบรรทัดฐานให้แก่สังคม ประชาชนก็คงชื่นชม กกต.
“ผมคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เข้าใจที่คนเหล่านั้นต้องโกรธ และขอแสดงความเสียใจด้วยที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น ผมเข้าใจที่ท่านจะโกรธ แต่ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยก็ยังสามารถทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะเราแยกเรื่องส่วนตัวออกจากบ้านเมือง ผมไม่ได้แค้นใคร และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่แค้นผม เพราะเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเข้าใจหลักกฎหมายเป็นอย่างดี แต่อาจจะมีอารมณ์วูบๆเข้ามาบ้าง แต่ท่านก็จะเข้าใจ”
นายศุภชัยกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ต้องมาดูว่ามีรัฐธรรมนูญมาตราใดที่มีปัญหา และผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะถือโอกาสนำเรื่องนี้ไปดำเนินการ เช่น มาตรา 265 ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความอย่างไร ทำให้คิดว่าน่าจะนำไปทบทวนว่าต้องมีกฎหมายลูกออกมาอธิบายความว่าน่าจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไรหรือไม่ เช่นหุ้นน่าจะมีนัยยะอย่างไร เป็นหุ้นในลักษณะใดหรือห้ามถือในจำนวนเท่าไหร่
ส่วนที่ กกต.เตรียมจะวินิจฉัยกรณีการถือหุ้นของ 44 ส.ส.และมีรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย 2 คน คือ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย และนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นั้นหากผลออกมาว่า ขาดคุณสมบัติ ทั้ง 2 คนก็พร้อมจะลงสมัคร ส.ส.ใหม่ แต่ส่วนตนเห็นว่า กกต.เหมือนกับพนักงานสอบสวน การจะมีความผิดหรือไม่ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินดังนั้นอย่าเพิ่งรีบลาออก
นายศุภชัยยังกล่าวด้วยว่า หากต้องเลือกตั้งใหม่พร้อมๆกันหลายเขตพรรคก็พร้อมที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส. ในทุกเขตเลือกตั้งโดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน และอาจจะมี ส.ส.จากพรรคอื่นไหลเข้ามาด้วยแต่บอกไม่ได้ว่าพรรคไหน เพราะตนมองว่า ส.ส.พรรคอื่นหรืออดีต ส.ส.ก็มีวิจารณญาณว่าควรจะอยู่พรรคใด เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยที่มีข่าวว่าจะย้ายไปพรรคอื่นตนก็เชื่อว่าเขามีวิจารณญาณว่าพรรคภูมิใจไทยน่าอยู่มากที่สุดและไม่ไปอยู่พรรคอื่น
