กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ซัด “สงวน” พวกคิดนอกกรอบ เข้าข้าง “คนเสื้อแดงเชียงใหม่” ทำรุนแรง ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ทั้งเห็นรัฐบาลเป็นฝ่ายทำร้ายประชาชนก่อน ชี้ รัฐมนตรีลงพื้นที่หวังช่วยเหลือชาวบ้านแบบไม่แบ่งฝ่าย กลับถูกมองก่อเหตุก่อนยั่วยุ ลั่นจะไม่นับถือยกมือไหว้กันอีก
วานนี้ (18 ก.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่ นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ออกมาสนับสนุนให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง เคลื่อนไหวต่อต้านการลงพื้นที่ของรัฐบาล เพราะการลงพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจรัฐบาลอยู่นั้น กรณีการทำผิดกฎหมายของคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งไปต่อต้านการลงพื้นที่ของ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังปัญหา และชี้แจงงบประมาณที่จะมาลงทุนตามโครงการไทยเข้มแข็งนั้น อาจจะเป็นคนส่วนน้อยและขอชื่นชมคนเสื้อแดงที่ จ.ภูเก็ต ที่บอกว่า จะออกนอกพื้นที่ และบอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ป่วนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ก็ถือว่าไม่ใช่เสื้อแดงที่ภูเก็ต เรื่องนี้ก็ถือว่ามีความชัดเจนเรื่องอุดมการณ์ และแยกปัญหาของประเทศออกจากแนวคิดการต่อต้าน
นายสาธิต กล่าวอีกว่า การที่ นายสงวน พูดว่า รัฐบาลประกาศสงครามกับประชาชน โดยบอกว่า รัฐบาลลงมือก่อน เพราะลงพื้นที่ทั้งที่รู้ว่าใน จ.เชียงใหม่ มีคนต่อต้าน ทั้งนี้ ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ตนไม่คิดและไม่เชื่อว่า วิธีคิดแบบนี้จะเป็นวิธีคิดของคนไทย โดยเฉพาะคนที่เป็น ส.ส.ที่มองว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนฝ่ายไหน แต่เลือกที่จะไปแก้ปัญหาแต่ละพื้นที่ของประเทศ กลับถูกมองว่าลงมือก่อนสำหรับเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นทีเชียงใหม่
ในขณะเดียวกัน นายสงวน ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย กลับไปสรรเสริญเยินยอคนส่วนน้อยที่มีพฤติกรรม ดุเถื่อนถ่อย ว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ โดยกล่าวหารัฐบาลเป็นผู้ลงมือ และทำสงครามกับประชาชน ทั้งนี้ เห็นว่า นายสงวน ควรจะวิจารณ์และประณามการกระทำที่รุนแรงของคนเสื้อแดง จนเป็นเหตุให้ภาพลักษณ์ของ จ.เชียงใหม่ โดยรวมเสียหาย เพราะมีผลกระทบต่อเชียงใหม่โดยตรง เพราะฉะนั้นกรณีนี้ ตนคิดว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกร้องอะไรกับคนที่มีความคิดอย่างนี้ เพียงแต่จะบอกว่า นายสงวน ควรที่จะไปอยู่ประเทศอื่นมากกว่า เพราะความคิดอย่างนี้เป็นความคิดของคอมมิวนิสต์ และเป็นความคิดของคนที่มีเป้าหมายหลัก เพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ได้สนใจถึงปัญหาของประเทศ หรือภาวะโครงสร้างของการเมืองที่สร้างสรรค์ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคนเสื้อแดงที่ภูเก็ต
“เพราะฉะนั้น ผมคิดว่า ผมก็คงจะประกาศสงครามกับนายสงวน ในฐานะที่เป็นผู้แทนด้วยกัน แต่ผมจะไม่ใช้วิธีรุนแรง คือ ตามปกติผมเจอหน้าที่ไหนก็จะคุยกัน แต่ต่อไปนี้เวลาเจอหน้าที่ไหนผมจะไม่ยกมือไหว้และไม่คุยกัน ก็ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนผู้แทน แต่ถือว่าเป็นคนที่มีความคิดนอกกรอบเลยเถิด” กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
