อนุ กมธ.แท็กซี่เอื้ออาทร วอนผู้ประกอบการรวมตัวเข้าร้องเรียน เพื่อติดตามเอาเงินชดเชย หลังถูกหลอกล็อกสเปกอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานและนอกเหนือความจำเป็น อีกทั้งมูลค่าราคารถแพงกว่าความเป็นจริง
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งแรง ประธานอนุกรรมาธิการติดตามการแก้ไขปัญหาโครงการแท็กซี่เอื้ออาทร สภาฯ พร้อมด้วยผู้ขับขี่รถแท็กซี่ และอนุกรรมาธิการ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังได้เชิญตัวแทนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ ให้ข้อมูลกรณีการบังคับให้รถแท็กซี่เอื้ออาทรทุกคันต้องเพิ่มอุปกรณ์เครื่องรูดบัตรเครดิต จอแอลซีดี การติดตั้งถังก๊าซของบริษัทเอกชนที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีราคาสูงกว่าท้องตลาด ขณะที่อุปกรณ์ก็ไม่ได้ใช้งาน โดย นายชนินทร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมาย ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความพยายามหากำไร มากกว่าการช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่ารถแท็กซี่และอุปกรณ์โดยรวมมีราคาสูงถึงคันละ 1,080,000 บาท จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน กล้ามาร้องเรียนโดยตรงต่อกรรมาธิการ เพื่อจะติดตามเอาเงินชดเชย จากคนที่ดำเนินโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาร้องเรียนแล้วกว่า 100 ราย
ด้าน นายโกวิทย์ ธารณา อนุกรรมาธิการ กล่าวเสริมว่า เริ่มต้นโครงการยอมรับว่า เป็นนโยบายที่ดี แต่ในทางปฏิบัติมีการล็อกสเปกอุปกรณ์ภายใน และได้รถที่ไม่มีคุณภาพ จึงมิใช่การเอื้ออาทรอย่างแท้จริง ซึ่งอยากให้ติดตามด้วยว่าโครงการนี้มีทั้งหมด 3 พันคัน ในจำนวนนี้ 1,400 คันอยู่กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ แต่อีก 1,600 คันที่เหลือหายไปอยู่ส่วนไหน และราคาของรถและอุปกรณ์ภายในก็แตกต่างจากราคาตามท้องตลาดมาก
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ กล่าวด้วยว่า ได้ขอให้เอสเอ็มอีแบงก์ไปหาราคาผ่อนชำระ ที่ชัดเจนกลับมาให้กรรมาธิการอีกครั้ง และให้ไปดูความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าธนาคารเสียหายไปเท่าใด คาดว่า ภายในสองสัปดาห์จะได้รับคำตอบกลับ เนื่องจากการตั้งราคาที่สูงและค่าผ่อนชำระที่สูงตามไปด้วยนั้น ได้ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหยุดชำระ ขณะที่ผู้ขับรถแท็กซี่ร้องเรียนว่า อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาหลายรายการใช้ได้เพียง 3 เดือนก็มีปัญหา แต่ผู้ขับขี่ต้องแบกภาระเหล่านี้เอง
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งแรง ประธานอนุกรรมาธิการติดตามการแก้ไขปัญหาโครงการแท็กซี่เอื้ออาทร สภาฯ พร้อมด้วยผู้ขับขี่รถแท็กซี่ และอนุกรรมาธิการ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังได้เชิญตัวแทนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ ให้ข้อมูลกรณีการบังคับให้รถแท็กซี่เอื้ออาทรทุกคันต้องเพิ่มอุปกรณ์เครื่องรูดบัตรเครดิต จอแอลซีดี การติดตั้งถังก๊าซของบริษัทเอกชนที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีราคาสูงกว่าท้องตลาด ขณะที่อุปกรณ์ก็ไม่ได้ใช้งาน โดย นายชนินทร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมาย ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ แต่ในทางปฏิบัติกลับมีความพยายามหากำไร มากกว่าการช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่ารถแท็กซี่และอุปกรณ์โดยรวมมีราคาสูงถึงคันละ 1,080,000 บาท จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน กล้ามาร้องเรียนโดยตรงต่อกรรมาธิการ เพื่อจะติดตามเอาเงินชดเชย จากคนที่ดำเนินโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาร้องเรียนแล้วกว่า 100 ราย
ด้าน นายโกวิทย์ ธารณา อนุกรรมาธิการ กล่าวเสริมว่า เริ่มต้นโครงการยอมรับว่า เป็นนโยบายที่ดี แต่ในทางปฏิบัติมีการล็อกสเปกอุปกรณ์ภายใน และได้รถที่ไม่มีคุณภาพ จึงมิใช่การเอื้ออาทรอย่างแท้จริง ซึ่งอยากให้ติดตามด้วยว่าโครงการนี้มีทั้งหมด 3 พันคัน ในจำนวนนี้ 1,400 คันอยู่กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ แต่อีก 1,600 คันที่เหลือหายไปอยู่ส่วนไหน และราคาของรถและอุปกรณ์ภายในก็แตกต่างจากราคาตามท้องตลาดมาก
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ กล่าวด้วยว่า ได้ขอให้เอสเอ็มอีแบงก์ไปหาราคาผ่อนชำระ ที่ชัดเจนกลับมาให้กรรมาธิการอีกครั้ง และให้ไปดูความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าธนาคารเสียหายไปเท่าใด คาดว่า ภายในสองสัปดาห์จะได้รับคำตอบกลับ เนื่องจากการตั้งราคาที่สูงและค่าผ่อนชำระที่สูงตามไปด้วยนั้น ได้ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหยุดชำระ ขณะที่ผู้ขับรถแท็กซี่ร้องเรียนว่า อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาหลายรายการใช้ได้เพียง 3 เดือนก็มีปัญหา แต่ผู้ขับขี่ต้องแบกภาระเหล่านี้เอง
