คำพูดอย่าง “เหลืออด” ของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการสำนักการตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลคดีลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าการทำคดีเต็มไปด้วยอุปสรรค ถูกขัดขวาง ถูกข่มขู่
และที่สำคัญก็คือ ที่คดีไม่คืบหน้าเพราะมีตำรวจเป็น“ไส้ศึก” ทำให้คนร้ายไหวตัว หรือคอยรายงานแนวทางการทำคดีให้ “บิ๊กโม่งผู้บงการ” ได้ทราบความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
คำพูดดังกล่าวถือว่า “ตบหน้า” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อย่างจัง ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บริหารสูงสุดในหน่วยงานของตำรวจ หลังจากก่อนหน้านี้เคยถูกหักหน้า เมื่อครั้งแต่งตั้ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มาคุมคดีนี้ แต่ก็มีคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ให้เปลี่ยนตัวมาเป็น พล.ต.อ.ธานี ในที่สุด พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าคดีให้ทราบเป็นระยะ !!
แบบนี้แล้วจะให้หมายความว่าอย่างไร
แทนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะต้องรับรู้ แต่กลับถูกกันออกไปนอกวงหน้าตาเฉย ดังนั้นถ้าให้พิจารณาแบบตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า “ไม่ไว้ใจ” นั่นแหละ
ที่ผ่านมาหากติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอดตั้งแต่เกิดเหตุพยายามลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เมษายน มาจนถึงวันนี้ กว่าจะออกหมายจับผู้ต้องหาได้แค่ 2 คน ก็เลือดตาแทบกระเด็น ต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือนเต็ม
มีการข่มขู่คุกคาม ขัดขวางการทำคดีสารพัดกันอยู่ตลอดเวลา จนทำให้มีนายตำรวจระดับสูงที่เข้ามาร่วมทำคดีหลายคนต้องถอยฉาก ไม่กล้าขยับ เนื่องจากเกรงจะไม่ก้าวหน้าในชีวิตราชการ
อย่างไรก็ดีหากมองอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องพบกับปรากฏการณ์ดังกล่าว เนื่องจากรับรู้กันไปแล้วคนที่ “บงการ” อยู่ข้างหลังฉากเป็นระดับ “ซุปเปอร์บิ๊ก” ที่ควบคุมอำนาจซ้อนอยู่ในรัฐบาล มีเส้นทางโยงใยกันเป็นเครือข่ายที่น่าพรั่นพรึง
ว่ากันว่า เป้าหมายในการมุ่งสังหารในครั้งนั้น นอกจากให้เกิดความวุ่นวาย แล้วอาศัยสถานการณ์ฉุกเฉินเข้ามาควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ และอีกทางหนึ่งยังต้องการกำจัด สนธิ ในฐานะสื่อมวลชน ที่มักเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลมาตลอด ต้องการให้พ้นทางในคราวเดียวกัน
ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่า การลอบสังหาร สนธิ เกิดขึ้นภายหลังจากที่ ล่อให้ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มา “ติดกับดัก” ที่ พัทยา และต่อเนื่องมาที่กระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อไม่สำเร็จ ก็ต้องมาลงที่ สนธิ
แต่เมื่อทุกอย่างล้มเหลว ทำให้แผนชั่วของบางกลุ่มไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องสงบนิ่งชั่วคราว
วกมาโฟกัส พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากพิจารณาเฉพาะกรณีความวุ่นวายที่พัทยาจนทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน กับประเทศคู่เจรจาต้องล่มไม่เป็นท่า สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองจนประเมินไม่ได้มาจนถึงบัดนี้
หากพิจารณาจากความผิดพลาดและผลกระทบที่ตามมา ก็สมควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งในที่นี้ยังต้องหมายรวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ชาย ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำกับดูแลกำลังของกองทัพ ที่ถูกส่งไปรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุมก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
และแม้ว่าที่ผ่านมาในเชิงลึก นายกรัฐมนตรีจะเคยแสดงท่าทีไม่พอใจ และต้องการทำอะไรสักอย่าง แต่ก็ยัง “เหลือวิสัย” ที่จะดำเนินการได้
เมื่อประมวลจากหลายเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นก็สามารถสะท้อนถึงศักยภาพและตัวตนของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดยังมาโดน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ออกมาเปิดโปงว่า การทำคดีลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล พบแต่อุปสรรค ถูกข่มขู่ และที่สำคัญยังตำรวจบางคนทำตัวเป็น “ไส้ศึก” ทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า
แม้จะไม่มีการเปิดเผยว่า"ไส้ศึก"คนดังกล่าวเป็นใคร แต่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับวินัย และจิตวิญญาณของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ !!