xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” เร่งเก็บแต้ม สัมมนาเมืองเหนือ ชู ศก.นำการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง
“เพื่อไทย” อาศัยจังหวะเก็บแต้มต่อ จัดสัมมนาทางออกประเทศไทยภาคเหนือ แกนนำใกล้ชิด “นช.แม้ว” ร่วมงานเพียบ ชูนำเศรษฐกิจให้นำการเมือง งัดเงื่อนไขพาตัว “ทักษิณ” กลับบ้านขอเสียงให้ชาวบ้านช่วย ลั่นพร้อมส่งเสริมพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวภาคเหนือ หากได้กลับมาเป็นรัฐบาล

วันนี้ (10 ก.ค.) ที่โรงแรมพรพิงค์ ทาวเวอร์ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาทางออกประเทศไทยในหัวข้อ “ล้างหนี้ประเทศ สร้างรายได้ประชาชน” ครั้งที่ 1 ในภาคเหนือ โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรค อดีตรัฐมนตรี สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ส.ส.ของพรรค อดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค นักธุรกิจ นักวิชาการ และประชาชนเข้าร่วมการสัมมนาอย่างคึกคัก อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรค

“มิ่งขวัญ” ชู เศรษฐกิจนำการเมือง

นายมิ่งขวัญ กล่าวในการสัมมนา ว่า หากย้อนกลับไปปี 2540 ขณะนั้นเกิดเศรษฐกิจฟองสบู่แตก เราเผชิญวิกฤตแสนสาหัส เราเสียเอกราชทางเศรษฐกิจให้กับไอเอ็มเอฟ รัฐบาลที่เข้ามาช่วยใช้หนี้ให้ประเทศได้สำเร็จก่อนเวลา 2 ปี คือ รัฐบาลพรรคไทยรักไทย จากไทยรักไทยมาเป็นพลังประชาชน จนมาเป็นเพื่อไทย เหมือนกับละครซีรีย์ที่วันนี้มาถึงภาคที่ 3 แล้ว ซึ่งจะเร้าใจมากกว่าภาคแรก 6 เดือนที่รัฐบาลเข้ามามีแต่คำว่ากู้ กู้ และก็กู้ มีแต่เป็นหนี้ เป็นหนี้ และก็เป็นหนี้ ในสภาตนถามรัฐบาลไปก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากนายกฯ และตนจะถามแบบนี้ไปทั่วประเทศด้วยว่า 1.คนไทยเป็นหนี้ต่อหัวคนละเท่าไหร่ 2.จะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้ และจะหามาด้วยวิธีใด และ 3.ตกลงแล้วเราจะต้องเป็นหนี้ไปอีกกี่ปี วันนี้ประเทศไทยต้องการผู้นำแบบไหน ตอบสั้นๆ ก็คือ ต้องเก่งเศรษฐกิจ ฉะนั้น วันนี้เศรษฐกิจต้องนำการเมือง

อ้อน ช่วย “แม้ว” กลับมาทำประเทศให้เข้มแข็งอีกครั้ง

นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า วันนี้เราเดินทางมาหาชาวเชียงใหม่ และคนภาคเหนือเพื่อมารับฟังพวกท่าน แล้วนโยบายทั้งหมดจะเกิดจากสิ่งที่ท่านพูดเพื่อมาตอบสนองความต้องการของพวกท่าน วันนี้ขอให้ทำตัวให้มีความสุข เผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าเปรียบเป็นละคร ปี 2540 กับปี 2552 แตกต่างกันหรือไม่นั้นขอให้ติดตามตอนต่อไป แต่คนที่มีวิสัยทัศน์ พูดแล้วทำได้จริง เคยทำให้ดูกันมาแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด ทำประเทศไทยให้แข็งแรงได้ ส่วนวันนี้จะทำได้อีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่พวกท่านแล้ว วันนี้ขอหาเสียงไว้ล่วงหน้าเลย ต้องเพื่อไทยเท่านั้นท่านจะรอด

“โอฬาร” จี้ รัฐบีบธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อใหม่

นายโอฬาร บรรยายในหัวข้อ “เหลียวหลัง แลหน้า จับชีพจรเศรษฐกิจไทย” ช่วงหนึ่งว่า วิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกา ถือเป็นต้นตอของปัญหาเกิดจากระบบธนาคารที่ล่มสลาย จนลุกลามและส่งผลกระทบในหลายประเทศ แต่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เอาแต่แจกเงินโดยไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ปัญหาที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดคือตัวเลขการส่งออกสินค้าลดลง และรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลงมากถึง 1.2 ล้านล้านบาท และขณะนี้ระบบธนาคารของประเทศไทยยังสามารถใช้เป็นช่องทางในการแก้ปัญหาได้ก็ควรจะนำมาใช้ ตนเสนอถึงรัฐบาลว่า ในนโยบายสินเชื่อควรหารายได้เข้าประเทศให้ได้ประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนนั้น อยากให้ในไตรมาสสุดท้ายค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 37 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อให้ประชาชนในทุกระดับทั้งชาวนา นักธุรกิจ พนักงานโรงงานได้รับเงินคืนประมาณ 5 แสนล้านบาท และสุดท้ายควรทำการกระจายเงิน ลดรายจ่าย สร้างรายได้ เงินของรัฐบาล 2 แสนล้านบาท ต้องลงไปในแต่ละท้องถิ่นทั้ง 7 หมื่นหมู่บ้านๆละ 20 ล้านบาท สิ่งที่พูดเป็นการชี้ทางให้ขึ้นสวรรค์ รัฐบาลต้องนำไปวิเคราะห์เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง รวดเร็ว

“สุชาติ” แนะรัฐใช้สมอง วางแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

นายสุชาติ บรรยายในหัวข้อ “เศรษฐกิจรากหญ้าและสินค้าเกษตร” ว่า อยากเสนอแนะให้รัฐบาลทำเรื่องหลัก 2 เรื่องคือ 1.ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยต้องศึกษาว่าประเทศไทยจะกลับมาเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรหลังจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว มีอุตสาหกรรมใดบ้างที่ต้องผลักดันเป็นพิเศษ ที่เป็นอนาคตชาติ และมีอุตสาหกรรมใดที่ต้องลดขนาดลง รัฐบาลต้องใช้วิสัยทัศน์ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจว่าเราจะเดินไปทางไหน เป็นพันธมิตรกับใคร และจะขายอะไร และ 2. การปรับโครงสร้างหนี้ในภาคธุรกิจ ซึ่งจะต้องทำหลังจากปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลจะต้องช่วยปรับโครงสร้างหนี้และช่วยจัดหาสภาพคล่อง เนื่องจากปัญหาของชนชั้นกลางวันนี้จำแนกได้ 2 ส่วน คือ ผู้ทีทำงานในออฟฟิศหรือข้าราการ ลูกจ้างเอกชน เดือดร้อนในเรื่องของดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำมาก ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้กลับสูงและไม่สามารถกู้ได้ ในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนั้น พบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างมาก เพราะยอดขายตกประกอบกับธนาคารพาณิชย์ลดการปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้รัฐบาลควรใช้นโยบายเศรษฐกิจ 2 แนวทางขับเคลื่อนไปพร้อมกัน คือ 1.เร่งรัดการส่งออกที่แข่งขันได้ ดึงดูดการลงทุน และส่งเสริมการท่องเที่ยว และ 2.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้าและเศรษฐกิจชนบทให้เข้มแข็ง นอกจากนี้ต้องสร้างโอกาสให้คนยากจนได้รับความเสมอภาคด้วย

กระทุ้งรัฐ ส่งเสริมภาคธุรกิจ-เอาใจใส่เอสเอ็มอี

นายปานปรีย์ บรรยายในหัวข้อ “เอสเอ็มอีและโอทอป” ว่า ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้ผลิตสินค้าโอทอปต้องย้อนกลับมาดูตัวเองพร้อมกับปรับการทำงาน เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ผู้ผลิตโอท็อปทยอยปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง หากจะรอเงินจากภาครัฐก็อาจเป็นแค่สัญญาแต่ของไม่ส่งมา หากจะไปพึ่งเงินในระบบเอกชนก็ค่อนข้างยาก เพราะธนาคารไม่อนุมัติเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาหนี้เอ็นพีแอล ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเสนอมาตรการเร่งด่วนให้รัฐบาลเข้าไปส่งเสริมภาคธุกิจเอสเอ็มอีดังนี้ 1.พิจารณาให้สิทธิประโยชน์ตามความเหมาะสม 2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจร โดยเฉพาะระบบโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนสินค้า 3.กำหนดโครงสร้างภาษีที่เอื้อประโยน์และเป็นธรรม และ 4. จัดหาแหล่งทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอี นอกจากนี้ ควรแบ่งแนวทางส่งเสริมออกเป็น 3 ด้านได้แก่ 1.กระบวนการผลิตเน้นการผลิตสินค้าต้นทุนต่ำ มีมาตรฐาน สามารถแข่งขันกับต่างประเทศ 2.เสริมความรู้เรื่องการตลาด ทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในต่างประเทศ รวมทั้งการเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมาย และ 3.การจัดทำระบบฐานข้อมูลทั้งข้อมูลการผลิต การตลาดทั้งในและต่างประเทศ

“สุรพงษ์” ชี้ Medical Hub สร้างรายได้ปีละ 4 หมื่นล้าน

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บรรยายในหัวข้อ “ศูนย์กลางด้านการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเชีย (Medical Hub)” ว่า แนวคิดเรื่องการพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเชียเป็นของพรรคไทยรักไทยที่มีพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยมีข้อได้เปรียบที่มีจำนวนแพทย์ศัลยกรรมและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก มีโรงพยาบาลเอกชนที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลกหลายแห่ง มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆทางการแพทย์ ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยราคาถูก และประเทศไทยถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติอยู่แล้ว จากการวิจัยของดร.วิโรจน์ ณ ระนอง ผอ.การวิจัยด่านเศรษฐศาสตร์ สาธารณสุขและการเกษตรสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยพบว่า ถ้าใช้นโยบาย Medical Hub จะทำให้มีรายได้เข้าประเทศ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือร้อยละ 0.4 ของจีดีพีจากการประมาณการในปี 2552 โดย Medical Hub นี้น่าจะมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพฯและเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้มีแนวคิดที่จะให้โรงพยาบาลภาครัฐมาให้บริการกับชาวต่างชาติในลักษณะ Medical Hubซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ เนื่องจากขณะนี้แพทย์ในโรงพยาบาลรัฐมีน้อย งานหนัก หากแบ่งไปรักษาชาวต่างชาติจะทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างการรักษาคนไทยที่มีเงินน้อยกับชาวต่างชาติที่มีเงินมาก

ลั่นส่งเสริมท่องเที่ยวภาคเหนือหากกลับเป็นรัฐบาล

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บรรยายในหัวข้อ “การท่องเที่ยว” ว่า ก่อนหน้านี้ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ได้มีการวางแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวของภาคเหนือไว้อย่างเป็นระบบ มีการวางแผนพัฒนาระยะยาว 10 ปี และได้ดำเนินการตาม Roadmap ที่เขียนไว้อย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่ภายหลังการปฏิวัติในปี 2549 และการเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงปลายปีที่แล้ว ได้มีการยกเลิกโครงการสำคัญๆ หลายโครงการ เช่น การสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่เชียงใหม่ การสร้างศูนย์การบินภูมิภาค (Aviation Hub) การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมเพื่อการท่องเที่ยวในภูมิภาค ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะกลับมาสานต่อโครงการสำคัญๆ เหล่านี้ เพื่อสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจภาคเหนือให้ก้าวหน้าแข็งแรงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น