xs
xsm
sm
md
lg

สหภาพ กฟน.ยื่นวิปค้าน บี้หน่วยงานรัฐจ่ายค่าไฟ ขู่ตัดไฟแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เพียร ยงหนู” นำทีมสหภาพ กฟน. บุกสภายื่นหนังสือ “วิทยา” จี้รัฐบาลจ่ายค่าไฟ ขู่หากพรุ่งนี้ไม่ติดต่อเจรจาเจอตัดไฟแน่ ปัดไล่เบี้ยวรัฐบาลไม่เกี่ยวถูกเบรกเงินค่าครองชีพ 2 พัน ยันต้องทวงหนี้เป็นเรื่องปกติ

วันนี้ (9 ก.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.30 น. ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง จำนวน 40 คน นำโดย นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพฯ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนาย วิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 53 รัฐสภา ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อขอให้ตรวจสอบสอบงบประมาณรายจ่ายในส่วนของราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระ

โดย นายเพียรกล่าวว่า จากที่สหภาพเคยประกาศให้หน่วยราชการต่างๆ มาชำระหนี้ค่าไฟ บัดนี้ครบ 7 วันแล้ว หากวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) ยังไม่มีการมาติดต่อขอเจรจาหรือยังคงเพิกเฉยสหภาพฯ ก็จะประกาศวันที่จะทำการตัดกระแสไฟฟ้าที่ชัดเจนให้ทราบล่วงหน้า เพราะต้องการใช้มาตรฐานเดียวกับการชำระค่าไฟฟ้าของประชาชนทั่วประเทศที่ติดหนี้เพียง 50 สตางค์ก็ต้องถูกตัดไฟ

ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่เกรงว่าประชาชนจะมองว่าเป็นการทำเพราะไม่พอใจที่รัฐบาลไม่อนุมัติขึ้นค่าครองชีพหรือไม่ นายเพียรกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย ถึงพวกตนจะได้ค่าครองชีพก็ต้องทวงหนี้ในส่วนนี้อยู่ดี เพราะเป็นประโยชน์ของสหภาพฯ ที่จะต้องเร่งรัดเงินในส่วนนี้

นายเพียรกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบการชำระหนี้ค่าไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ณ วันที่ 31 พ.ค.52 มีหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระสะสมจำนวน 1,102.99 ล้านบาท เปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 52 จำนวน 1,102.86 ล้านบาท ลดลงเพียง 79.87 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.24 จำแนกเป็นหนี้ค้างของส่วนราชการจำนวน 902.99 ล้านบาท และหนี้ของรัฐวิสาหกิจจำนวน 120 ล้านบาท โดยหน่วยราชการอ้างว่าที่ชำระหนี้ไม่ได้เพราะงบประมาณถูกปรับลดลง

ขณะที่ นายวิทยากล่าวหลังรับหนังสือว่า ตนจะติดตามทุกองค์กรเพื่อให้รับผิดชอบ และจะนำไปซักถามในที่ประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับรายงานหนี้ค่าไฟฟ้าสะสมของหน่วยงานต่างๆ ณ วันที่ 31 พ.ค.52 พบว่าอันดับ 1 คือ กระทรวงกลาโหม จำนวน 203,547,400.59 บาท อันดับ 2 หน่วยงานที่ไม่สังกัดสำนักนายกฯ กระทรวง ทบวง กรม จำนวน 176,380.454 บาท อันดับ 3 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร จำนวน 157,736,412.59 บาท อันดับ 4 ทบวงมหาวิทยาลัย จำนวน 120,176,756.69 บาท อันดับ 5 กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 66,155,666.10 บาท อันดับ 6 กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 48,237,342.33 บาท อันดับ 7 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 13,771,276.11 บาท อันดับ 8 องค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอ จังหวัด จำนวน 12,154,991.01 บาท อันดับ 9 กระทรวงยุติธรรม จำนวน 9,927,135.93 บาท และอันดับ 10 กระทรวงมหาดไทยจำนวน 9,824,131.63 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น