xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊สด” รับคดีสอบเงินบริจาค ปชป.ไม่คืบ แฉมีความพยายามตัดตอนพยาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสดศรี สัตยธรรม
“เจ๊สด” รับคดีสอบเงินบริจาค ปชป.ไม่คืบ อนุฯสอบแฉมีความพยายามตัดตอนพยาน หวังไม่ให้สาวไม่ถึงตัวแกนนำ ปชป.เลี่ยงไม่ให้เสนอยุบพรรค เผย ตามพยานมาให้ปากคำยาก เตรียมประสานดีเอสไอขอใช้วิธีออกหมายเรียก-หมายจับ แต่ยันไม่หยุดสอบเรื่องนี้ ใช้พยานแวดล้อมได้

วันนี้ (8 ก.ค.) สืบเนื่องมาจากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนสำนวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งให้ตรวจสอบการรับเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 258 ล้านบาท รวมทั้งการนำเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนในปี 2548 จำนวน 29 ล้านบาท ไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง กำหนด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ มีรายงานว่า การสอบสวนไม่ค่อยคืบหน้ามากนัก เนื่องจากมีความพยายามตัดตอนไม่ให้สามารถนำสืบพยานได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อนุกรรมการสอบสวนเสนอ กกต.ให้ยุติเรื่องดังกล่าว และไม่ให้ กกต.ไม่เสนอเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์

แหล่งข่าวจาก กกต.ระบุว่า พยานที่ทางอนุกรรมการสอบสวนเชิญมาให้ปากคำเบื้องต้น มีทั้งหมด 56 คน โดยเป็นผู้ที่เคยให้ปากคำไว้กับดีเอสไอแล้ว แต่เหตุที่ กกต.ต้องเชิญมาสอบอีกครั้ง เพราะการสอบของดีเอสไอเป็นการสอบตามความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 2535 แต่สำหรับอนุกรรมการสอบสอนต้องสอบตามความผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งหากแล้วเสร็จก็จะมีการเชิญนักการเมืองที่ถูกอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ในฐานะเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น นายนิพนธ์ บุญญามณี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ในฐานหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น นายอภิสทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้รับรองงบดุลปี 48 ของพรรคที่เสนอต่อ กกต.และ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน)

“ที่ผ่านมา อนุฯสอบสวนได้เชิญผู้มีความรู้ด้านบัญชีของบริษัท แมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด อาทิ พนักงานบัญชี ผู้จัดการบริษัท มาสอบ ซึ่งก็มาให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อกับ นายประจวบ สังข์ขาว กรรมการบริษัท ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ได้ โดยที่ผ่านมาได้พยายามใช้ทุกช่องทางเพื่อนำตัวนายประจวบมาให้ปากคำ ทั้งประสานกับทางดีเอสไอ ที่เคยให้ข้อมูลมาว่า นายประจวบ อาศัยอยู่กับบุคคลที่ให้ความปลอดภัยกับเขาได้ หาก กกต.ต้องการสอบปากคำก็พร้อมจะพามาพบ แต่จนขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้ รวมทั้ง นายธงชัย ดลศรีชัย ลูกพี่ลูกน้องของนายประดิษฐ์ ทางผู้ใกล้ชิด ยืนยันว่า นายธงชัย เดินทางไปต่างประเทศแล้ว และไม่รู้ว่ากลับเมื่อไหร่ โดยมีความพยายามที่จะฆ่าตัดตอนพยานปากสำคัญเหล่านี้ เพื่อให้ กกต.สอบต่อไม่ได้ หรือหากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีก็ไม่มีพยานยืนยันในการกระทำดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์รอดจากการถูกสั่งยุบพรรคได้” แหล่งข่าว กกต.กล่าว

ขณะที่ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ต้องยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวมีปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน โดยอนุกรรมการสอบสวน แจ้งว่า ไม่สามารถติดต่อพยานบางปากมาให้ปากคำได้ เช่น นายประจวบ สังข์ขาว ที่ติดต่อไม่ได้ ดังนั้น อนุกรรมการจึงต้องใช้วิธีเรียกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นผู้สอบปากคำนายประจวบมาให้ปากคำแทน หรือพยานบางรายก็ได้ทราบว่ามีการเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ซึ่งในการตามพยานมาให้ปากคำนั้น ทางดีเอสไอได้แจ้งว่าเขามีอำนาจที่จะออกหมายเรียก และหมายจับ หากทาง กกต.ต้องการก็สามารถประสานขอความร่วมมือโดยใช้ช่องทางนี้ได้ เพราะเขาเป็นพนักงานสอบสวน

นางสดศรี กล่าวต่อว่า การตามพยานมาสอบไม่ได้ มีผลโดยตรงต่อการสอบสวน เพราะส่วนใหญ่ที่สามารถอ้างอิงได้ต้องเป็นพยานบุคคล และพยานเอกสาร โดยขณะนี้ดีเอสไอได้ส่งเอกสาร 3 พันกว่าหน้ามาให้ กกต.แต่ก็ต้องมีการหาพยานบุคคลมารับรองเอกสารเช่นเดียวกัน เนื่องจากต้องนำมาประกอบกันเพื่อยืนยันถ้อยคำตามที่ให้ปากคำกับดีเอสไอไว้

“ยอมรับว่า ได้ยินข่าวเรื่องความพยายามตัดตอนพยานเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ไม่มีผลให้ กกต.ยุติพิจารณา หรือยกประโยชน์ให้กับประชาธิปัตย์ เพราะ กกต.สามารถใช้พยานแวดล้อมได้ อย่างมีข้อมูลว่ามีการนำเช็คไปขึ้นเงิน หรือมีการอ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินกันนั้นเหล่านั้น อนุฯสอบก็สามารถดูได้ว่ามันจริงหรือเปล่า น่าเชื่อหรือเปล่า ตอนนี้อยากขอให้พยานให้ความร่วมมือกับ กกต.ในการมาให้ปากคำเพื่อที่เรื่องนี้มีความกระจ่าง” นางสดศรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น