ทำเอาฮือฮากันไม่น้อยกับคำพูดของ ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบดูแลจังหวัดชายแดนใต้ ที่เมื่อสองสามวันก่อนระหว่างลงพื้นที่ปัตตานี จู่ๆ ก็ปูดขึ้นมาว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้หลบมาพักอยู่ที่มาเลเซีย แล้วเกือบจะถูกรวบตัวได้ ดีที่ไหวตัวทันและบินไปประเทศฟิจิเสียก่อน
ในตอนแรกหลายคนฟังแล้วก็ยังสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ (7 กรกฎาคม) นพดล ปัทมะ คนรับใช้ใกล้ชิด ก็ออกมายอมรับว่า ทักษิณ ได้เดินทางไปที่มาเลเซียจริง แต่อ้างว่า แค่แวะไปเติมน้ำมัน แล้วบินต่อไปที่ฟิจิแล้ว
แม้ว่าจะมีรายละเอียดอื่นๆ มากมาย แต่ก็ทำให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าวตรงกัน
อย่างไรก็ดี ในวันที่ ถาวร เสนเนียม ออกมาให้ข้อมูลนั้น “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีข้อสันนิษฐานเพิ่มเติมว่า การเดินทางมาที่มาเลเซียของ ทักษิณ เที่ยวนี้อาจมุ่งหน้าไปต่อที่ “เกาะกง” ประเทศกัมพูชาก็เป็นได้
คำพูดของบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีที่หลุดออกมาแบบนี้ ก็ต้องถือว่าย่อมมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่นอน
ขณะเดียวกัน หากย้อนกลับไปพิจารณาถึง “แผนตากสิน 2” ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ ไม่นานก็มีเรื่องความเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนตามแนวชายแดน ตั้งแต่เหนือ อีสาน ไปจนถึงภาคใต้ แม้จะยังไม่มีใครยอมรับ แต่ก็มีปรากฏตามสื่อแทบทุกฉบับ ตรงกันหมด
นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่เกี่ยวข้องที่น่าสนใจที่เหลือคือ จักรภพ เพ็ญแข แม้ว่ายังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ มั่นเหมาะว่าเวลานี้หลบอยู่ใน “ซอกหลืบ” ที่ไหนกันแน่ หลังจากหลบหนีเอาตัวรอดช่วงเหตุการณ์ “จลาจล”วันสงกรานต์
แต่ก็ยังมีข้อมูลในเชิงลึกระบุว่าหลบมากบดานอยู่แถว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง นี่เอง โดยอยู่ในภายใต้การดูแลอย่างดีที่เกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งชื่อว่า “เกาะหมู” และได้เดินทางไปมาระหว่างเกาะลังกาวี ของมาเลเซีย
เมื่อนำมาปะติดปะต่อกันกับข้อมูลดิบๆ ก่อนหน้านี้ เช่น มาเลเซียกับชายแดนใต้ แล้วเกาะกงกับชายแดนไทย-กัมพูชา บางอย่างอาจเริ่มเข้าเค้าก็เป็นได้ เพราะหากพิจารณาในภาพรวมแล้วไม่รู้ว่า “บังเอิญ” หรือเปล่า เนื่องจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนตั้งแต่เหนือจรดใต้ ร้อนระอุ ไว้วางใจไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
นอกเหนือจากนี้ หากนับนิ้วไล่ตารางเวลาดูแล้วก็ใกล้จะถึงวันเวลาครบรอบวันเกิด 60 ปี เป็นวัน “แซยิด” ที่จะมาถึงในวันที่ 26 กรกฎาคม ตามธรรมเนียม ก็ต้องให้ยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อเสริมสร้างบารมี ยิ่งในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ ก็ต้องบวกเพิ่มเข้าไปเป็นสองสามเท่า
และหากพิจารณาความเคลื่อนไหวในหลายกรณีก็เริ่มเห็นร่องรอยที่ต้องจับตาแบบไม่กะพริบ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การ “ขยิบตา” ไฟเขียวให้บรรดาลูกน้องเดินหน้าล่ารายชื่อชาวบ้านให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านชื่อถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ให้ตัวเองพ้นจากความผิด
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้กระทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย
แต่แทนที่จะหยุดดำเนินการ ในทางตรงข้ามกลับเดินหน้าเต็มตัว โดยเวลานี้ได้มีการส่งแบบฟอร์มถวายฎีกาไปทั่วประเทศ โดยไม่สนใจว่าข้อความในแบบฟอร์มดังกล่าว หมิ่นเหม่ต่อการถวายฎีกาเท็จหรือไม่
นอกเหนือจากนี้ที่สำคัญกว่าอื่นใดก็คือ พฤติกรรมในการถวายฎีกา ถูกมองว่ามีเจตนาเพื่อกดดันพระเจ้าอยู่หัว เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ที่มิบังควรอย่างยิ่ง แต่คนพวกนี้ก็ไม่สำเหนียก ยังคงเดินหน้า และอ้างหน้าตาเฉย ว่าเป็นความประสงค์ของชาวบ้าน ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวในทำนองปลุกระดมอีกรอบ โดยเริ่มดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นได้ชัดก็คือ การ “โฟนอิน” ในพื้นที่ “สีแดง” ทั้งภาคเหนือ-อีสาน อย่างถี่ยิบ
ที่น่าสังเกตก็คือ มีการเรียกพบแกนนำผู้สนับสนุนที่เป็นแกนนำมวลชนไปพบถึงต่างแดนกันเป็นคณะใหญ่ โดยเฉพาะการเดินทางไปดูไบ ของคณะ ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แม้ว่าในทางเปิดเผย ได้บอกว่าเป็นแค่การเดินทางไปพบในฐานะคนที่นับถือและคิดถึงกัน
แต่รับรองว่าในทางลึก ต้องมีหัวข้อสนทนา “เกินเลย” มากไปกว่านั้นแน่นอน
ดังนั้นเมื่อปะติดปะต่อเชื่อมโยงมาตั้งแต่ต้น เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่เข้ามาประชิดชายแดน ทั้งชายแดนด้านมาเลเซีย และกัมพูชา และยิ่งถึงวัน “แซยิด” ในปลายเดือนนี้ มันก็ยิ่งน่าสนใจไม่ใช่หรือ
เพราะหากสังเกตความเคลื่อนไหวทั่วไปเวลานี้ หากไม่มองในแง่ดีเกินไป รับรองว่าต้องพบสิ่งผิดปกติแน่นอน!!