“เทพไท” เสียดายแทนคนเชียงใหม่ เสื้อแดงทำเสียภาพลักษณ์ ป่าเถื่อนบุกล้อม “วิทยา” แขวะ “โฆษกไข่แม้ว” แค่ ส.ส.สอบตก อย่ามาลอยหน้าลอยตาใช้ตำแหน่งเป็นเดิมพันกับชีวิตผู้ป่วย ยันรัฐบาลมีมาตรฐานแก้หวัดใหญ่ ลั่น 63 ปี ปชป.ไม่มีฮั้ว ลั่นเต็มที่สนามอีสาน
วันนี้ (7 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีการต่อต้านการลงพื้นที่ของ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า การลงพื้นที่ของนายวิทยาได้รับการต่อต้านแบบป่าเถื่อนบุกเข้าล้อม เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของชาวเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว น่าเสียใจที่คนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็กๆ มาทำลายภาพลักษ์ของคนเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนที่มีจิตใจดี และรักษาความเป็นเมืองท่องเที่ยวมาโดยตลอด แต่ก็ถูกทำลายโดยคนกลุ่มหนึ่ง และไม่แน่ใจว่าเป็นคนเชียงใหม่จริงหรือไม่
นายเทพไท กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีการปลุกระดมโดยเครือข่ายวิทยุชุมชุม เรียกร้องให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมา จึงอยากให้จับตามองสถานีวิทยุชุมชุมที่เชียงใหม่ รวมไปถึงวิทยุชุมชนคนรักอุดรของนายขวัญชัย ไพรพนา ที่ จ.อุดรธานี ที่จะเปิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ารายการทุกวันจันทร์ และวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ของ นายชินวัตร หาบุญพาด ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นการทำเพื่อปลุกระดมต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้หรือไม่ อยากให้หน่วยงานรับผิดชอบจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แม้จะเป็นคนกลุ่มน้อยก็ตาม แต่ต้องจับตาเพื่อความไม่ประมาท นอกจากนี้ หากยังมีการปลุกระดมอย่างนี้อีก ตนจะทำหนังสือยื่นต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนนราษฎร เพื่อเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงและหามาตรการแก้ไขป้องกัน
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องให้ นายวิทยา แก้วภราดัย และนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เพราะแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไมได้ ว่า รัฐบาลได้ใช้มาตรฐานในการแก้ไขและป้องกันอย่างเต็มที่ ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าต่างประเทศ เหตุที่มีผู้เสียชีวิต เพราะเป็นเหตุสุดวิสัยและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและพยายามแก้ไข
“อยากจะให้พรรคเพื่อไทยกลับไปดูว่าสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ มีโรคระบาดไข้หวัดนก และโรคซาร์ส ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องให้นายกฯ หรือรัฐมนตรีสาธารณสุขแสดงความรับผิดชอบ เพราะรู้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่วันนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กลับมาท้าเดิมพันตำแหน่ง อยากจะถามว่า นายพร้อมพงศ์ มีตำแหน่งที่มีศักดิ์ศรีพอมาเดิมพันตำแหน่ง เพราะนายพร้อมพงศ์ เป็นเพียง ส.ส.สอบตก และเป็น ส.ส.สอบตกในพรรค ที่วันนี้ไม่มีใครอยากเป็นหัวหน้าพรรค ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ หรือภาษาสมัยใหม่ ก็คือ ไม่อยากจะเอาเพชรไปแลกกับก้อนกรวด แต่กลับมาลอยหน้าลอยตามาท้าเดิมพันตำแหน่ง อย่างนายพร้อมพงศ์เป็นได้เพียงว่าเป็นเสด็จพี่ในหนังจักรๆ วงศ์ๆ เท่านั้น ถ้าให้ทันสมัยหน่อยก็ต้องเรียก ไอ้จ๋อจ้อรายวัน”
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจฮั้วกันในทางการเมืองในการเลือกตั้งในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า การกล่าวหาของนายไพจิตรว่าพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ฮั้วกันทำพื้นที่อีสานไม่เป็นความจริง เพราะปกติการทำพื้นที่ในเขตอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ได้ตื่นตัวเรื่องการเลือกตั้งสำหรับภาคอีสานมาโดยตลอด ไม่เคยมีพรรคสาขา ไม่เคยมีพรรคนอมินี
ส่วนที่ นายไพจิต กล่าวอ้างว่า รสช.ทำให้ทหารไม่สามารถเดินพื้นที่ภาคอีสานได้ จึงตั้งพรรคเสรีธรรมแทนก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะพรรคตัวแทน รสช.คือ พรรคสามัคคีธรรม และพรรคสามัคคีธรรมก็ประสบความสำเร็จในอีสาน ในวันนี้ผ่านยุค คมช.ไปแล้วก็ไม่มีพรรคตัวแทน จึงขอให้นักการเมืองทุกพรรคเคารพในอุดมการณ์ของพรรคการเมืองอื่น เพราะทุกพรรคต่างก็มีอุดมการณ์เหมือนกัน ไม่ควรดูถูกพรรคการเมืองอื่นว่าเป็นสาขาของพรรคการเมืองอื่น และการฮั้วกันทางการเมืองก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง กลายเป็นฮั้วแตกทุกครั้งหลังการเลือกตั้ง การเลือกกตั้งในภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังรัฐบาลครบวาระ พรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครและสู้อย่างเต็มที่ ระดับพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมืองอายุ 63 ปี ไม่มีการฮั้วทางการเมืองอย่างเด็ดขาด