มติ กกต.เสียงข้างมาก ยกคำร้องกรณีร้อง “สุเทพ” ทำหนังสือถึง รมว.วัฒนธรรม ขอส่ง 19 ส.ส.ปชป.ไปช่วยงาน ชี้ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญระบุอำนาจในฐานะรองนายกฯ
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณารายงานผลสรุปการสอบสวนกรณี นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายและเครือข่ายร้องขอให้พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 182(7) ของรัฐธรรมนูญกรณีมีหนังสือถึง รมว.วัฒนธรรม ขอส่งตัว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวม 19 คนไปช่วยงาน โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพ ไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่าย เพราะหนังสือที่มีไปถึง รมว.วัฒนธรรม นั้น กระทำในฐานะรองนายกฯ ซึ่งมีสถานะเป็น รมต.เช่นเดียวกัน โดยมีการแจ้งรายชื่อแนบท้ายของบุคคลที่ประสงค์ขอไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม กรณีดังกล่าวนี้ รมว.วัฒนธรรม มีอำนาจในการพิจารณาได้เองว่าจะรับบุคคลดังกล่าวนี้ไปช่วยงานตามที่ร้องขอหรือไม่ ทั้งนี้ ในการสอบสวนยังไม่ปรากฎหลักฐานอื่น ว่า นายสุเทพ ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซง จึงว่าการกระทำของ นายสุเทพ ยังไม่เข้าข่ายมาตรารัฐธรรมนูญมาตรา 182(7)
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า มติเสียงข้างมาก กกต. สวนทางกับมติเสียงข้างมากของอนุกรรมการสอบสวน 4 ต่อ 1 ที่เห็นการกระทำของนายสุเทพเข้าข่ายเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม โดย กกต.เสียงข้างน้อยที่เห็นว่าการกระทำของนายสุเทพเข้าข่ายเป็นความผิด คือ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่เห็นว่า การมีหนังสือส่งตัว ส.ส.ไปช่วยงานกระทรวงวัฒนธรรมของนายสุเทพนั้น ถือว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปก้าวก่ายแล้ว แม้ว่านายสุเทพจะมีการยกเลิกหนังสือส่งตัวแต่การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เรื่องนี้ปรากฎเป็นข่าวและถูกโจมตีโดยสื่อมวลชน รวมทั้งถูกพรรคเพื่อไทยร้องต่อ กกต.