ที่ประชุม กกต.มีมติรับคำร้องผู้ว่าฯแพร่ ยื่นสอบ “วรวัจน์” พาแดงถ่อยบุกล้อมวิทยุชุมชนแพร่ เข้าข่ายผิด กม.อาญา และ รธน.พร้อมขยายเวลาอนุฯ สอบเหตุแจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ครบถ้วนขณะดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม
วันนี้ (26 พ.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติให้รับเรื่องไว้ตรวจสอบ กรณีที่สำนักงาน กกต.จ.แพร่ ส่งเรื่องที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ร้องเรียนให้ตรวจสอบ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.จ.แพร่ พรรคเพื่อไทย หลังนำผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปปิดล้อมสถานีวิทยุชุมนุมจังหวัดแพร่ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา และรัฐธรรมนูญมาตรา 266(1) เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทาง กกต.จึงรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการรับไปดำเนินการไต่สวนต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการไต่สวนครั้งที่ 1 ให้อนุกรรมการไต่สวนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ขอให้ตรวจสอบ นายวรวัจน์ กระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 106(6) ฐานแสดงบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบไม่ครบถ้วน ขณะดำรงตำแหน่งเป็น รมว.วัฒนธรรม ซึ่งทางคณะอนุกรรมการได้ทำหนังสือเชิญพยานบุคคล และนายวรวัจน์เข้ามาให้ปากคำ แต่ นายวรวัจน์ ได้ขอเลื่อนการให้ปากคำ โดยอ้างว่า ยังติดประชุมร่วม ส.ส.และ ส.ว.โดยขอเลื่อนมาให้ปากคำหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ทาง กกต.จึงมีมติให้ขยายเวลาการสอบสวนไปอีก 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกต.เห็นชอบขยายเวลาให้อนุกรรมการไต่สวนกรณี นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์และเครือข่าย ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการในกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) หลังมีหนังสือถึง รมว.วัฒนธรรม เพื่อให้ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 19 คน ไปช่วยราชการ ซึ่งถือเป็นกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(1) จนเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182(7) หรือไม่ เนื่องจากการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ โดยให้ขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 5 มิ.ย.นี้